บทที่ 411 คนใกล้ชิดตีตัวออกหาก

ข่าวการตั้งตัวเป็นฮ่องเต้ในเมืองอวิ๋นจงของเซี่ยเซวียนถูกประกาศไปทั่วทั้งใต้หล้าแล้ว ตอนที่หลี่ฮองเฮาทรงทราบเรื่องก็นับว่าช้ามากแล้ว ส่วนเซี่ยซั่วยุ่งอยู่กับการเข้าวัง จึงเพิ่งจะได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

อีกทั้งหานเหล่ยยังกลายเป็นที่ปรึกษาของเซี่ยเซวียน แต่เมื่อวานตอนที่เขาเจอเซี่ยหยาง เจ้านั่นไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ ออกมาเลยสักนิด

หากไม่ใช่รู้มาตั้งนานแล้ว ก็ต้องเป็นเพราะเขายังมีทางหนีทีไล่อื่นอีก

เซี่ยหยางในตอนนี้ทำให้เซี่ยซั่วคาดเดาไม่ถูกจริง ๆ

แต่สิ่งที่น่าโมโหยิ่งกว่าก็คือ เซี่ยเซวียนกลับโชคดี ขนาดถูกปลดเป็นสามัญชนใกล้จะถูกตัดสินประหารชีวิต ทว่าก็ยังสามารถเอาชีวิตรอดไปได้ และยังสามารถหาช่องให้กากเดนของสี่ขุนศึกใหญ่เหล่านั้นมาสนับสนุนได้ โดยอาศัยที่ตัวเองมีสายเลือดของตระกูลเซี่ยเพื่อขึ้นครองบัลลังก์!

เยี่ยมจริง ๆ ตอนนี้เซี่ยเซวียนเหนือกว่าเขาอีกขั้น กลายเป็นฮ่องเต้ไปแล้ว เมืองอวิ๋นจงนั่นอยู่ใกล้หลงซี ทั้งยังเป็นดินแดนของหัวหน้ากบฏชาวบ้านสือฟาง ได้ยินว่าสือฟางผู้นั้นคือดาวมรณะที่มาจากในแปดเมืองของหลงซี เป็นคนต่ำต้อยแต่กลับรวบรวมทหารได้จำนวนมาก และค่อย ๆ มีกองกำลังที่ใหญ่ขึ้น หากเซี่ยเซวียนไปพึ่งพาสือฟาง เช่นนั้นก็หมายความว่าเขาเป็นได้แค่ฮ่องเต้หุ่นเชิดคนหนึ่งก็เท่านั้น

เซี่ยซั่วแทบรอไม่ไหวที่จะไปสืบให้กระจ่างเสียตั้งแต่ตอนนี้ สือฟางผู้นั้นไม่มีทางยกผลประโยชน์ให้คนอื่นง่าย ๆ เหตุใดจึงไม่ตั้งตัวเป็นฮ่องเต้เสียเองเล่า

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าที่เขาจะได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้เซี่ยเจิน เขาไม่อยากทิ้งโอกาสนี้ไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาต้องการให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินตัดสินใจตอนนี้และแต่งตั้งเขาเป็นองค์รัชทายาทเพื่อดูแลบ้านเมือง ฮ่องเต้เซี่ยเจินไม่สามารถดูแลบ้านเมืองได้ ตัวเขากับตำแหน่งฮ่องเต้ก็เหลือแค่การแต่งตั้งเท่านั้น

นี่เป็นโอกาสที่เซี่ยซั่วเข้าใกล้บัลลังก์มากที่สุดแล้ว ดังนั้นให้เขาออกไปตอนนี้เขายังทำไม่ได้

ซูเฟยยังคงมองหน้าเขาด้วยความสงสาร พลางถามหมอหลวงไม่หยุด “ไม่เป็นอะไรจริงหรือ จะทิ้งรอยแผลเป็นไว้หรือไม่ เจ้ารีบสั่งยาสิ แล้วก็ตรวจอย่างละเอียดให้เขาอีกรอบ ห้ามสะเพร่าเด็ดขาด”

