ที่ห่างไกล หลานเสี่ยวถางและคนอื่นๆเห็นฉากนี้ ต่างเบ้าตาแดงกัน
หวันหว่านในอ้อมกอดของสือมูเฉินเหมือนรู้สึกถึงอะไร ทำเสียง“ฮื้อ”ออกมา ลืมตาขึ้น
เด็กสาวตัวน้อยมองไปรอบๆอย่างไม่รู้เรื่อง สุดท้ายมองไปทางสองสามีภรรยาคู่หนึ่งกอดกันร้องไห้ ปากเล็กขมุบขมิบด้วยความสงสัย
หลานจื่อเฉินหน้าอกกระเพื่อมอย่างรุนแรง เหมือนไม่อยากให้ตัวเองเสียอาการข้างนอกเกินไป ดังนั้น เขาก้มมอง
หวันหว่าน
ตอนเห็นปากเล็กของหวันหว่านขมุบขมิบ เขายิ้มออกมา “พี่สาว พี่ดูหวันหว่านหิวแล้วหรือเปล่า น้ำลายไหลออกมาจากปากเล็กแล้ว”
*
วันนั้น หยานชิงเจ๋ออยู่ตรงประตูคุยสายอยู่กับซูสือจิ่น จนสุดท้าย ซูสือจิ่นรู้สึกอย่างนี้ไม่ยุติธรรมกับลั่วฝานหวาจริงๆ ดังนั้นเลยพูดกับหยานชิงเจ๋อ “พี่รอแป๊บหนึ่ง” เดินไปทางลั่วฝานหวา
“เขามาหาคุณเรื่องอะไร?”ลั่วฝานหวาถาม
“ขอฉันคืนดีอะไรแนวๆนั้น”ซูสือจิ่นพูดอย่างจำใจ “ฉันไม่รู้ว่าเขากลายเป็นคนตื๊อตั้งแต่เมื่อไร”
“แบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีเหรอ?”ลั่วฝานหวาหัวเราะ “เมื่อก่อนคุณตามติดเขา ตอนนี้ให้เขาสลับตำแหน่งดูหน่อย แต่ผมอยู่ตรงต่อคงไม่ดีแน่ เห็นทีคุณไม่สามารถดูงานอดิเรกทางดาราศาสตร์ต่อแล้ว วันหลังหากคุณอยากดูโหราศาสตร์จริงๆ ผมแนะนำหนังสือให้คุณ”
ซูสือจิ่นรู้สึกเกรงใจเหมือนกัน “ฝานหวา ขอโทษ ฉันก็ไม่รู้ทำไมวันนี้เขาโทรมาหาแล้วไม่ยอมให้ฉันวางสาย…”
“เขาคงสัมผัสได้มั้ง?”ลั่วฝานหวาพูดอยู่ ตบไปที่ไหล่ของซูสือจิ่น “สบายใจได้ ผมไม่เป็นไร ผมไม่ใช่คนที่อกหักแล้วจะร้องไห้จะเป็นจะตายสามวันแบบนั้น หลังจากคุณไป ผมก็คิดได้แล้ว อันที่จริงใจคุณยังอยู่ที่เขา ผมหาคุณเพื่อชำระหนี้ขำๆเท่านั้น”
ซูสือจิ่นกัดริมฝีปาก ไม่รู้ควรพูดอะไร
“พอแล้ว ผมกลับแล้ว!”ลั่วฝานหวาพูดอย่างผ่อนคลาย“หลังจากนี้ พวกเรายังเป็นเพื่อนกันไหม? ก็เหมือนคำพูดคุณที่พูดกับผมตอนดูตัวก่อนหน้านี้ เดิมพวกเราก็เป็นคนรักกันไม่ได้ ถ้าหากเป็นเพื่อนละก็เต็มใจเป็นเพื่อน”
“ฝานหวา ขอบคุณ!” ซูสือจิ่นรู้สึกผ่อนคลายลงนิดๆ
“ไม่เป็นไร! ยังไงตอนนั้นเริ่มแรกผมก็ไม่ได้ถลำลึกเหมือนกัน เพราะฉะนั้น คุณเห็นผมเหมือนปวดใจเหรอ?” เขาหยิบกระเป๋าตัวเองเดินออกไปข้างนอก“ไม่ต้องส่งผม แต่จำไว้กลับไปเมืองหนิงเฉิง ต้องโทรบอกผมทันที ผมเลี้ยงต้อนรับคุณ”
ซูสือจิ่นยิ้ม “ได้ ไม่มีปัญหา!”
