บทที่ 371 ทำให้เอ็นดูสุดหัวใจ

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่371 ทำให้เอ็นดูสุดหัวใจ

ลี่จุนถิงฟังพลางดูการวิเคราะห์ของบริษัทน้อยใหญ่ แล้วก็ดูรูปที่ซู่จี้งยี้สรุปออกมาด้วย

ถ้าเกิดเปิดการตลาดของบริษัทปกติคงจะมองอะไรไม่ออกเท่าไหร่ แต่ว่าเมื่อมองสิ่งที่ซู่จี้งยี้สรุปออกมานั้น จะมองเห็นได้ทันทีว่าบริษัทวั่นหลัยซือนั้นตั้งใจจะเจาะจงบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปของพวกเขา

แต่บริษัทอื่นๆ ได้รับผลกระทบไปด้วย แต่มันก็เป็นแค่การตบตาของบริษัทพวกเขาเท่านั้นเอง

“เหอะ” ลี่จุนถิงโยนเอกสารนั้นทิ้ง ก่อนจะมีแววตาไม่แยแส “อยากจะปิดแต่กลับเห็นชัดกว่าเดิม”

ถ้าพวกเขาทำเรื่องให้มันซับซ้อนขนาดนี้ คิดเหรอว่าลี่จุนถิงโง่หรือไง ที่จะดูการกระทำแบบนี้ไม่ออกเลย?

ต้องรู้ด้วยว่าเขาสามารถพาบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปมาได้ไกลขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีการทำอะไรเลยสักหน่อย

บริษัทที่มีอำนาจบาตรใหญ่ขนาดนี้ มักจะชอบแทงข้างหลังกันทั้งนั้น และจะไม่มีทางทำอะไรต่อหน้าตัวเองเด็ดขาด เพราะจะต้องเป็นคนที่ไม่สำคัญเท่านั้น

“งั้นพวกเราจะทำอย่างไรดี?อยากจะลงมือกับพวกเขาตรงๆ เลยงั้นเหรอ?” ซู่จี้งยี้ชอบใช้วิธีการของคนอื่นในการตอบกลับคนคนนั้น

ลี่จุนถิงส่ายหัว: “ไม่ต้องใจร้อนหรอก ไปหาคนที่อยู่เบื้องหลังประโยคนี้เถอะ ฉันอยากจะรู้ว่าใครกันที่อยากจะมาล้อเล่นกับบริษัทของฉัน”

ซู่จี้งยี้รับทราย ก่อนจะออกจากห้องทำงานไป

บ่ายของวันนั้น ผลการตรวจสอบก็ออกมาแล้ว

“หาได้แล้วเหรอ?” ลี่จุนถิงแต่มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าซู่จี้งยี้จะมารายงานผลให้กับตัวเอง

ซู่จี้งยี้พยักหน้า: “ใช่แล้ว คนที่รับผิดชอบอยู่เบื้องหลังของบริษัทนี้ชื่อว่าอันกื๋อเอ๋อ”

“อันกื๋อเอ๋องั้นเหรอ?” ลี่จุนถิงขมวดคิ้ว เขาไม่เคยมีความทรงจำกับคนคนนี้เลย “พวกเราเหมือนจะไม่เคยทำธุรกิจกับเขาใช่ไหม?”

ซู่จี้งยี้พยักหน้า: “ใช่ ไม่มีเลย แต่ว่าวันนี้ตอนที่ฉันตรวจสอบนั้นได้เจออีกหนึ่งเรื่องด้วย”

“พูดมาสิ” ลี่จุนถิงจ้องไม่ละสายตา พลางถาม “ทำไมเดี๋ยวนี้คุณชอบบอกใบ้นักนะ?มีอะไรก็พูดมาเลย”

ซู่จี้งยี้รีบเปิดปากพูด เพราะกลัวว่าตัวเองจะช้าเกินไป แล้วจะโดนลี่จุนถิงเตะเอา: “ฉันพบว่าบริษัทนี้มีการร่วมงานกันอย่างลับๆ กับตระกูลส้ง”

ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนที่ซู่จี้งยี้ได้ผลออกมาเป็นแบบนี้จะตกใจขนาดไหน ตอนนี้เมื่อลี่จุนถิงได้ยินก็ตกใจไปตามๆ กัน: “ตระกูลส้งงั้นเหรอ?”

ทำไมเขาถึงลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปได้นะ

ช่วงนี้ตระกูลส้งดูเงียบๆ ไป ครั้งก่อนก็พูดจาว่าร้างไป แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรจริงจังสักที เลยทำให้ลี่จุนถิงลืมไปเลยว่าตัวเองมีคู่ปรับอย่างตระกูลส้งอยู่ด้วย

คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตระกูลส้งจะเล่นแบบนี้ มองพวกเขาด้อยไปจริงๆ

“งั้นอย่าเพิ่งทำให้เรื่องนี้มันใหญ่โตนะ แล้วก็อย่าเพิ่งทำอะไรด้วย แอบดูอยู่ห่างๆ ก็พอ” ลี่จุนถิงคิดอยู่สักพัก ก่อนจะพูดออกมา

ในเมื่อตระกูลส้งอยากจะเล่นแบบนี้ งั้นตัวเองก็จะล่อด้วยเหยื่อตัวใหญ่ ดูสิว่าพวกเขาอยากจะทำอะไรกันแน่

ตอนแรกไม่ได้มีความต้องการมากขนาดนั้น แต่ตนนี้อยากจะได้สมบัติของตระกูลลี่อีก

คนของตระกูลส้งนั้น เป็นพวกไม่รู้จักเจียมตัว ลี่จุนถิงอยากจะทำให้พวกเขาเสียใจภายหลัง

“ได้” ซู่จี้งยี้รับคำสั่ง

ลี่จุนถิงก้มหน้าลงทำงานของตัวเองต่อ จากนั้นก็เห็นว่าซู่จี้งยี้ยังไม่ไปไหน เลยเงยหน้าขึ้นมา พลางถามด้วยความหงุดหงิด: “มีเรื่องอะไรอีกเหรอ?”

“อือ……” ซู่จี้งยี้กลืนน้ำลาย “เรื่องของคุณชายน้อย วันนี้คุณชายน้อยจะออกจากโรงเรียน จะให้ส่งไปที่คฤหาสน์ หรือว่ามาส่งที่นี่?หรือจะให้ไปส่งที่ตระกูลเมิ่งดี?”

ถ้าเกิดซู่จี้งยี้ไม่เตือน ลี่จุนถิงก็คงลืมไปแล้ว

ลี่จุนถิงคิดอยู่สักพัก ช่วงนี้ถ้าตัวเองไม่เป็นห่วงแต่เรื่องของเจียงหยุนเอ๋อ ก็จะเป็นเรื่องของบริษัทกับการตามจับตัวคนร้าย เลยไม่ค่อยได้อยู่กับถวนจื่อเท่าไหร่

แต่ยังดีที่ถวนจื่อนั้นเป็นเด็กที่เข้าใจโลก ถึงตัวเองจะยุ่ง ไม่มีเวลาดูแลเขา เขาเองก็ไม่งอแง และเข้าใจเรื่องต่างๆ ได้ดีกว่าเด็กในวัยเดียวกัน เลยทำให้คนต่างเอ็นดู

ถ้าเกิดตัวเองไม่ดูแลถวนจื่อให้ดีๆ เจียงหยุนเอ๋อรู้เข้าจะต้องโดนด่าแน่นอน เมื่อคิดได้แบบนั้นลี่จุนถิงเลยเปิดปากพูดออกไป: “เอามาหาฉันเถอะ”

“ได้ เข้าใจแล้วล่ะ” ซู่จี้งยี้หันตัวออกไป

เพิ่งจะก้าวไปได้ก้าวเดียว ก็ถูกลี่จุนถิงเรียกเอาไว้: “จริงสิ ฉันคิดขึ้นมาได้ ก่อนหน้านี้ถวนจื่อลงสมัครแข่งคัดลายมือไม่ใช่เหรอ?”

ลี่จุนถิงจำวันนั้นได้ ถวนจื่อถือใบรายชื่อการลงสมัครมา และเคาะห้องสมุดของตัวเองเบาๆ ก่อนจะมองตัวเองด้วยสายตาหยาดเยิ้ม พลางขอตัวเองเพื่อไปแข่ง

ลี่จุนถิงตอบตกลงไปอย่างง่ายดาย ลูกชายของตัวเองอยากไปแข่งขัน ในฐานะที่เขาเป็นพ่อจะไม่ชอบได้อย่างไรกัน

เมื่อเห็นว่าถวนจื่อกลัวตัวเองไม่น้อย ลี่จุนถิงก็แปลกใจ: “ถวนจื่อ ทำไมต้องกลัวแด๊ดดี้ขนาดนั้นด้วย?”

