บทที่ 322 ไม่อยากอยู่กับเธอ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

นอกจากนี้แล้ว สองวันนี้ วารุณีก็ไม่ค่อยพอใจกับนัทธีเท่าไหร่นัก

นั่นก็คือ เขามักจะไปโรงพยาบาล เวลาที่ไปก็ยาวนานมาก และก็ไม่รู้ว่าเขาไปเยี่ยมนวิยาหรือไม่

คิดถึงตรงนี้แล้ว มือที่วารุณีวางอยู่บนระเบียง ก็อดไม่ได้ที่จะกำแน่นขึ้นมา

“วารุณี”ตอนนี้เอง ด้านหลังก็มีเสียงของปาจรีย์ดังขึ้นมา

วารุณีสูดหายใจเข้า จัดการอารมณ์เรียบร้อย ก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม“ทำไมเหรอ?”

“มีข่าวดี”ปาจรีย์ส่ายเอกสารในมือไปมา

“ข่าวดีอะไร?”เห็นความตื่นเต้นที่ใบหน้าเธอที่เก็บไม่อยู่ วารุณีก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็น เดินไปที่ห้องทำงาน

ปาจรีย์เอกเอกสารยื่นให้เธอ“แน่นอนว่าการสนับสนุนจากประเทศ พวกเราได้รับโควตา!”

“อะไรนะ?”วารุณีตกใจ จากนั้นรีบเปิดเอกสารในมือมาตรวจดู ก็พบเช่นนั้น ทั้งดีใจและสงสัย“ไม่ใช่ว่าโควตาถูกกำหนดแล้วเหรอ ว่าเป็นบริษัท เครื่องแต่งกายละอองดาว กรุ๊ปที่ได้ ทำไมพวกเราถึงมีด้วยล่ะ?ปาจรีย์ เธอไม่ได้ถูกหรอกใช่ไหม?”

ปาจรีย์กลอกตา“อะไรกันเนี่ย นี่มันตราประทับนูนของประเทศเชียวนะ ฉันจะถูกหรอกได้อย่างไรกัน”

“งั้นโควตามาได้อย่างไร?”วารุณีชี้ไปที่เอกสารแล้วถาม

“แน่นอนว่าเป็นโควตาเพิ่มเติมสิ”ปาจรีย์เทกาแฟให้ตัวเองแก้วหนึ่งแล้วอธิบาย“ที่จริงมีแค่หนึ่งโควตาถูกแล้ว แต่เนื่องจากสองงานโชว์ที่เธอกลับประเทศมา ทำให้เบื้องบนเปลี่ยนใจ ตัดสินใจเพิ่มอีกหนึ่งโควตา จึงให้พวกเรามา”

“เดี๋ยวก่อน สองงานโชว์?”วารุณีขมวดคิ้วที่สวยงามนั่น“สางงานโชว์จากไหน?ไม่ใช่งานเดียวเหรอ?Bath fire rebirth ไง”

“อ้อ ฉันลืมบอกเธอ”ปาจรีย์เหมือนจะนึกอะไรได้ ตบหน้าผาก“อีกงานก็ Glory of the sun and the moon ก็เสื้อผ้าพวกนั้นที่เธอออกแบบให้ประธานจรณ์”

“เสื้อผ้าพวกนั้นขึ้นโชว์แล้วเหรอ?”วารุณีถามอย่างตกใจ

ปาจรีย์พยักหน้า“ถูกต้อง สองวันก่อน เลขาฯ เสกข์โทรมาหาฉัน ให้เธอไปร่วม Curtain call ดีไซเนอร์คนสุดท้าย แต่เพราะเรื่องของคุณป้า ดังนั้นฉันจึงช่วยเธอปฏิเสธไปแล้ว แต่โชว์ใหญ่นั้นสำเร็จไปด้วยดี ไม่เชื่อเธอลองค้นวิดีโอในเน็ตสิ”

“อือ ฉันเชื่อที่เธอพูด เดี๋ยวคลิปนั้นค่อยดู พูดเรื่องโควตาก่อน”วารุณีดีงเก้าอี้ออกมานั่งลง

“พูดถึงแล้ว พวกเราได้รับโควตาเพิ่มเติมนี้ ต้องขอบคุณประธานจรณ์นะ”ปาจรีย์ก็นั่งลงด้วย

วารุณีกะพริบตา“ยังไง?”

