ไม่ช้าเรือนไห่ถังก็ได้รับของขวัญกองใหญ่ราวกับภูเขา
ผู้คนน้อยใหญ่จากจวนอี๋หนิงโหวตระกูลฝั่งท่านแม่ส่งของขวัญมาหลากหลายรูปแบบ รายชื่อผู้ส่งของขวัญยาวเป็นสาย จนกระทั่งเจียงซื่อมองเห็นว่ามีป้าสะใภ้ใหญ่โหยวซื่อมอบกำไลทองคำมาให้คู่หนึ่ง
“อาหมาน หาของที่โหยวฮูหยินมอบให้ออกมา”
อาหมานพลิกหาดูอยู่นาน จากนั้นก็ถือกล่องเล็กๆ กล่องหนึ่งออกมาเปิดออก ด้านในเป็นกำไลทองสีอร่าม คู่หนึ่งมีน้ำหนักหนักอยู่พอควร
เจียงซื่อชำเลืองมอง แล้วพูดขึ้น “เจ้ากับอาเฉี่ยวแบ่งกันคนละอันสิ”
อาเฉี่ยวที่กำลังใช้ลูกคิดทำบัญชี ได้ยินคุณหนูพูดเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง
อาหมานดีอกดีใจพลางสวมกำไลทองคำเข้าไปที่ข้อมือแล้วชูขึ้น กำไลทองคำไหลจากข้อมือลงมาตามแขน “คุณหนู นี่เป็นของที่โหยวฮูหยินมอบให้ เอามาให้บ่าวจะดีหรือเจ้าคะ…”
เจียงซื่อจ้องไปที่รายชื่อ เอ่ยพูดอย่างไม่สนใจใยดี “เพราะว่าเป็นนางให้ถึงได้เหมาะสม”
โหยวซื่อคิดร้ายกับนางเช่นนั้น คิดว่านางยอมถอยให้ก็หมายถึงการให้อภัยงั้นหรือ
ขอโทษด้วย นางเป็นคนที่แค้นฝังหุ่น
ไม่ใช่แค่โหยวซื่อ ยังมีเจียงเชี่ยนด้วย นางเฝ้ารอที่จะเห็นคนใจไม้ไส้ระกำพวกนี้โชคร้ายมากกว่าเดิม
พระราชโองการพระราชทานการแต่งงานถูกประกาศออกมาแล้ว ส่วนวันแต่งงานยังต้องให้สำนักหอดูดาวหลวงเป็นผู้กำหนด และต้องทำตามขนบธรรมเนียมประเพณี งานอภิเษกครั้งใหญ่ขององค์ชายจะต้องเสร็จสิ้นในปีนี้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเจียงซื่อจะไม่ต้องอยู่ที่จวนตงผิงปั๋วไปถึงปีหน้า
ก่อนที่จะออกเรือน นางรู้สึกไม่วางใจเรื่องเจียงเชี่ยนเอามากๆ
ในสายตาของคนทั่วไป เจียงเชี่ยนเป็นผู้ถูกกระทำที่โชคร้าย แต่นางรู้ว่าลึกๆ แล้วเจียงเชี่ยนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด!
มีคนแบบนี้อยู่ในจวนปั๋ว ท่านพ่อกับพี่ชายไม่เป็นไรหรอก ทว่าพี่สาวคนโตที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรล่ะ ถ้าหากถูกวางแผนลอบทำร้ายจะทำอย่างไร
“คุณหนู กูไหน่ไนมาหาเจ้าค่ะ
เจียงซื่อกำลังคิดอยากจะไปหาท่านพี่พอดี ไม่นึกเลยว่าเจียงอีจะมาหา นางจึงออกไปต้อนรับ
เจียงเอียงพาเยียนเยียนเดินเข้ามา
“ท่านน้า นี่คืออะไรหรือเจ้าคะ สวยมากเลยเจ้าค่ะ!” เยียนเยียนชี้ไปที่ต้นปะการังสูงสามนิ้วต้นหนึ่งพลางถามขึ้น
“นี่คือต้นปะการัง ถ้าเยียนเยียนรู้สึกชอบ น้าให้เจ้าไว้ดีไหม”
เยียนเยียนเหลือบมองเจียงอี แล้วส่ายหน้า “ท่านแม่บอกว่าข้าไว้ว่าห้ามหยิบของของคนอื่นตามอำเภอใจ”
เจียงซื่อบีบแก้มของหลานสาว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเสียใจ “หรือว่าในใจของเยียนเยียนน้าเป็นคนอื่น”
“ท่านน้าไม่ใช่คนอื่น ท่านน้าเป็นท่านน้าที่เยียนเยียนชอบมากที่สุด แต่ว่า…” เด็กน้อยถูกตะล่อมกะทันหันเช่นนี้ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก จึงมองไม่ที่ท่านแม่เพื่อขอความเชื่อเหลือ
