บทที่ 320 งานศพของวรยา

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ไอริณเห็นพ่อหม่ามี๊และพี่ชายพูดแบบนี้ ก็เชื่อจริงๆ ไม่ร้องไห้อีกต่อไป หลังจากเช็ดน้ำตาแล้ว ก็ยิ้มอย่างดีใจขึ้นมา“พ่อ หนูดูโทรทัศน์เขาบอกว่ามีนางฟ้า คุณยายจะเป็นนางฟ้าใช่ไหม ดังนั้นถึงได้กลายเป็นดาว?”

“ใช่”นัทธีก้มหน้าลง เอาหน้าผากถูไถกับหน้าผากของยัยเด็กสาวตัวน้อย

เด็กสาวหัวเราะขึ้นมาอย่างมีความสุข

วารุณีมองชายหนุ่มที่เอาใจเด็กสาวคนนี้ได้อย่างง่ายดาย ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มจางๆ

และคืนวันนั้น ศรัณย์ก็มาถึง

วารุณีรีบเขามาที่คฤหาสน์

พอเขาเห็นนัทธี ก็ยื่นมือไปอย่างระมัดระวัง“พี่เขย”

“สวัสดี”นัทธียื่นมือไปจับมือกับเขา ขณะเดียวกันก็มองสำรวจเขาด้วย

เขาหน้าตาเหมือนกับวารุณีมาก ก็แค่เพราะว่าเป็นโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ร่างจึงผอมบางมาก ส่วนสูงก็ไม่สูงมากนัก แค่ประมาณร้อยเจ็ดสิบ ดูแล้วเหมือนว่าลมพัดมาก็ปลิวล้มได้

“นั่งเถอะ”นัทธีละสายตากลับ เอามือกลับมาเช่นกัน ชี้ไปที่โซฟา สื่อว่าให้ศรัณย์นั่งลง

ศรัณย์พยักหน้า แล้วนั่งลง

วารุณีกลับเทน้ำให้ชายหนุ่มทั้งสอง

ศรัณย์รับไป แล้วดื่มไปคำหนึ่ง จากนั้นถามว่า:“พี่ ตอนนี้แม่อยู่ไหน?”

“ที่โรงพยาบาล”วารุณีตอบ

ศรัณย์เอาแก้วน้ำถือไว้ในมือ“งั้นงานศพของแม่ จะจัดการเมื่อไหร่?”

วารุณีกัดริมฝีปาก“ที่จริงพี่อยากรู้ความจริงในการเสียชีวิตของแม่ก่อนแล้วค่อยจัดการ แต่ตอนนี้พี่ก็ไม่แน่ใจว่าสรุปแล้วแม่เกิดอุบัติเหตุ หรือว่าถูกพวกสุภัทรสามีภรรยาฆาตกรรม”

เพราะว่าไม่มีหลักฐานจริงๆ

ศรัณย์ได้ยินก็เข้าใจ ถือแก้วน้ำไว้แน่น ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

สุดท้ายก็เป็นนัทธีที่ทำลายความเงียบ“นอกจากทางโรงพักที่กำลังสืบหาแล้ว ผมก็ให้มารุตส่งคนไปสืบ เชื่อว่าพรุ่งนี้น่าจะได้ผล”

“งั้นแบบนี้ พรุ่งนี้ทางโรงพักก็น่าจะได้ผลคืบหน้าแล้วเหมือนกัน?”วารุณีบีบฝ่ามือ

นัทธีพยักหน้า“ประมาณนั้น”

วารุณีละสายตาลง

ดังนั้นสรุปว่าแม่ประสบอุบัติเหตุหรือว่าถูกฆาตกรรม ทั้งหมดนี้ก็รอเปิดเผยพรุ่งนี้

“โอเค นายรีบนั่งเครื่องมาวันหนึ่ง ไปพักผ่อนก่อนเถอะ”นัทธีจูงมือของวารุณี แล้วพูดกับศรัณย์

ป้าส้มเดินเข้ามา“คุณศรัณย์ ตามป้ามาหน่อยค่ะ ป้าจะพาคุณไปที่ห้อง”

“ขอบคุณครับป้าส้ม”ศรัณย์ลุกขึ้น หลังจากลานัทธีกับวารุณีแล้ว ก็ตามป้าส้มไป

นัทธีมองไปที่วารุณี“พวกเราก็กลับห้องเถอะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ควรพักผ่อน”

