บทที่ 369 เมื่อไหร่ถึงจะจบสิ้นสักทีนะ

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่369 เมื่อไหร่ถึงจะจบสิ้นสักทีนะ

แต่เพียงไม่นาน ลี่จุนซินก็หยุดยิ้ม แล้วมองลี่จุนถิงด้วยเสียงจริงจัง: “ลี่จุนถิง เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

ลี่จุนถิงเองก็เป็นคนฉลาดไม่เบา เลยมองความแปลกไปของลี่จุนถิงออก

เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ ลี่จุนถิงก็ถอนหายใจเบาๆ เพราะว่าปกปิดพี่สาวของตัวเองไม่ได้แล้ว

“ฉันไปตรวจสอบคนที่ทำร้ายเจียงหยุนเอ๋อครั้งก่อน แต่กลับพบอะไรแปลกๆ ……เพราะคนนั้นเหมือนกับลี่จีถองเลยล่ะ”

ลี่จุนซินเบิกตาโพลงอยู่นาน ก่อนจะเปิดปากพูดขึ้นอย่างลังเล: “แต่ว่า……กล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลนั้น หน้าตาดูไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ ไม่มีความเหมือนกับ……คุณอาเลยล่ะ”

ลี่จุนถิงส่ายหัวสักพัก จากนั้นก็พูดด้วยความคิดที่มี: “หน้าตาไม่เหมือนเท่าไหร่ แต่ว่ารูปร่างนั้น……”

พูดไป ลี่จุนถิงกลัวว่าลี่จุนซินจะไม่เชื่อ เลยหยิบโทรศัพท์ให้ลี่จุนซินดูรูปที่เขาถ่ายจากกล้องวงจรปิดมา

ลี่จุนซินเองก็มองรูปภาพนั้นด้วยความตกใจปนสงสัย มัน……เหมือนกับลี่จีถองจริงๆ แต่บนโลกใบนี้ ก็มีคนที่รูปร่างเหมือนกันไม่น้อยเลย

“ลี่จุนถิง ปล่อยวางบ้างเถอะ อย่าคิดมากขนาดนี้เลย บางทีอาจจะแค่บังเอิญก็ได้”

ลี่จุนซินเปิดปากโน้มน้าว

ถึงลี่จุนถิงจะพยักหน้า แต่ในใจกลับไม่มีท่าทีจะปล่อยไปเลยแม้แต่น้อย

เพราะว่ายังมีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการ ลี่จุนซินเลยไม่ได้อยู่กับลี่จุนถิงนานมาก หลังจากที่โน้มน้าวเสร็จก็จากไป เหลือเพียงลี่จุนถิงที่นั่งคิดอยู่คนเดียว

การปรากฏตัวของคนคนนั้น จะเป็นแค่เรื่องบังเอิญจริงๆ เหรอ?

ในเวลาแบบนี้……มันบังเอิญเกินไปแล้ว

ช่วงนี้ตระกูลลี่เยือกเย็นขึ้นมาก เพราะว่าเกิดเรื่องขึ้นมากมาย

ท่านปู่ลี่เองก็ยังอยู่โรงพยาบาล มีคนไม่น้อยที่กังวลและเป็นห่วง เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดความวุ่นวายอีกเมื่อไหร่ ดังนั้นช่วงนี้ลี่เจี้ยนหวากับโม่เสี่ยวฮุ่ยเลยรู้สึกไม่ปลอดภัยเท่าไหร่

ตอนที่ลี่จุนซินกลับบ้านแล้ว ก็เห็นโม่เสี่ยวฮุ่ยกำลังนั่งดูโทรทัศน์อย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ เพราะดูไม่เหมือนกำลังดูโทรทัศน์อยู่เลยแม้แต่น้อย

“แม่ กำลังดูอะไรอยู่เหรอ?” ลี่จุนซินวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ ก่อนจะนั่งข้างๆ โม่เสี่ยวฮุ่ยอย่างใกล้ชิด

เมื่อเห็นลี่จุนซินกลับมา สีหน้าของโม่เสี่ยวฮุ่ยเลยดูดีขึ้นหน่อย แต่แววตาก็ยังเผยให้เห็นความเหนื่อยอ่อนอยู่ไม่น้อยเลย