เจียงอีส่ายหน้า “เลิกแกล้งเยียนเยียนได้แล้ว ที่จริงไม่ควรสอนให้เด็กยื่นมือไปหยิบของได้ตามอำเภอใจ”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ พี่ใหญ่มาก็ดีแล้ว ข้ากำลังจะออกไปหาท่านพอดีเลย”
อาเฉี่ยวกับอาหมานหลอกล่อเยียนเยียนออกไปเล่นข้างนอก ทิ้งให้สองพี่น้องคุยกัน
เจียงอีนั่งมองเจียงซื่ออยู่เงียบๆ
“พี่ใหญ่ มองข้าเช่นนี้ทำไมกัน”
เจียงอียกมือขึ้นมาลูบหัวเจียงซื่อ ถอนหายใจพลางเอ่ยขึ้น “พี่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าน้องจะได้แต่งงานเข้าวัง”
เจียงซื่อเขยิบเข้ามานั่งใกล้กับเจียงอี
ความอบอุ่นที่แผ่กระจายออกมาจากอีกฝ่ายทำให้นางสบายใจ
ดีเหลือเกินที่ในชาติภพนี้ทั้งพี่ชายและพี่สาวล้วนอยู่กันอย่างสงบสุข
“เจียงซื่อ ถึงแม้ว่าจะไม่ควรพูด แต่ว่าในใจของพี่รู้สึกกลัวเล็กน้อย…ที่นั่นคือพระราชวังเชียวนะ หลังจากแต่งงานเข้าไปเวลาพูดจาก็ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง…”
เจียงซื่อเทน้ำชาใส่แก้วส่งให้เจียงอีด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พี่ใหญ่ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงข้าหรอก น้องสาวของท่านทั้งดื้อรั้น ดันทุรังไม่ยอมแพ้ ในเมื่อในวังยังมีคนที่ใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยดี แล้วเหตุใดข้าถึงจะอยู่ไม่ได้ล่ะ ว่าแต่พี่เถอะ มีคนที่ท่านต้องระวังตัวอยู่ให้ห่างไว้สักหน่อย ไม่เช่นนั้นนางอาจจะวางแผนทำร้ายท่านได้”
“ผู้ใดกัน”
“เจียงเชี่ยน”
เจียงอีตะลึง “พี่สาวคนรองของเจ้างั้นรึ”
เมื่อเห็นเจียงซื่อพยักหน้า เจียงอีก็ยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ “นางทำไมหรือ”
“ท่านพี่รู้เรื่องที่ฉังซิงโหวซื่อจื่อฆ่าทำร้ายเด็กสาวหลากหลายคนใช่หรือไหม”
เจียงอีพยักหน้า
ฉังซิงโหวซื่อจื่อต้องโทษประหารชีวิตไปแล้ว ทั้งเด็กและสตรีทั่วเมืองหลวงต่างก็ทราบเรื่องนี้ดี
“ก่อนที่ความผิดของฉังซิงโหวซื่อจื่อจะถูกเปิดเผย เจียงเชี่ยนได้เชิญข้าไปพักค้างคืนที่จวนโหวครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าข้าจะปฏิเสธหรือชักสีหน้าใส่อย่างไร นางก็ยังคงดูมีท่าทางกระตือรือร้น พี่ใหญ่ว่านี่มันหมายความว่าอย่างไรกันล่ะ”
เจียงอีขมวดคิ้ว แล้วหันขวับไปหาเจียงซื่อโดยพลัน เหมือนกับจะเดาอะไรได้สักอย่าง
“นาง นางรู้อยู่แล้วงั้นรึ” ภายใต้ความรู้สึกตกใจสุดขีด เจียงอียังคงน้ำเสียงนิ่ง สีหน้าซีดเผือด
เจียงซื่อเอ่ยพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “พี่ใหญ่ นางไม่เพียงแต่รู้เท่านั้น นางยังเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย”
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากเจียงอีทันที นางยื่นมืออกไปจับมือเจียงซื่อไว้ เอ่ยขึ้นด้วยความหวาดกลัว “ซ่อเอ๋อร์ เจ้า เจ้าทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้!”
