บทที่ 370 ใครที่มันไม่รู้เรื่องรู้ราวขนาดนี้

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่370 ใครที่มันไม่รู้เรื่องรู้ราวขนาดนี้

โม่เสี่ยวฮุ่ยเดินออกมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เมื่อเห็นเงาของส้งหวั่นหวั่นที่เดินออกไป ก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล

ถึงแม้ว่าAnthonyที่อยู่ข้างๆ ส้งหวั่นหวั่นจะไม่หล่อเท่าลูกชายตัวเอง แต่ว่าก็ดูเป็นคนมีเงินมากทีเดียว

ถึงก่อนหน้านี้ส้งหวั่นหวั่นจะถูกลี่จุนถิงทิ้งไป แต่ตอนนี้เธอก็ลืมได้แล้ว และเริ่มชีวิตใหม่ของตัวเอง

เมื่อได้เจออีกครั้งก็รู้สึกว่ามีชีวิตที่ไม่เลวเลย

พลางคิดถึงเมื่อก่อนที่ส้งหวั่นหวั่นพยายามมาเอาใจตัวเอง ไม่ใช่แค่เอาของขวัญมาให้ตัวเอง แต่ยังแบ่งปันอะไรดีๆ อีกมากเลยล่ะ

เธอไม่ใช่แค่คนปากหวาน แต่ยังชอบทำให้ตัวเองมีความสุขอีกด้วย

สำหรับการที่จะให้ส้งหวั่นหวั่นมาเป็นสะใภ้ของตัวเองนั้น โม่เสี่ยวฮุ่ยก็พอใจไม่น้อยเลยล่ะ

แต่ตอนนี้มีอะไรไม่เป็นใจเต็มไปหมด เลยทำให้รู้สึกไม่พอใจอยู่ไม่น้อย

ช่วงนี้เรื่องที่บ้านก็ทำให้เธอรู้สึกแย่พออยู่แล้ว

สามีของตัวเองก็เข้าโรงพยาบาล ลูกชายของตัวเองก็ไม่ค่อยกลับบ้าน ทำให้สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนนี้บ้านตระกูลลี่นั้นบรรยากาศอึมครึมไปหมด โม่เสี่ยวฮุ่ยเองก็อยู่บ้านจนจะป่วยแล้ว

เมื่อไหร่สถานการณ์แบบนี้มันจะจบลงสักที

เมื่อคิดได้แบบนี้ โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ไม่มีอารมณ์จะเดินเล่นอีกต่อไปแล้ว

“แม่ คุณจะไปไหน?” ลี่จุนซินเองก็รู้สึกได้ถึงความไม่สบายใจของโม่เสี่ยวฮุ่ย

อดไม่ได้ที่จะมองไปทางที่ส้งหวั่นหวั่นจากไปสักพัก

“ไปโรงพยาบาล” โม่เสี่ยวฮุ่ยจากไปพร้อมกับรองเท้าส้นสูงที่เธอใส่

ลี่จุนซินเดินตามไป: “แม่ คุณไม่เดินเล่นแล้วเหรอ?”

โม่เสี่ยวฮุ่ยส่ายหัว: “ไม่เดินเล่นแล้ว ไม่มีอารมณ์จะเดินเล่นแล้วล่ะ”

“อ๋อ” ลี่จุนซินพยักหน้า

ลี่จุนซินกับโม่เสี่ยวฮุ่ยนั่งรถไปที่โรงพยาบาล เพื่อไปเยี่ยมท่านปู่ลี

ช่วงนี้คนของตระกูลลี่นั้นไปที่โรงพยาบาลบ่อยที่สุดเลยล่ะ

มีแต่คนมาเยี่ยมท่านปู่ลี่

ลี่จุนซินกับโม่เสี่ยวฮุ่ยเปิดประตูเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยของท่านปู่ลี่เบาๆ

ท่านปู่ลี่ใส่หน้ากากออกซิเจน มือข้างหนึ่งก็เจาะน้ำเกลืออยู่ เพื่อให้สารอาหาร สีหน้าเองก็ซีดเซียว

ท่านปู่ลี่ที่หลับตาอยู่นั้นดูอ่อนโยนกว่าปกติที่จะดูเข้มงวดอยู่ตลอดเวลา

ท่านปู่ลี่ไม่ได้สติไปหลายวันแล้ว เขาไม่ฟื้นขึ้นมาสักที โม่เสี่ยวฮุ่ยเองก็เริ่มเป็นกังวล

“เห้อ” โม่เสี่ยวฮุ่ยถอนหายใจ “ไป ไปฉันหาหมอกับฉันเถอะ”