ที่จริงวารุณีอยากนอนแต่ตัวเองก็ไม่มีอารมณ์นอน แต่หัวที่มึนๆนั้น กลับทำให้เธอพูดคำนี้ไปไม่ออก ดังนั้นสุดท้ายแล้วก็ถูกเขาพาไปด้านบนโดยตรง

วันถัดมา วารุณีก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น อยู่ที่คฤหาสน์ รอผลสืบสวน

รอจนประมาณสี่โมงเย็น ผลสืบสวนก็ออกมา

ทางสถานีตำรวจโทรหาเธอ บอกเธอว่า การตายของวรยาไม่เกี่ยวกับพวกสุภัทรสามีภรรยา เป็นอุบัติเหตุจริงๆ

ไม่ใช่แค่นี้ แม้แต่ผลสืบที่มารุตเอามาก็เหมือนกัน

ทั้งหมดนี้ วารุณีไม่เชื่อก็ไม่ได้แล้ว

วารุณีจับผลการสืบหาที่มารุตเอามาไว้แน่น สักพักจึงปล่อยมือออกเหมือนท้อแท้“ศรัณย์ ส่งคำเชิญเถอะ เตรียมงานศพของแม่”

“ครับ”ศรัณย์พยักหน้าด้วยเบ้าตาแดง

นัทธีก็ไม่อยู่เฉย ขยี้คิ้วแล้วพูดว่า“งั้นผมจะให้คนติดต่อสุสาน”

“อือ”วารุณีหลับตาลง

แป๊บเดียว ก็ส่งคำเชิญไป นัทธีให้คนติดต่อสุสานก็จัดการแล้วเรียบร้อย รอแค่จัดงานศพ

วารุณีจัดการวันจัดงานศพคืออีกสองวันข้างหน้า

สองวันนี้ นอกจากจัดการเรื่องการเผาศพของวรยาแล้ว ก็ยังต้องจัดสถานที่จัดงานศพด้วย ดังนั้นเวลาจึงผ่านไปไวมาก

พงศกรกับปาจรีย์ที่อยู่ต่างประเทศได้รับคำเชิญของศรัณย์ที่ส่งไป ก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ คิดว่าพวกเขาอำเล่น พอโทรไปถาม จึงรู้ว่า นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แต่วรยาเสียแล้วจริงๆ

ทำให้พวกเขาช็อกอยู่นานกว่าจะได้สติคืน จากนั้นจึงเก็บของ กลับประเทศมาอย่างรีบร้อน เข้าร่วมงานศพ

ที่งานศพ วารุณีก็ร้องไห้อย่างหมดสภาพไปอีกครั้ง สุดท้ายร้องไห้จนเป็นลมไป

พอเธอฟื้นมาแล้ว งานศพก็จบลง

นัทธีถือน้ำผสมน้ำผึ้งแก้วหนึ่งมาให้วารุณีที่เตียง“ดื่มหน่อยเถอะ”

วารุณีส่ายหน้า แสดงออกว่าไม่ดื่ม

นัทธีก็ไม่โน้มน้าว เอาน้ำวางไว้ที่หัวเตียง“งั้นคุณอยากดื่มค่อยดื่มละกัน”

วารุณีตอบอือ สื่อว่าเข้าใจแล้ว

นัทธียืนมองเธออยู่ข้างเตียง“ผมรู้ว่าในใจคุณนั้นเสียใจ แต่ตอนนี้แม่ไม่อยู่แล้ว งานศพก็จัดแล้ว คุณก็ควรจะร่าเริงขึ้นมาได้แล้ว เป็นแบบนี้ต่อไปอีกไม่ได้ ข้างกายคุณยังมีผม ยังมีศรัณย์กับลูกอีกสองคน”

เขาอยากบอกเธอว่า เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

วารุณีค่อยๆเงยหน้ามามองเขา ไม่พูดจา

ผ่านไปสักพัก เธอเอนตัวไป หยิบน้ำผสมน้ำผึ้งที่หัวเตียงมาดื่มคำหนึ่ง“ฉันรู้ความหมายของคุณ วางใจเถอะ ฉันไม่เป็นไร ฉันจะคิดให้ดีแล้วร่าเริงขึ้นมา”

“งั้นก็ดี”นัทธีก้มหน้าลง แล้วจูบไปเบาๆที่หน้าผากของเธอ“คุณพักผ่อนอีกหน่อยเถอะ สองวันนี้ไม่ได้กินอะไรเท่าไหร่ พิชิตบอกว่าคุณโลหิตจาง”