สวรรค์ ในขณะที่นางมัวแต่จมอยู่ในความเจ็บปวด ลุ่มหลงในสิ่งที่ผิด ไม่นึกเลยว่าน้องซื่อจะประสบพบเจอกับเรื่องที่น่ากลัวขนาดนี้
เจียงซื่อยิ้ม “เดิมข้าไม่อยากให้มันกวนใจพี่ เพียงแต่ว่าข้าจะออกเรือนแล้ว ทิ้งเจียงเชี่ยนตัวหายนะอยู่กับพี่ที่เรือนหลัง ข้างวางใจไม่ได้หรอก…”
หลายวันที่ผ่านมา นางสังเกตดูพี่ใหญ่ไปมาหาสู่กับเจียงเชี่ยนอยู่เงียบๆ แต่ไม่ได้เข้าไปห้ามตั้งแต่แรกเห็น ขณะที่อนาคตของนางยังไม่ถูกกำหนดแน่นอน ตราบที่นางยังได้อยู่ในจวนปั๋ว เจียงเชี่ยนก็ไม่อาจลุกขึ้นมาก่อเรื่องได้
ทันทีที่ได้ยินเรื่องน่ากลัวขนาดนี้ พี่ใหญ่ที่ไปมาหาสู่กับเจียงเชี่ยนคงจะรู้สึกหวาดกลัวยิ่ง…
เป็นอย่างที่เจียงซื่อคิดไว้ไม่ผิด เจียงอีรู้สึกหวาดกลัว แล้วเอ่ยพึมพำออกมาด้วยใบหน้าที่ซีดขาว “ข้าก็แค่เห็นใจนาง เห็นนางมีเรื่องขอความช่วยเหลือ จึงมีการไปมาหาสู่กันเล็กน้อย แต่ไม่นึกเลยว่านางจะจิตใจโหดเหี้ยมเพียงนี้…”
ถึงแม้จะไม่ได้เกิดออกมาจากพ่อแม่เดียวกัน แต่พวกนางก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เหตุใดเจียงเชี่ยนจะต้องวางแผนทำร้ายเจียงซื่อด้วย!
ในใจของเจียงอีเต็มไปด้วยความโกรธและความกลัว
เสียงรายงานจากอาหมานดังขึ้นมาจากที่หน้าประตู “คุณหนู กูไหน่ไนรองมาหาเจ้าค่ะ”
“น้องซื่อ!” เจียงอีตื่นตระหนก พลางกำมือเจียงซื่อไว้แน่น
เจียงซื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยรับสั่งอาหมานออกไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง “บอกไปว่าข้าไม่อยากพบ”
“น้องซื่อพูดตรงไปหรือไม่” ในสายตาของเจียงอี นางรู้ว่าเจียงเชี่ยนเป็นคนยังไง แค่ตีตัวออกห่างไปตั้งแต่ตอนนี้ก็พอแล้ว “พี่น้องทะเลาะกันในจวนมันน่าเกลียด หากเรื่องถูกแพร่งพรายออกไปผู้อื่นจะพูดกันได้ว่าพอน้องซื่อได้อำนาจจึงดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น มันอาจทำลายชื่อเสียงของน้องได้”
เจียงซื่อยิ้มออกมา “ต้องพูดตรงๆ สิเจ้าคะถึงจะดี”
สู้ลงมือก่อน แทนที่จะมัวกังวลว่าเจียงเชี่ยนจะลงมือเมื่อไรดีกว่า จะได้แก้ปัญหานี้ได้ตั้งแต่แรก
อาหมานเดินออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม “ขออภัยด้วยเจ้าค่ะกูไหน่ไนรอง คุณหนูของพวกเราไม่อยากพบท่าน”
การพูดตามที่คุณหนูบอกมานั้น นางถนัดทำอยู่แล้ว
เจียงเชี่ยนมีสาวรับใช้คอยประคองอยู่ นางผอมจนรูปร่างเปลี่ยน ผิวที่ถูกแสงแดดสาดส่องแทบจะโปร่งใส
นางไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยินเลย
“ไม่อยากพบ?”
อาหมานฉีกยิ้มอย่างสดใสมากยิ่งขึ้น “ใช่เจ้าค่ะ ไม่อยากพบ”
เจียงเชี่ยนกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น ตัวสั่นระริกราวกับใบไม้ที่หลุดลุ่ยห้อยอยู่บนกิ่งไม้
เมื่อรู้ว่าเจียงซื่อกลายเป็นพระชายาอ๋อง ใครจะรู้ว่านางต้องข่มอารมณ์ไว้เพียงไหนเพื่อมาถึงที่นี่ แต่ไม่นึกเลยว่าเจียงซื่อจะพูดอย่างชัดเจนขนาดนี้ว่าไม่อยากเจอนาง
ไม่ไว้หน้านางเลยสักนิด!
กลิ่นเหม็นคาวตีขึ้นมา เหมือนมีสนิมอยู่ในลำคอ
เจียงเชี่ยนฝืนยิ้มออกมาอย่างสุดความสามารถ “ข้ามาแสดงความยินดีต่อคุณหนูของพวกเจ้านะ”
อาหมานกลอกตา “มีผู้คนมากมายมาแสดงความยินดีกับคุณหนูของพวกเรา กูไหน่ไนรองยังไม่เข้าใจอีกหรือ คุณหนูของพวกเราไม่อยากเจอท่าน ไม่อยากเจอ! ไม่เข้าใจหรือไงเจ้าคะ”
“ก็ได้ ก็ได้” เจียงเชี่ยนกัดฟันเดินออกไป
“อาซื่อ อาหมานนาง…” เจียงอีพูดออกมาอย่างไม่แน่ใจ
“กำเริบเสิบสานนัก!” แต่เจียงซื่อกลับยิ้มร่า