“ลี่จุนซินกลับมาแล้วเหรอ”

ลี่จุนถิงคุยกับโม่เสี่ยวฮุ่ยอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็พบว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยยังคงมีท่าทีเอื่อยๆ ไม่น้อย พลางคิดว่าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว

ตอนแรกทางลี่จุนถิงก็ดูไม่ค่อยดีอยู่แล้ว วันๆ เอาแต่กังวลเรื่องคนที่อยู่เบื้องหลัง ส่วนท่านปู่ลี่เองก็ยังอยู่ในโรงพยาบาล ถ้าเกิดว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยเป็นอะไรไปอีก……

เธอคงจะยอมให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้

“แม่ วันนี้อากาศข้างนอกไม่เลวเลยนะ คุณอยู่บ้านไม่มีอะไรทำ ออกไปข้างนอกกับฉันดีกว่าไหม?พวกเราไม่ได้ออกไปเดินเล่นด้วยกันตั้งนานแล้วนะ”

ลี่จุนซินแสดงความเห็นออกมา

โม่เสี่ยวฮุ่ยจะมองความหวังดีของลี่จุนซินไม่ออกได้อย่างไร เลยลังเลในใจเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

เธอเองก็ไม่อยากให้ลี่จุนซินเป็นห่วงอีก

ทั้งสองคนไปที่ห้างสรรพสินค้า เดินเล่นไปพลาง แต่กลับพบเงาของคนคุ้นเคยที่ห่างออกไปไม่ไกล

รอยยิ้มมุมปากของลี่จุนซินนั้นนิ่งไป ขนาดสีหน้าของโม่เสี่ยวฮุ่ยยังดูไม่ดีเลย

คนนั้นคือส้งหวั่นหวั่น

ถึงแม้ว่าปกติ ลี่จุนซินจะเหมือนไม่ได้มีปัญหาอะไรกับส้งหวั่นหวั่น แต่หลังจากที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของส้งหวั่นหวั่นแล้ว เธอก็ไม่เคยติดต่อกับส้งหวั่นหวั่นเองอีกเลย

ในใจของโม่เสี่ยวฮุ่ยนั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าส้งหวั่นหวั่นเป็นคนอย่างไร เพียงแต่ว่า ส้งหวั่นหวั่นนั้นเป็นสะใภ้ที่เธอเลือกมาตลอด มันยากมากกว่าลี่จุนถิงจะยอม แต่สุดท้ายงานแต่งงานกลับล่มไม่เป็นท่า

แถมยังทำเสียจน……ส้งหวั่นหวั่นเสียหน้าต่อคนมากมาย

สำหรับส้งหวั่นหวั่น โม่เสี่ยวฮุ่ยก็รู้สึกผิดอยู่ในใจไม่มากก็น้อย เมื่อได้เห็นส้งหวั่นหวั่นหันมาพอดี เลยต้องเข้าไปทักทายเสียหน่อย

“หวั่นหวั่น ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

ลี่จุนซินเองก็ทักทายส้งหวั่นหวั่นด้วยการพยักหน้าเช่นเดียวกัน

สำหรับคนตระกูลลี่สองคนที่ดูไม่เป็นตัวเองนั้น ส้งหวั่นหวั่นกลับสงบเป็นพิเศษ

“คุณป้า พี่ลี่จุนซิน บังเอิญจังเลยนะ พวกคุณเองก็เดินเล่นเหมือนกันเหรอ ได้ยินว่ามีร้านกาแฟเปิดใหม่ ไปดื่มด้วยกันสักแก้วไหม?” ส้งหวั่นหวั่นทักทายพวกเขาอย่างเป็นกันเอง

เมื่อได้ยินดังนั้น โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ปฏิเสธไม่ได้ เลยพยักหน้าเบาๆ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน

“ได้สิ”

ทั้งสามคนไปที่ร้านกาแฟที่ส้งหวั่นหวั่นแนะนำ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ก่อนนั้น โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ยังติดใจอยู่ไม่น้อย เลยอยากจะขอโทษส้งหวั่นหวั่นอย่างจริงใจอีกครั้ง