เซี่ยซั่วฟังจนรู้สึกหงุดหงิดเต็มที “เสด็จแม่ ไม่ต้องพูดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ข้ามาดูแลเสด็จพ่อ เรื่องแค่นี้นับเป็นอะไรกัน”

ซูเฟยถูกเขาตำหนิเช่นนี้ ก็ไม่เหมาะที่จะคัดค้าน

เซี่ยซั่วรู้สึกว่าการที่นางอยู่ที่นี่มีแต่จะเกะกะขวางทาง จึงเร่งให้นางไปดูหม้อต้มยาแทน ส่วนเขาก็เข้าไปทายาให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินด้วยตัวเอง

เซี่ยหยางต้องมีแผนสำรองอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาต้องแสดงบทลูกกตัญญูต่อหน้าข้าราชบริพารให้ถึงที่สุด

ขอเพียงควบคุมฮ่องเต้เซี่ยเจินได้เขาก็จะชนะแล้ว เซี่ยเซวียนนับเป็นสายเลือดที่แท้จริงอะไรกัน เขาต่างหากถึงจะเป็นองค์รัชทายาทตัวจริง

หลี่ฮองเฮาเห็นเซี่ยซั่วกลับมา ก็หลีกทางให้

ขณะที่เซี่ยซั่วกำลังทาแผลให้ฮ่องเต้เซี่ยเจิน นางก็เอ่ยขึ้นมา “ได้ยินว่าพี่สามเจ้าจะแต่งงานแล้ว คนที่แต่งด้วยเป็นลูกสาวคนเดียวของสือฟาง พิธีแต่งตั้งฮองเฮาถูกกำหนดขึ้นในหนึ่งเดือนข้างหน้านี้”

เซี่ยซั่วประหลาดใจ ไม่รู้ว่าการที่หลี่ฮองเฮาพูดเรื่องนี้กับเขาหมายความว่าอย่างไร ต้องการหยั่งเชิงหรือว่ายอมจำนน

ในสายตาของเซี่ยซั่ว หลี่ฮองเฮาตอนนี้มีเพียงเซี่ยฉือที่เป็นเบี้ยเพียงตัวเดียวของนาง แต่ว่าฮ่องเต้เซี่ยเจินยังมีลูกชายอยู่ ไหนเลยจะยอมให้ลูกชายของอดีตองค์รัชทายาทผู้หนึ่งมาสืบทอดบัลลังก์ได้ ต่อให้ไท่ซ่างหวงจะดื้อรั้น ก็ต้องดูว่าเหล่าขุนนางจะเห็นชอบด้วยหรือไม่?

เซี่ยซั่วใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูแคลนขึ้นมา “เขาไม่ใช่พี่สามของข้าอีกแล้ว ในเมื่อทำความผิดใหญ่หลวง และยังทำผิดซ้ำซาก สมควรให้ราชสำนักส่งทหารไปกำจัดสือฟางเสีย จึงจะสามารถสยบเขาได้พ่ะย่ะค่ะ”

หลี่ฮองเฮาเริ่มสนใจขึ้นมา “หืม ตามความคิดของเจ้า เจ้าคิดว่าควรส่งผู้ใดไปดี?”

เซี่ยซั่วตอบกลับทันที “ย่อมต้องเป็นเผยยวนอยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หลี่ฮองเฮาเปล่งเสียงหัวเราะออกมา “ความคิดไม่เลว เหมือนเสด็จพ่อของเจ้าไม่มีผิด ไม่ทันรู้ตัวเจ้าก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่เพียงนี้แล้ว เอาเถอะ ดูแลเสด็จพ่อของเจ้าให้ดี อีกเดี๋ยวควรให้เขาดื่มยาได้แล้ว”

เอ่ยจบ หลี่ฮองเฮาก็ลุกขึ้น แต่ตอนที่เปิดม่านจู่ ๆ นางก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกหนึ่งคำถาม “สองวันมานี้พี่รองของเจ้ายุ่งอะไรอยู่หรือไม่ เจ้าหาเวลาไปถามเขาหน่อย เพราะขุนนางในเน่ยเก๋อ*ได้ร่างหนังสือสำนึกผิดเสร็จเรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานก็จะให้ฝ่าบาททรงประทับตราหยกด้วยพระองค์เอง”