“ค่ะ”วารุณีพยักหน้า

นัทธีออกไป

พอออกไปแล้ว ก็ถูกพวกปาจรีย์ขวางไว้

“ประธานนัทธี วารุณีไม่เป็นไรใช่ไหม?”ปาจรีย์ถามอย่างเป็นห่วง

สายตานัทธีมองไปที่เธอ และศรัณย์ที่อยู่ข้างเธอ สุดท้ายก็หรี่ตาเอาสายตามองไปที่พงศกรอย่างเย็นชา

แววตาพงศกรมีความหมองหม่นแวบเข้ามา และก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงยิ้มออกมา“ประธานนัทธี คุณมองผมแบบนี้ทำไมเหรอ เรื่องครั้งที่แล้ว ผมขอโทษคุณแล้วนี่ อีกอย่างคุณก็แต่งงานกับวารุณีแล้ว ผมจะทำอะไรได้อีก?”

“ครั้งที่แล้ว?”ศรัณย์เอียงหัวอย่างสงสัย“พี่เขย ครั้งที่แล้วพี่กับพี่พงศกรเป็นอะไรเหรอ?”

นัทธีไม่ตอบเขา แต่เอาสายตามองไปที่ปาจรีย์“เธอไม่เป็นไร”

“เหรอ?งั้นดีจัง”ปาจรีย์ตบหน้าอก รู้สึกวางใจ จากนั้นส่ายมือ“โอเคๆ งั้นพวกเราแยกย้ายเถอะ อย่าอยู่ตรงนี้เลย จะรบกวนการพักผ่อนของวารุณี”

“พี่ปาจรีย์พูดถูก”ศรัณย์พยักหน้า จากนั้นลงไปกับปาจรีย์

นัทธีกับพงศกรเดินอยู่หลังสุด

นัทธีเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา“ทางที่ดีที่สุดคุณทำเหมือนที่คุณเพิ่งพูดเถอะ อย่าคิดกับวารุณีอย่างนั้นอีก ไม่อย่างนั้น……”

“ไม่อย่างนั้นจะทำไม?”ใบหน้าพงศกรยังคงมีรอยยิ้ม ไม่กลัวคำข่มขู่ของเขาสักนิด

ริมฝีปากบางๆของนัทธีเม้มลง“ผมจะทำให้คุณตายทั้งเป็น อาการป่วยทางจิตก็ไม่สามารถละเว้นให้คุณได้”

“แบบนี้เอง งั้นผมจะจำไว้!”พงศกรดันแว่น

นัทธีไม่สนใจเขาอีก เดินผ่านเขาลงไปชั้นล่างก่อน

พงศกรมองแผ่นหลังของเขา รอยยิ้มที่ใบหน้าค่อยๆหายไป ในแววตาที่อยู่หลังแว่น ก็กลายเป็นน่ากลัวขึ้นมา

แต่ว่าแป๊บเดียว ใบหน้าของเขาก็มีรอยยิ้มคืนกลับมา ในแววตาก็มีความอ่อนโยน เหมือนว่าเมื่อกี๊แค่ประสาทหลอนไป

พอตอนหัวค่ำ พงศกรก็ต้องไปแล้ว

การรักษาของเขาที่ต่างประเทศยังไม่เสร็จสิ้น ยังต้องกลับไปอีก

ตอนที่วารุณีรู้ ก็เป็นวันที่สองแล้ว

แต่เธอไม่มีการตอบสนองใหญ่โตมากนัก ได้แต่พยักหน้า

เพราะสำหรับเธอแล้ว พงศกรไปก็ดี

เรื่องครั้งนั้น ทำให้เธอเกิดความกังวลใจต่อเขา ถึงแม้ในสายโทรศัพท์ครั้งที่แล้ว เธอยกโทษให้เขาแล้ว แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากันจริงๆ เธอก็ไม่รู้ว่าจะคบค้าสมาคมกับเขาอย่างไรดี

“เดี๋ยวไปที่ศาลกับพี่”บนโต๊ะอาหาร วารุณีดื่มนมไปคำหนึ่ง แล้วพูดกับศรัณย์ที่กำลังหั่นไข่อยู่ตรงข้าม

ศรัณย์ตอบกลับอย่างรีบๆ“เข้าใจแล้ว”

นัทธีที่อยู่หัวโต๊ะวางกาแฟในมือลง มองไปที่วารุณี“คุณไม่เป็นไรแล้ว?”