ลี่จุนซินไปที่ห้องทำงานของหมอกับโม่เสี่ยวฮุ่ย

“หมอ”

“เอ้า คุณนายลี่ คุณหนูลี่” เมื่อหมอเห็นว่าเป็นโม่เสี่ยวฮุ่ยกับลี่จุนซิน ก็รีบลุกขึ้น พลางต้องรับ

“อือ ฉันมาเพื่อถามอาการของท่านปู่ลี่น่ะ” โม่เสี่ยวฮุ่ยเดินเข้ามาในห้องทำงาน

“ได้เลย” หมอหยิบเก้าอี้มาให้โม่เสี่ยวฮุ่ยกับลี่จุนซิน “คุณนายลี่ คุณหนูลี่ พวกคุณนั่งก่อนเถอะ”

โม่เสี่ยวฮุ่ยกับลี่จุนซินนั่งลง จากนั้นสีหน้าก็ดูหนักใจ

“หมอ ท่านปู่ลี่เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ช่วงนี้ร่างกายของท่านปู่ลี่นั้นไม่เลวเท่าไหร่”

โม่เสี่ยวฮุ่ยขมวดคิ้ว: “แล้วทำไมถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีกล่ะ?”

หมอลำบากใจไม่น้อยเลย: “อาการของท่านปู่ลี่เนี่ย เพราะว่าเขาเจอเรื่องร้ายแรงมาก เขาเองเลยไม่อยากจะฟื้นขึ้นมา เลยยังนอนอยู่แบบนั้นน่ะ”

ลี่จุนซินเปิดปากพูด: “แล้วทำอย่างไรดี?ต้องให้ปู่ของฉันนอนอยู่แบบนั้นไปเรื่อยๆ เหรอ?”

หมอปลอบใจโม่เสี่ยวฮุ่ยกับลี่จุนซิน: “เรื่องนี้รีบร้อนไปก็ไม่ได้อะไร รอให้ท่านปู่ลี่อยากตื่นเมื่อไหร่ เดี๋ยวเขาก็จะฟื้นขึ้นมาเอง”

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของโม่เสี่ยวฮุ่ยก็ดูไม่ดีมากกว่าเดิม

งั้นถ้าเกิดเขารับเรื่องจริงที่ว่าลี่จีถองตายไปแล้วไม่ได้ งั้นเขาก็ต้องอยู่โรงพยาบาลตลอดไปเลยเหรอ?

หมอเองก็มองสีหน้าออก เลยรีบอธิบายว่า: “ไม่ต้องเป็นห่วงไป พวกเราจะใช้ยาที่ดีที่สุดให้กับท่านปู่ลี่ เครื่องมือการรักษาก็มาจากต่างประเทศ ในฐานะที่เป็นญาติ ก็คุยกับเขาได้ปกติ ไม่แน่ว่าอาจจะได้ยิน แล้วฟื้นขึ้นมาก็ได้”

ลี่จุนซินตาเป็นประกาย: “คุณกำลังจะหมายความว่า เขาได้ยินคำพูดของพวกเราเหรอ?”

หมอพยักหน้า: “เข้าใจแบบนั้นก็ได้ เพราะไม่ใช่ว่าท่านปู่ลี่จะไม่มีสติอยู่เลย เขาเพียงแค่ไม่อยากรับความจริงเท่านั้นเอง”

เมื่อโม่เสี่ยวฮุ่ยได้ยินดังนั้น ก็วางใจลงไปไม่น้อยเลย

หลังจากที่ถามคำถามอีกนิดหน่อยทั้งสองคนก็จากไป

โม่เสี่ยวฮุ่ยถอนหายใจอีกครั้ง ตั้งแต่ที่ได้เจอเจียงหยุนเอ๋อ ก็ไม่มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นในบ้านเลย

“แม่ ไม่ต้องถอนหายใจแล้วล่ะ ทำหน้าบูดตลอดเวลา เดี๋ยวจะแก่เร็วนะ” ลี่จุนซินพูดปลอบใจ

โม่เสี่ยวฮุ่ยแต่รู้สึกว่าความหงุดหงิดในใจนั้นไม่มีที่ให้ระบายเลย

“แม่ คุณอยากจะไปที่ไหนต่อเหรอ?”