“ผมกลับไป คาดว่าคงต้องไปดูตัวแล้ว”ลั่วฝานหวาทำท่าโอเวอร์ “ไม่อย่างงั้น คนแก่หลายคนที่บ้าน วันๆคงบ่นอยู่ข้างหูผมจนหูผมชาแน่!”
“ดีสิ กลับไปหากเจอผู้หญิงที่เหมาะสมจริงๆ อย่าลืมบอกฉัน!”ซูสือจิ่นกะพริบตา “ฉันช่วยคุณเช็ก!”
“ได้”ลั่วฝานหวาเห็นข้างในของอีกห้อง มือถือของซูสือจิ่นสว่างอยู่ จู่ ๆพูดจริงจังขึ้น “ส่วนคุณกับหยานชิงเจ๋อ ผมมีวิธีหนึ่งในการทดสอบความจริงใจของเขา”
ซูสือจิ่นสงสัย“วิธีอะไร?”
“รอคุณกลับเมืองหนิงเฉิง ผมค่อยบอกคุณ! สบายใจ เพื่อนอย่างผมช่วยคุณแน่!”ลั่วฝานหวาเปิดประตู “ตอนนี้ ก็ปล่อยเขาไปก่อน”
ซูสือจิ่นยิ้ม “นี่คุณกำลังเสี้ยมสอนฉันอยู่?”
“ไม่ ผมนี่คือแก้แค้น!”ลั่วฝานหวาหรี่ตา “เขาชนะผม ยังไงผมยังคงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ยากที่จะคว้าโอกาสแบบนี้ได้ ผมไม่ควรซ้ำเติมเหรอ? ที่จริงผมเป็นคนใจแคบเหมือนกัน!”
ซูสือจิ่นพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “มีอย่างที่ไหน ว่าตัวเองแบบนี้?”
ทั้งสองพูดกันจนถึงนอกประตูแล้ว
ลั่วฝานหวาและซูสือจิ่นเรียกรถข้างถนน รอจนรถแท็กซี่คันหนึ่งจอด
ลั่วฝานหวาพูด “พอแล้ว กลับบ้านเถอะ ผู้หญิงออกบ้านกลางคืนไม่ปลอดภัย”
“ก็ได้” ซูสือจิ่นโบกมือให้ลั่วฝานหวา “ลาก่อน”
“อืม”ลั่วฝานหวาพยักหน้าเข้าไปในรถ
ซูสือจิ่นเห็นรถหายไป ถึงหมุนตัวกลับห้อง
ตอนนี้ หยานชิงเจ๋อกลั้นหายใจตลอด ยืนอยู่มุมหนึ่ง
เขาเห็นเธอเข้าใกล้ อยากจะออกไปกอดเธอ แต่เขารู้ตัว ถ้าหากตัวเองโผล่ออกไปแบบนี้ คงทำเธอตกใจ แทนที่จะดีใจ
ในเมื่อลั่วฝานหวาไปแล้ว ถ้างั้นเขาก็เบาใจลงได้นิดหนึ่ง อนาคตยังอีกยาวไกล เขาหาโอกาสที่ดีได้
ซูสือจิ่นกลับถึงห้อง หยิบมือถือขึ้น พูดกับหยานชิงเจ๋อ “ขอโทษ เมื่อกี้มีธุระ”
“อืม”หยานชิงเจ๋อพูด “เสี่ยวจิ่น ตอนนี้เธออยู่คนเดียวเหรอ?”
ซูสือจิ่นตอบ “อืม ทำไมเหรอ?”
หยานชิงเจ๋อเบาใจลงหน่อย เขาพิงกำแพง ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อย “ไม่มีอะไร ก็แค่เมื่อกี้ได้ยินเสียงคนจากหูฟังออกจากบ้านคุณ จู่ ๆผมก็รู้สึกไม่ได้ปวดใจขนาดนั้นแล้ว…”
ซูสือจิ่นเบิกตาโต เธอรู้สึกลำคอตีบตัน หัวใจก็เต้นเร็วขึ้นมา
ก้นบึ้งจิตใจเธอร้องเสียงโห่ออกมา ให้เธอเชื่อเขา ความเจ็บที่สะสมมาหลายปีและความไม่มั่นใจตอนอยู่ต่อหน้าเขา ก็โดดออกมาขวางฝีเท้าของเธอ
เธอบีบมือถือ ไม่ออกเสียงอยู่เนิ่นนาน
หยานชิงเจ๋อกลับพิงอยู่ที่ประตู มองดาวบนท้องฟ้า “ฉันยังไงก็ช่าง แค่เธอไม่เมินฉันก็พอ”
พูดอยู่เขาดูเวลา “ทางเธอคงดึกมากแล้วมั้ง? งั้นเธอไปนอนเถอะ!”