“หวั่นหวั่น เรื่องก่อนหน้านี้ พวกเราตระกูลลี่ทำผิดกับคุณเอง”

ส้งหวั่นหวั่นอึ้งไป ในแววตาก็มีความเกลียดชังขึ้นมา แต่เธอก็ปกปิดเอาไว้ด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะพยายามยิ้มออกมาตามเดิม

“คุณป้าพูดอะไรกัน?ถึงอย่างไรความรักก็ต้องดูทั้งสองฝ่าย ก่อนหน้านี้ฉันหัวรั้นเกินไป ตอนนี้ฉันคิดออกแล้วล่ะ เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยไปเถอะ ฉันปล่อยวางไปนานแล้วล่ะ”

เมื่อได้ยินส้งหวั่นหวั่นพูดแบบนั้น โม่เสี่ยวฮุ่ยก็วางใจลง พลางถามว่าช่วงนี้ส้งหวั่นหวั่นเป็นอย่างไรบ้าง

ส้งหวั่นหวั่นก้มหน้าลงเล็กน้อย ใบหน้ามีความเขินอายเล็กน้อย: “พอดีวันนี้ได้มาเจอแล้ว ฉันเลยอยากจะบอกเรื่องน่ายินดีกับคุณป้าสักหน่อย อีกไม่นานฉันจะหมั้นแล้วล่ะ”

โม่เสี่ยวฮุ่ยอึ้งไป ก่อนจะยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “นั่นมันเป็นเรื่องที่ดีมากเลยล่ะ”

ก่อนหน้านี้เธอยังเป็นห่วงว่าลี่จุนถิงจะทำลายเธอ แต่เมื่อได้เห็นส้งหวั่นหวั่นเป็นฝั่งเป็นฝา เธอเองก็สบายใจขึ้นเยอะ

“เดี๋ยวต้องเชิญคุณป้ากับพี่ลี่จุนซินมาร่วมงานแต่งงานของพวกเราด้วยนะ” ส้งหวั่นหวั่นพูดต่อ

โม่เสี่ยวฮุ่ยยิ้มพลางพยักหน้า: “ได้อยู่แล้วล่ะ”

ลี่จุนซินขยับริมฝีปากเล็กน้อย เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี

ก่อนหน้านี้ส้งหวั่นหวั่นดื้อดึงกับลี่จุนถิงมาก เธอปล่อยวางได้แล้วจริงๆ เหรอ?

แต่ว่า สำหรับส้งหวั่นหวั่นนั้น ถึงจะไม่อยากปล่อยวาง ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วล่ะ……

ถ้าเธอคิดได้จริงๆ คงจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยเลยล่ะ

“ขอให้คุณมีความสุขนะ” เมื่อคิดไปคิดมา ลี่จุนซินเองก็พูดได้แค่ประโยคนี้

อารมณ์ของส้งหวั่นหวั่นนั้นไม่ได้มีอะไรผิดแผกไป แต่รับคำอวยพรของลี่จุนซินด้วยความยินดี

หลังจากที่คุยกันไปสักพัก ส้งหวั่นหวั่นก็บอกลาพวกเขา

“แฟนฉันมารับฉันแล้ว ฉันต้องไปก่อนนะ”

ลี่จุนซินรีบลุกขึ้นมา ก่อนจะเดินไปส่งส้งหวั่นหวั่นที่ประตู

“ฉันไปส่งคุณนะ”

ส้งหวั่นหวั่นกลับไม่ได้ปฏิเสธ ทั้งสองคนเดินไปที่ประตูพร้อมๆ กัน จากนั้นส้งหวั่นหวั่นก็โบกมือให้เธอ

ลี่จุนซินยืนอยู่ที่เดิม พลางมองส้งหวั่นหวั่นขึ้นรถหรูคันนั้นไป ก่อนจะมองเห็นคนขับรถด้วยความบังเอิญ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย

ผู้ชายคนนั้น……ทำไมถึงดูคุ้นตาจังเลยนะ