“เพราะว่าโชว์Glory of the sun and the moon นี้ ประธานจรณ์เชิญพวกเบื้องบน และยังแนะนำพวกเราแก่คนเบื้องบนโดยเฉพาะ ดังนั้นพวกคนเบื้องบนจึงให้โควตานี้แก่พวกเรา”ปาจรีย์ตอบ

วารุณีพยักหน้า เข้าใจ“พูดแบบนี้แล้ว พวกเราติดหนี้บุญคุณประธานจรณ์อีกแล้ว”

“ก็ใช่ ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ก็ติดหนี้หลายครั้งแล้ว”ปาจรีย์จับหัวแล้วถอนหายใจ“แบบนี้ต่อไป ก็ไม่รู้ว่าจะคืนยังไงไหว”

ได้ยินคำนี้ วารุณีก็เงียบลง“แบบนี้ละกัน เธอติดต่อเลขาฯ เสกข์หน่อย ว่าพวกเราจะเลี้ยงข้าวประธานจรณ์ จากนั้นคุยเรื่องออกแบบหน่อย ฉันจะออกแบบเสื้อผ้าให้เขาฟรีหนึ่งซีรี่ส์ ถือเป็นการตอบแทนกับโควตานี้เป็นไง?”

“ได้ ฉันจะไปติดต่อ”ปาจรีย์ยืนขึ้นมา หยิบโทรศัพท์ไปคุยข้างๆ

วารุณีจึงเปิดคอม แล้วหาวิดีโอของโชว์ครั้งใหญ่เมื่อสองสามวันก่อน

ดูไปพอประมาณ ปาจรีย์ก็กลับมา ด้วยท่าทางเศร้าๆ“วารุณี……”

เห็นเธอแบบนี้ ในใจของวารุณีก็พอจะเข้าใจ ถือกาแฟบนโต๊ะขึ้นมาจิบ“ถูกปฏิเสธเหรอ?”

ปาจรีย์เบะปากพยักหน้า“เลขาฯ เสกข์บอกว่าประธานจรณ์ไม่ต้องการให้พวกเราตอบแทน กินข้าวก็ไม่จำเป็น ไม่รู้จริงๆเลยว่าประธานจรณ์คนนี้คิดยังไง เธอว่าเขาไม่ต้องการอะไรเลยแบบนี้ แล้วมาช่วยพวกเราขนาดนี้เพื่ออะไร?”

วารุณียักไหล่

เธอก็ไม่รู้ว่าประธานจรณ์ต้องการอะไร

“งั้นพวกเราจะทำอย่างไร?”ปาจรีย์จับผมแล้วมองเธอ

วารุณีหัวเราะ“ไม่เป็นไร เขาปฏิเสธก็เรื่องของเขา พวกเราตอบแทนก็เรื่องของพวกเรา เขาไม่ต้องการให้เราตอบแทน แต่พวกเราจะไม่แสดงออกอะไรไม่ได้ กินข้าวก็ช่างมันเถอะ ภาพออกแบบฉันก็จะวาดตามนั้น ยึดตามระดับของ Glory of the sun and the moonมาวาด ถึงตอนนั้นส่งให้เลขาฯ เสกข์ก็พอ”

“ก็ได้แต่แบบนี้แหละ”ปาจรีย์ผายมือออก

จากนั้น เธอก็ออกไปทำงานของตัวเอง

วารุณีดูเดินแบบต่อ ดูเสร็จ ก็ปิดหน้าเว็บแล้วหยิบสมุดออกแบบออกมา แล้วจึงเริ่มวาดภาพออกแบบ

พอถึงเวลาเลิกงาน เธอก็ได้รับข้อความจากนัทธี:เดี๋ยวผมยังมีประชุมอีก ให้มารุตมารับคุณกับเด็กๆกลับไปนะ

วารุณีพิมพ์ตอบไป:เข้าใจแล้ว คุณทำงานเถอะ รีบกลับมา

นัทธีตอบอือ แล้วก็ไม่ตอบอะไรอีก

วารุณีถอนหายใจ เอาโทรศัพท์ใส่ไปในกระเป๋า

ทันใดนั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

วารุณีบีบนิ้วมือออกกำลังกายที่มือไป ตอบไปว่า:“เชิญค่ะ”

ประตูของห้องทำงานถูกเปิดออก มารุตโผล่หน้าเข้ามา“คุณผู้หญิง”

“ผู้ช่วยมารุต”วารุณีเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาไวขนาดนี้

“ประธานให้ผมมารับคุณกลับไปคฤหาสน์ครับ”มารุตดันแว่นแล้วพูด

วารุณียืนขึ้นมา“ฉันรู้ เขาบอกฉันแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”