* เน่ยเก๋อ (内阁) หมายถึง หน่วยงานที่มีอำนาจสูงสุดในการบริหารราชการแผ่นดิน

เซี่ยซั่วสีหน้าซีดเผือดลงทันที กำลังคิดจะถามให้ชัดเจน ทว่าหลี่ฮองเฮากลับจากไปเสียแล้ว

“เสด็จแม่ เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ!” เซี่ยซั่วรีบลุกขึ้น แต่ฮ่องเต้เซี่ยเจินกลับออกแรงใช้ปลายนิ้วดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้ เซี่ยซั่วจึงทำได้เพียงยอมแพ้ไม่ได้ตามหลี่ฮองเฮาไป ก่อนจะก้มหน้าลงมองฮ่องเต้เซี่ยเจินนิ่ง ๆ “เสด็จพ่อ มีอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ อยากรับสั่งอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เซี่ยเจินอ้าปาก เซี่ยซั่วไม่รู้ว่าเขาต้องการจะพูดอะไร ในใจก็คิดว่าฮ่องเต้เซี่ยเจินคงไม่ได้เลือกเซี่ยหยางหรอกกระมัง?

แต่เซี่ยหยางกำลังยุ่งอะไรอยู่กันแน่!!

ซูเฟยเห็นเขาจะตามหลี่ฮองเฮาไป ก็รีบเอ่ยขึ้น “เจ้าจะเรียกหาฮองเฮาทำไม นางไปก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ?”

เซี่ยซั่วร้อนใจจนจะตายอยู่แล้ว แต่เสด็จแม่ของเขากลับไม่เข้าใจสถานการณ์อะไรเลย มิหนำซ้ำยังชี้แนะส่งเดชอีก “ท่านรีบจัดการเรื่องของท่านไปเถอะ ไม่ต้องสนใจข้า”

ซูเฟยรู้สึกน้อยใจ จึงส่งเสียงหึออกมา ก่อนจะกลับไปดูยาต่อ

ฮ่องเต้เซี่ยเจินไฟในตับเป็นพิษ จึงปากขมและแห้งได้ง่าย แต่คนรับใช้เหล่านี้กลับเกียจคร้าน กลัวว่าจะต้องเก็บกวาดที่นอน จึงไม่ได้ให้เขาดื่มน้ำ เพียงกรอกยาให้เขาอย่างเดียวเท่านั้น บัดนี้เจียงเต๋อก็ไม่อยู่ เมื่อเขาคิดว่าตัวเองเป็นถึงฮ่องเต้ ทว่ากลับไม่สามารถดื่มน้ำได้แม้แต่อึกเดียว พูดอะไรก็ไม่ได้ ก็อดไม่ได้ที่ความรู้สึกโศกเศร้าจะพรั่งพรูออกมา

ส่วนเซี่ยซั่วที่กระวนกระวายใจอย่างมาก จึงไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ ได้อีกต่อไป เขาจึงอ้างว่าจะไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นก็วิ่งออกไปอย่างรีบร้อน เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเซี่ยหยางกำลังทำอะไรอยู่

ตำหนักอันใหญ่โต ทันใดนั้นผู้คนก็หนีหายไปจนหมด หมอหลวงมองยาในมือและมองฮ่องเต้เซี่ยเจินที่นอนอยู่ตรงนั้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างระอา ผู้คนต่างพูดกันว่าป่วยเรื้อรัง ไร้ลูกกตัญญู ทว่าครอบครัวเชื้อพระวงศ์กลับแย่กว่าครอบครัวชาวบ้านทั่วไปเสียอีก

ตอนที่เซี่ยห่วงชะโงกหน้าเข้ามา บังเอิญว่าไม่มีใครสนใจเขาพอดี เขาจึงวิ่งตรงไปหาฮ่องเต้เซี่ยเจิน หมอหลวงเห็นว่าเป็นเขา ก็คารวะให้แล้วจึงเอ่ยขึ้นเบา ๆ “องค์ชายสิบระวังนะพ่ะย่ะค่ะ อย่าแตะที่แผลของฝ่าบาทนะพ่ะย่ะค่ะ”

เซี่ยห่วงปัดมือไปมา “ข้ารู้”

เขาเปิดม่านออกมองดูฮ่องเต้เซี่ยเจิน แล้วก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก “เสด็จพ่อ เหตุใดท่านถึงกลายเป็นเช่นนี้เล่า?”