ถวนจื่อทำปากจู๋อยู่สักพัก หลังจากที่มองลี่จุนถิงสักพัก ก็พูดตะกุกตะกักออกมา: “ฉันเห็นว่าช่วงนี้แด๊ดดี้อารมณ์ไม่ค่อยดี เลยคิดว่าแด๊ดดี้ไม่อยากให้ฉันออกไปไหน ดังนั้นฉันเลยไม่กล้ามา แต่ฉันอยากไปแข่งจริงๆ นะ”

ลี่จุนถิงกอดถวนจื่อเอาไว้แน่นด้วยความรัก เด็กแบบนี้ทำให้คนหลงรักด้วยความเอ็นดูเหลือเกิน

ตัวเองกลับอารมณ์ไม่ดีเพราะว่าเรื่องต่างๆ มากมาย แต่จะโกรธเขาไปด้วยเพราะเรื่องเล็กๆ แบบนี้ได้อย่างไรนะ

ลี่จุนถิงพูดเสียงอ่อน: “แด๊ดดี้จะไม่ให้ไปได้อย่างไรล่ะ ช่วงนี้แด๊ดดี้ไม่ค่อยได้สนใจคุณ ขอโทษด้วยนะ อยากจะทำอะไรก็ทำได้เลย ไม่ต้องมาขอแด๊ดดี้ก่อนหรอก เข้าใจไหม?”

ถวนจื่อได้ยินคำพูดของลี่จุนถิงก็ดีใจมาก ดวงตากลมโตนั้น ก็ยิ้มขึ้นมาเหมือนกับเจียงหยุนเอ๋อไม่มีผิด: “แด๊ดดี้ งั้นถ้าเกิดฉันอยากออกไปเที่ยวล่ะ?”

“คุณอยากไปเที่ยวที่ไหนล่ะ?” ลี่จุนถิงอุ้มถวนจื่อมานั่งที่ขาของตัวเอง

ถวนจื่อคิดอยู่สักพัก: “ฉันไม่มีที่ที่อยากไป แต่อยากจะไปเที่ยวกับแด๊ดดี้กับหม่ามี้ก็พอแล้ว จากนั้นมีน้องสาวก็พาน้องสาวไปด้วย”

ลี่จุนถิงได้ยินดังนั้นก็เงียบไปสักพัก เพราะคิดไม่ถึงเลยว่าลูกจะคิดถึงแม่แล้ว

“อือ รอหม่ามี้คลอดน้องสาวออกมาก่อน เดี๋ยวฉันจะพาพวกคุณไปนะ”

ถวนจื่อได้ยินดังนั้นก็จุ๊บลี่จุนถิงด้วยความดีใจ

“ได้เลย” ความคิดของลี่จุนถิงนั้นถูกคำตอบของซู่จี้งยี้ตัดบทไป

“คุณเก็บของเถอะ เดี๋ยวฉันจะพาถวนจื่อไปแข่งด้วยตัวเอง” ลี่จุนถิงอยากจะเติมเต็มให้กับถวนจื่อในช่วงเวลาที่ผ่านมา

อีกอย่างการแข่งขันการคัดลายมือนั้นไปแข่งที่เมืองX พอดีว่าเจียงหยุนเอ๋อเองก็อยู่ที่นั่น

หลังจากที่แข่งการคัดลายมือเสร็จ ก็พาถวนจื่อไปเจอเจียงหยุนเอ๋อได้ ตัวเองก็สามารถได้เจอภรรยาที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสมาหลายวันแล้วด้วยตาตัวเองเหมือนกัน

“ได้ ฉันรู้แล้วล่ะ ฉันจะกำชับให้คนไปเตรียมตัวให้”

การเตรียมตัวในตอนนี้กับเมื่อก่อนมันไม่เหมือนกันเลย

ถ้าเกิดก่อนหน้านี้บอกว่าเตรียมตัว อาจจะให้คนเก็บของ แต่ตอนนี้แค่ถวนจื่อจะเดินทาง ก็ต้องเตรียมบอดี้การ์ดมาข้ากายด้วย

ตอนนี้สิ่งที่ควบคุมไม่ได้รอบตัวเจียงหยุนเอ๋อกับถวนจื่อนั้นเยอะมาก ลี่จุนถิงเลยต้องเตรียมตัวเพื่อไม่ให้เกิดอะไรร้ายๆ ขึ้นอย่างเข้มงวด