“อ้อ อืม” ซูสือจิ่นตอบ “งั้นฉันวางสายแล้ว?”
“อืม”หยานชิงเจ๋อพูด
ซูสือจิ่นวางสาย นอนบนเตียงพลิกไปมา เนิ่นนานในที่สุดก็หลับไป
วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ
จนถึง ซูสือจิ่นเพิ่งมาถึงห้องทำงาน เพื่อนร่วมงานก็วิ่งเข้ามา พูดกับเธอ“Fiona พวกเราเพิ่งได้รับออร์เดอร์ใหญ่!”
“หา?”ซูสือจิ่นเงยหน้า “ออร์เดอร์ใหญ่อะไร?”
“อีกฝ่ายแค่ข้อร้องเรื่องเดียว ส่งของขวัญวันเกิดให้แฟนสาว ให้แฟนสาวของเขารู้ว่าเขารักเธอแค่ไหนก็พอ” เพื่อนร่วมงานทำท่าทางไปด้วย “Fiona คนนั้นบอกว่า ออกแบบก่อน ทำให้ภายในสิ้นเดือนนี้ก็พอ ทำเสร็จแล้วเขาค่อยให้ข้อมูลจริงอีกครั้ง แต่หลังฉันรับงาน เขาก็โอนเงินทั้งหมดมาแล้ว เทียบกับรายได้ของพวกเราครึ่งปีเลยนะ!”
ซูสือจิ่นขมวดคิ้วช้าๆ “คนคนนั้นโง่รึเปล่า? ถ้าเกิดออกแบบมาแล้วแฟนสาวเขาไม่ชอบ หรือหลังจากเราได้เงินทั้งหมดแล้ว ทำเรื่องลวกๆ…แน่นอน ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ทำแบบนั้น”
“ฮ่าๆ ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน! บางทีเพราะเขารักแฟนสาวมากละมั้ง!” เพื่อนร่วมงานยิ้ม พูดว่า“แต่เขาก็ไม่ใช่ไม่พูดอะไรเลย พูดแค่คุณกับแฟนสาวของเขาเป็นผู้หญิงเหมือนกัน คงต้องชอบเหมือนกันแน่ๆ ดังนั้นให้เธอ เอาตามที่ตัวเธอชอบไปออกแบบก็พอ”
“ฉัน?”ซูสือจิ่นคิดแล้วคิดอีก ระหว่างนั้น จู่ ๆก็มีแรงบันดาลใจ “ก็ได้ เห็นแก่ลูกค้ารายใหญ่ ฉันเริ่มงานวันนี้เลย!”
หลายวันหลังจากนั้น เธอเอาแต่ทำงานหนัก
ที่จริงเธอมีความคิดหนึ่งมาตลอด นั่นก็คือ ออกแบบกิ๊บผมอันหนึ่ง
เธอก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน มีบางครั้งก็อิจฉาคนผมยาว
เพียงแต่ เธอขี้เกียจดูแลมาตลอด บวกกับสไตล์การแต่งตัว เหมือนผมสั้นจะเหมาะกว่าหน่อย ดังนั้นทุกครั้งที่ผมยาวแล้วก็ไปตัดทิ้ง
หลังจาก ถึงที่นี่ซูสือจิ่นเริ่มไว้ผมยาว ตอนนี้เลยไหล่มาแล้ว สามารถมัดได้หมดแล้ว
และถ้าหากหวีให้เรียบร้อย ยังรวบตึงขึ้นได้
ดังนั้น หลังจากได้ยินคำพูดของเพื่อนร่วมงาน ความคิดแรกของเธอ ก็คือออกแบบกิ๊บผม
“ช่วยฉันถามหน่อย แฟนสาวของเขาผมยาวไหม? ให้กิ๊บผมได้ไหม?”ซูสือจิ่นคิดถึงข้อสำคัญนี้ รีบถาม ถ้าหากไม่ใช่ เธอแก้ตอนนี้ยังทัน
“อืม”สักพัก เพื่อนร่วมงานกลับมาพูด “เขาว่าแฟนสาวเขาผมยาว เลยไหล่มาหน่อย ถือว่าเป็นผมประบ่ามั้ง!”