เขาเห็นว่าปากของฮ่องเต้เซี่ยเจินนั้นแห้งจนแตกแล้ว จึงรีบเทน้ำให้เขาหนึ่งถ้วย แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำเช็ดให้เขาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ฮ่องเต้เซี่ยเจินเปิดปากให้องค์ชายสิบป้อนน้ำให้

เซี่ยห่วงจึงทำตามที่เขาต้องการ เมื่อเห็นฮ่องเต้เซี่ยเจินดื่มอย่างรีบร้อนจนเกือบจะสำลัก เขาก็ลูบหน้าอกให้ พลางบ่นออกมาเรื่อยเปื่อย “เหตุใดท่านต้องฆ่าเสด็จพ่อของตัวเองด้วยเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินชะงักไปพร้อมกับจ้องหน้าเซี่ยห่วง ถึงขนาดพ่นน้ำในปากออกมาอีกด้วย เขาลืมไปได้อย่างไรว่าเจ้าเด็กคนนี้ก็ถูกไท่ซ่างหวงเลี้ยงดูเช่นกัน

ไม่แน่อาจจะมาแก้แค้นให้ไท่ซ่างหวงก็เป็นได้

พวกเขาต่างอยากให้เขาตาย เพราะอยากจะปีนขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งของเขา ดังนั้นจึงต้องการบีบให้เขาลงไป!

ทั้งหมดล้วนต้องการบัลลังก์ของเขา

เซี่ยห่วงประหลาดใจที่เห็นเสด็จพ่อตัวเองพ่นน้ำออกมา ก็เอ่ยออกมาอย่างไม่เข้าใจ “ไม่กระหายแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ฮ่องเต้เซี่ยเจินจ้องหน้าเขาเขม็ง เซี่ยห่วงจึงวางถ้วยลง ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบข้า แต่พวกเขาต่างพูดกันว่าท่านไม่ไหวแล้ว แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจท่านอยู่ดี ท่านได้เป็นฮ่องเต้แล้ว เหตุใดถึงยังต้องปลงพระชนม์เสด็จปู่อีกเล่า”

เซี่ยห่วงไม่เข้าใจจริง ๆ คนมากมายบอกว่าเขาโง่เขลา ถูกซูเฟยเลี้ยงดูจนเสียคนไปแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยมีความคิดที่จะฆ่าพ่อแม่ของตัวเอง

หากคนเก่งที่พวกเขาพูดถึง ต้องเป็นสัตว์ร้ายที่ไม่เห็นแก่หน้าใคร เขาก็ขอเป็นคนขี้แพ้เสียยังจะดีกว่า

เซี่ยห่วงมองฮ่องเต้เซี่ยเจิน “เสด็จพ่อ ตอนนี้ลูกรู้สึกว่าท่านช่างน่าสงสารยิ่งนัก เสด็จแม่ก็โง่เขลา แม้แต่พี่ห้าของข้าก็เสียสติไปแล้ว หากเสด็จพี่รัชทายาทยังอยู่ก็คงจะดี เขาคงไม่มีทางปล่อยให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นแน่ เป็นเพราะไม่มีเสด็จพี่รัชทายาท พวกเขาจึงแก่งแย่งแข่งขันกันเช่นนี้

ข้ารู้ว่าท่านไม่ชอบข้า เช่นนั้นข้าไปก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ” เซี่ยห่วงลุกขึ้น ก่อนจะมองฮ่องเต้เซี่ยเจินอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขากลับรู้สึกว่าฟ้าใกล้จะเปลี่ยนสีแล้ว