“ครับ”มารุตตอบกลับ จากนั้นขับรถ พาเธอไปรับลูกๆที่โรงเรียนอนุบาล

กลับไปที่คฤหาสน์ ก็หนึ่งทุ่มแล้ว ป้าส้มทำอาหารค่ำเสร็จแล้ว

ที่โต๊ะอาหาร ป้าส้มมองวารุณี หลายครั้งเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่ก็หยุดไว้

วารุณีโดนเธอมองก็รู้สึกอึดอัด วางตะเกียบลงถามว่า“ป้าส้ม ป้ามองฉันแบบนี้ทำไม?หน้าฉันมีอะไรเหรอคะ?”

ได้ยินคำนี้ เด็กทั้งสองก็มองไปที่หน้าวารุณี

“ไม่นี่คะ ใบหน้าหม่ามี๊สวยมาก”มือทั้งสองข้างของไอริณมาไว้ใต้ข้าง แล้วทำท่าเหมือนดอกไม้บานออก

วารุณีตลกกับท่าทางของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะลูบหัวของเธอ

อารัณฉลาดมาก หรี่ตาทรงที่เหมือนกับนัทธีลง“คุณยายส้ม คุณยายมีอะไรจะพูดกับหม่ามี๊ใช่ไหม”

ป้าส้มพยักหน้า

วารุณีหัวเราะ“งั้นป้าส้มพูดเถอะ ฉันฟังอยู่”

“คือแบบนี้ค่ะ ตอนบ่ายคุณผู้ชายโทรมา จะให้ป้าเก็บทำความสะอาดห้องหนึ่ง ให้นวิยา”ป้าส้มพูดไป ก็มองสีหน้าเธออย่างระมัดระวัง

วารุณีเข้าใจทันที ป้าส้มกังวลว่าเธอจะโกรธ

วารุณีจิบซุปอย่างเฉยเมย“แบบนี้นี่เอง ฉันเข้าใจแล้ว”

ป้าส้มเห็นวารุณีมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้ จึงตกใจเล็กน้อย“คุณผู้หญิงคุณไม่……”

รู้ว่าเธอจะพูดอะไร วารุณีวางกระบวยตักซุปในมือลง แล้วพูดด้วยสีหน้าเศร้าๆ:“ถึงฉันโกรธแล้วจะมีประโยชน์อะไร นวิยาจะมา ฉันจะห้ามได้ด้วยเหรอคะ?”

ป้าส้มก็พูดไม่ออกทันที

อารัณกลอกตาไปมา“หม่ามี๊ หม่ามี๊จะบอกว่าคุณน้านวิยาคนนั้นจะมาอยู่กับพวกเราที่นี่เหรอ?”

“ไม่เอา หนูไม่ชอบคุณน้านวิยาคนนั้น หนูไม่อยากให้เธอมาอยู่นี่”วารุณียังไม่พูด ไอริณก็ไส่อารมณ์ออกมา เอาช้อนในมือตบไปที่โต๊ะ

สีหน้าวารุณีหม่นลงไป พูดเสียงคมกริบ“ไอริณ เก็บขึ้นมา!”

“ไม่ค่ะ”ไอริณร้อนใจจนจะร้องไห้“นอกจากแม่จะให้คุณน้านวิยาคนนั้นไป อย่ามาอยู่นี่”

วารุณีจับหน้าผากอย่างปวดหัว“พอแล้วไอริณ อย่างอแง หม่ามี๊จะให้เขาไปได้ไงล่ะ นี่พ่อพวกลูกเห็นด้วยนะ”

“งั้นหนูก็จะคุยกับพ่อ”ไอริณพูดไป ก็จะลงจากโต๊ะแล้วโทรหานัทธีทันที

อารัณจับเธอไว้“อย่าไป”

“ทำไม?”ไอริณเบะปากอย่างไม่พอใจ

“เพราะพวกเราไม่มีสิทธิ์นั้น ลูกเข้าใจไหม?”วารุณีมองเธอ

สำหรับนัทธีแล้ว นวิยาคือเพื่อนตั้งแต่เด็กของเขา มีความสัมพันธ์กันกว่าสิบกว่ายี่สิบปีได้ ส่วนเธอกับลูกทั้งสองคน เพิ่งจะรู้จักเขาไม่ถึงครึ่งปี

เธอจะมีหน้าไปให้เขาปฏิเสธให้นวิยาเข้ามาพัก เพื่อเธอกับลูกทั้งสองคนได้อย่างไร