ซูสือจิ่นได้ยิน ง่ายแล้วพอๆกับตัวเอง ถ้างั้นหลังจากนี้ก็ไม่มีปัญหาใดๆ
วันนี้ แบบร่างเสร็จแล้ว เพราะเพื่อนร่วมงานช่วย ซูสือจิ่นกำลังจะไปคุยงานกับทางโรงงาน ดังนั้นเธอเอาแบบร่างของตัวเองไปโรงงานด้วย
คุยงานเสร็จ ซูสือจิ่นออกมา ก็เห็นข้างนอกฝนตกหนัก ไม่รู้ตกตั้งแต่เมื่อไร
อันที่จริงที่นี่น้อยมากที่จะฝนตกหนักแบบนี้ ดังนั้น การระบายน้ำของเมืองก็ไม่ได้ดีมาก ไม่นานข้างนอกก็มีน้ำท่วมขัง
ซูสือจิ่นหาร้านอาหารข้างๆ ร้านหนึ่งกินข้าวเสร็จ เห็นว่าฝนตกเบาลงหน่อยแล้ว อยากจะออกไปแต่ เห็นรองเท้าที่ตัวเองใส่ก็รู้สึกกังวล
เพราะเธอไม่พกร่ม ดังนั้นยืนอยู่ใต้ตึก ยื่นมือเรียกรถแท็กซี่หลายครั้งก็ไม่มีใครจอด
และตอนนั้นเอง มีเด็กสาวคนหนึ่งวิ่งมา ในมือมีร่มคันหนึ่งและรองเท้าผ้าใบกันลื่นคู่หนึ่ง ยื่นให้ซูสือจิ่น พูดและยิ้มให้เธอ“พี่สาว อันนี้ให้พี่”
ซูสือจิ่นนิ่งไป แล้วโบกมือ “ไม่เป็นไร พี่ไม่เอา”
แต่เด็กสาววางของข้างตัวซูสือจิ่น หมุนตัววิ่งหายไป
ซูสือจิ่นรออยู่สักพัก ไม่เห็นเด็กสาวกลับมาแล้วจริงๆ ทำได้แค่หยิบร่ม กับรองเท้า
เธอหยิบรองเท้าผ้าใบรุ่นใหม่จากข้างในถุง ดูไซซ์ อดตกใจไม่ได้!
นี่เป็นไซซ์รองเท้าของเธอเลย!
เด็กสาวคนนั้น รู้ไซซ์ของเธอได้ยังไง? ใครกันแน่ที่เห็นเธอสวมรองเท้าหนังมีส้นแล้วไม่สะดวก ถึงซื้อให้เธอโดยเฉพาะ? และยังรู้ไซซ์ของเธอ!
ซูสือจิ่นมองรอบๆอยู่นาน ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ ทำได้แค่สวมรองเท้า แล้วถือรองเท้าแตะของตัวเองไว้ที่มือ แล้วกางร่มไปเรียกรถที่ข้างถนน
เริ่มแรก ซูสือจิ่นรู้สึกนี่เป็นของขวัญที่ลุงซานตาคลอสมอบให้ แต่ในเวลาต่อมา กับเจอสถานการณ์ที่เหมือนกันนี้ต่อเนื่องหลายครั้ง
เช่น เธอซื้อของมากมายถือลำบาก ก็จะมีคนวิ่งมาช่วยเธอถือ
เธอบอกขอบคุณ คนนั้นกลับไม่เข้าใจภาษาของเธอ แค่ช่วยเธอถือไปจนถึงหน้าบ้านถึงจากไป
ซูสือจิ่นค่อยๆ รู้สึกเหมือนจู่ ๆเธอช่วยโลก ดังนั้นทุกคนเลยดีกับเธอ ก็เหมือนเทพีแห่งโชคมองเห็นเธอ ทุกคนเวลาที่ตัวเองต้องการความช่วยเหลือ จะมีคนยื่นมือออกมา ช่วยเธอไม่หวังผล ยิ้มให้เธอ
เธอถึงขนาดคิด มีคนอยู่ข้างหลังเธอตลอดเวลาหรือเปล่า เห็นเธอเจอความลำบาก ก็จะหาคนมาช่วยเธอเงียบๆ?
แต่ทุกครั้งที่เธอหันมองรอบๆ กลับไม่เจออะไรเลย