“ฉันอยากไปวัด จุดธูปไหว้พระเสียหน่อยนะ เพื่อให้พวกเราตระกูลลี่ผ่านเรื่องราวพวกนี้ไปได้ มีชีวิตที่ดี ตอนนี้มีแต่เรื่องร้ายๆ ไม่รู้ว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่กัน”

“ได้ แม่ แต่ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำในบริษัท ต้องไปที่บริษัทสักหน่อย ไปกับคุณไม่ได้แล้วล่ะ”

“โอเค” ลี่จุนซินรู้ว่าลูกสาวของตัวเองนั้นเป็นพวกบ้างาน ไม่อย่างนั้นคงไม่โสดมาจนถึงตอนนี้หรอก “คุณช่วยฉันจับตามองลี่จุนถิงด้วยนะ ฉันกลัวว่าช่วงนี้เขาจะอารมณ์ไม่ดี ทำงานอย่างหนัก อย่าให้เหนื่อยเกินล่ะ”

ลี่จุนซินรีบพยักหน้าตอบ: “ฉันรู้แล้วล่ะ”

ถึงโม่เสี่ยวฮุ่ยจะไม่เป็นห่วงลูกชายของตัวเอง แต่เธอเป็นพี่สาวก็ต้องเป็นห่วงน้องชายอยู่บ้าง

หลังจากที่พูดจบ ทั้งสองคนก็แยกจากกัน

ที่ห้องทำงานของประธานบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป

ช่วงนี้ลี่จุนถิงเอาแต่คุยกับเจียงหยุนเอ๋อทุกวัน ดังนั้นเลยอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อยเลย อย่างน้อยก็ยังทำงานได้อย่างสบายอารมณ์มากขึ้น

แต่สิ่งที่ทำให้ผิดหวัง ก็คือเรื่องการหาตัวคนร้าย เพราะยังหาอะไรไม่เจอเลย

“ตรวจสอบมาหลายวันแล้วก็ยังหาอะไรไม่เจออีกเหรอ?” ลี่จุนถิงเริ่มสงสัยในฝีมือการทำงานของลูกน้องตัวเองแล้วว่ามันแย่เกินไปหรือเปล่า?

“คุณชายลี่ ถึงแม้ว่าฉันจะหาคนร้ายไม่เจอ แต่ว่ากลับเจอเรื่องหนึ่ง” ซู่จี้งยี้เอามือประสานกันเอาไว้ที่หน้าอก

“พูดมา”

ซู่จี้งยี้เอาแฟ้มที่อยู่ตรงหน้าอกตัวเองออกมา จากนั้นก็เปิดไปมาแล้วเปิดปากพูดว่า: “ช่วงนี้มีบริษัทเล็กๆ ที่เมืองใกล้ๆ นี้ พวกเขาบอกว่าธุรกิจถูกขัดขวางอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เสียหายอะไรมาก แต่เมื่อรวมๆ กันแล้ว มันก็ไม่น้อยเลยทีเดียว”

“ห๊ะ?” ลี่จุนถิงเลิกคิ้วขึ้นเพราะเริ่มรู้สึกสนใจเล็กน้อย

หลายปีมานี้มีคนขัดขวางธุรกิจตัวเองน้อยลงมากในช่วงนี้ ใครจะอยู่ไม่เป็นขนาดนั้น

“คุณได้ไปตรวจสอบหรือยัง?” ลี่จุนถิงเอานิ้วมือที่เรียวสวยงามเคาะลงบนโต๊ะ

ซู่จี้งยี้พยักหน้า ก่อนจะเอาแฟ้มของตัวเองยื่นให้ลี่จุนถิง: “คุณชายลี่ นี่เป็นสิ่งที่ฉันหามาได้”

การทำงานของซู่จี้งยี้นั้นลี่จุนถิงไม่เป็นห่วงเลย เหมือนกับที่ตัวเองเป็นอยู่ตอนนี้ ซู่จี้งยี้เองก็ไปตรวจสอบมาให้ก่อนแล้ว

ลี่จุนถิงนั่งตัวตรง ก่อนจะเปิดแฟ้มเอกสารไปมา

ซู่จี้งยี้ยืนมองลี่จุนถิงเปิดไปมา พลางอธิบายสถานการณ์ที่เป็นตอนนี้คร่าวๆ : “เป็นบริษัทที่ลงทุนต่างประเทศ ชื่อว่าวั่นหลัยซือ บริษัทนี้เพิ่งจะเข้ามาในประเทศได้ไม่นาน แต่ว่ามีอำนาจเป็นอย่างมาก มีการตีตลาดอยู่ทั่วทุกมุม ไม่ใช่บริษัทของพวกเรา ยังมีบริษัทอีกมากมายที่ได้รับผลกระทบอีกมากด้วย”