ตอนที่ 424 มีเพียงคนเดียวที่ถอนตัวไปได้อย่างปลอดภัย (5)
หนิงเซ่าชิงหลับตาลง มือสัมผัสไปตามตัวกระบี่ครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับต้องการจะย้อนเวลากลับไปในวันนั้น กลับไปก่อนที่จะเกิดเรื่อง
เขาเสียใจจริงๆ เขาไม่สมควรจะจากไป
ฝ่ามืออุ่นร้อนลูบไปตามตัวกระบี่ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับไม่สามารถทำให้หัวใจที่หนาวเหน็บนั้นอบอุ่นได้
หนิงเซ่าชิงชูกระบี่ขึ้นแล้วแนบใบหน้าลงกับกระบี่ นัยน์ตาสองข้างเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา พลางควบคุมอารมณ์ตนเองอย่างยากลำบากอยู่หลายครา
ล้วนกล่าวกันว่าบุรุษไม่เสียน้ำตาง่ายๆ จนกว่าจะมีเรื่องที่เสียใจจริงๆ
อีกด้านหนึ่งกลับมีเสียงหัวเราะเหยียดหยามดังขึ้น
“เสแสร้งแกล้งทำ! เจ้าเสียใจตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด นางเชื่อเจ้าหมดทั้งหัวใจ ตามเจ้ากลับมา แต่เจ้ากลับสนใจแต่ตำแหน่งในตระกูล สนใจแต่สายตาผู้อื่น ทิ้งนางให้ทนทุกข์ท่ามกลางกฎเกณฑ์ศีลธรรมอันเคร่งครัด วิตกหวาดกลัวอยู่ในจวนกั๋วกงแห่งนี้ตัวคนเดียว…”
คนที่เอ่ยวาจานี้ก็คือซูชี
จวนกั๋วกงเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ไม่ใช่เพียงแค่หนิงเซ่าชิงที่ได้ข่าว ซูชีย่อมได้ข่าวด้วยเช่นกัน
สีหน้าของซูชีในตอนนี้เย็นชาราวกับโลหะเย็นยะเยือก
ทุกคำทุกประโยคของเขาล้วนแทงเข้าไปในใจหนิงเซ่าชิง
ใช่แล้ว ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะไม่สนตำแหน่งหัวหน้าตระกูล แต่จะต้องเเต่งงานกับนาง ให้นางเป็นฮูหยินน้อยตระกูลหนิงอย่างถูกหลักธรรมนองคลองธรรม และเข้าไปอาศัยในจวนตระกูลหนิงได้
ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก…เขาจะพานางไปใช้ชีวิตอย่างสันโดษ…ใช้ชีวิตมีอิสระไร้กฎเกณฑ์ใดๆ ไปตลอดชีวิต…ปล่อยพวกเขาแย่งชิงต่อสู้กันไป
ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก…ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก…ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก
ซูชีนัยน์ตาแดงก่ำ “ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก วันนั้นที่อยู่บนรถม้า ข้าจะไม่ควบคุมตนเอง…ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก ข้าจะต้องพานางไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว…ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก ข้าไม่มีทางถอยให้เจ้า…ไม่มีทางคิดช่วยให้นางสมปรารถนาเด็ดขาด!”
หนิงเซ่าชิงเงยหน้าขึ้นทันที สาดสายตาทอประกายวาบ “ซูชี…เจ้ากล้ามาก!” ร่างกายสั่นเทา แผ่นหลังเหยียดตรง ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ซูชีไม่เพียงแต่จะไม่ถอย แต่กลับเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ในรอยยิ้มโศกเศร้ามีแววยั่วยุ “หนิงเซ่าชิง ข้าจะบอกเจ้า ตอนนี้ข้าเกลียดที่ตนเองมีความกล้าน้อยเกินไป”
เหล่าคนที่ทำความสะอาดเศษซากที่หลงเหลืออยู่ ก็ถอยออกไปอย่างรวดเร็วไร้ร่องรอย
วาจาเหล่านี้ พวกเขาจะฟังได้เช่นไร
สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจะดูได้เช่นไร
ชีวิตสำคัญกว่า!
หนิงเซ่าชิงก้าวเดินอย่างสง่างาม ขณะจ้องไปที่หน้าอกของซูชี “เช่นนั้นก็ให้ข้าเป็นคนบอกเจ้าว่า ความกล้าของเจ้ามีมากหรือน้อยกันแน่!”
ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย มั่วเชียนเสวี่ยก็เป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น
สีหน้าท่าทางเช่นนั้นคล้ายกับต้องการแหวกอกของซูชี ควักความกล้าของเขาออกมาดู
ซูชีก็ไม่ถอยให้แม้แต่ก้าวเดียว “เป็นเจ้า! ล้วนเป็นเจ้าที่ทำร้ายนาง ความกล้าข้ามีมากมีน้อย เกรงว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสได้เห็นแล้ว ตอนนี้ข้าจะส่งเจ้าไปพบนาง ให้เจ้าได้ไปสำนึกผิดกับนางในยมโลก…เป็นถึงบุรุษผู้หนึ่ง กระทั่งภรรยาตนเองก็ปกป้องเอาไว้ไม่ได้ เจ้ายังจะมีหน้ามีชีวิตอยู่ต่ออีกหรือ”
หนิงเซ่าชิงที่เดิมเต็มไปด้วยจิตสังหาร ก็ถูกประโยคนี้ทำให้จางหายไป เขาก้มหน้าลง
ก็ดี ให้เขาไปอยู่เพื่อนนางก็ดี
ซูชีเพิ่งจะเอ่ยจบ พัดเหล็กก็ไหลออกมาจากแขนเสื้อ
เสียงพรึบดังขึ้น พัดกางออก โจมตีไปทางหนิงเซ่าชิงเป็นแนวโค้ง
เดิมข่าวการตายของมั่วเชียนเสวี่ย ก็ทำให้หนิงเซ่าชิงอยู่มิสู้ตายแล้ว คราวนี้ถูกวาจาเช่นนั้นของซูชีแทงใจ ตอนนี้สภาพจิตใจจึงด้านชาไร้ความรู้สึก เขาหลับตาลงไม่ต่อต้าน
เมื่อเห็นพัดเหล็กเล่มสั้นกำลังจะจู่โจมถูกลำคอของหนิงเซ่าชิง
คนที่มีอำนาจล้วนมีเพียงแค่ถูกตนเองรบชนะ ทั้งยังให้ผู้อื่นฉวยโอกาสบุกเข้าในตอนที่อ่อนกำลัง ก็เกรงว่าจะเป็นคนประเภทหนิงเซ่าชิง
กระบี่ในมือมั่วเหยียนและมั่วสิงถูกวาดออกไปพร้อมกัน แต่เนื่องจากฝีมือไม่ดีพอ ทั้งยังส่งออกไปทีหลัง จะสามารถช่วยชีวิตได้ทันที่ไหน
ในช่วงเวลาวิกฤต กุ่ยซาลอยตัวขึ้นไปขวางอยู่ด้านหน้าหนิงเซ่าชิง
พัดเหล็กกรีดถูกหน้าอกกุ่ยซา โลหิตจึงทะลักออกมาทันที
พัดเหล็กร่อนมาเป็นวงโค้ง เมื่อกรีดถูกหน้าอกกุ่ยซาเเล้วก็หมุนวนรอบหนึ่ง ก่อนจะลอยกลับไปที่มือซูชี
กุ่ยซาที่ได้รับการโจมตีจากพัดเหล็กก็ใช้มือกุมหน้าอกเอาไว้ “นายท่าน ท่านตายไม่ได้นะขอรับ! คุณหนูใหญ่มั่วตายอย่างไม่เป็นธรรม ถ้าหากท่านตาย ก็มีแต่จะทำให้ตนเองเจ็บปวด ส่วนศัตรูกลับดีใจ! ยิ่งไปกว่านั้น มีชีวิตอยู่ก็ต้องพบคน ตายไปก็ต้องพบศพ คุณหนูใหญ่มั่วตายหรือมีชีวิตอยู่…”
เอ่ยยังไม่ทันจบ คนก็สลบล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว การโจมตีด้วยพละกำลังทั้งหมดของซูชีจะรับมือได้อย่างง่ายดายเสียที่ไหน ไม่เพียงแต่ร่างกายจะได้รับบาดเจ็บ กระทั่งอวัยวะภายในทั้งห้าก็ได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน ถ้าหากมิใช่คนที่จิตใจแข็งแกร่ง จะยังยืนหยัดรับการโจมตีนี้แล้วยังเอ่ยประโยคนี้ได้เช่นไร
มั่วเหยียนเอ่ย “ใช่แล้ว! นายท่าน หากคุณหนูใหญ่มั่วไม่ตาย ท่านกลับ…เช่นนี้ก็จะถูกขวางกั้นด้วยระหว่างโลกของคนเป็นกับแดนคนตาย เช่นนั้นก็ไม่มีเรื่องใดในโลกที่โหดร้ายไปมากกว่านี้แล้วนะขอรับ”
มั่วสิงเอ่ย “นายท่านโปรดคิดทบทวนให้รอบคอบด้วยขอรับ!”
ทั้งสองคนโน้มน้าวไป พลางจัดการทำแผล ห้ามเลือดให้กับกุ่ยซา
การถ่วงเวลาเช่นนี้ ทำให้หนิงเซ่าชิงเดินออกมาจากความสิ้นหวัง
ใช่แล้ว! เขาจะตายไม่ได้ ศัตรูที่ทำร้ายนางยังไม่ตาย เขาจะกล้าตายได้อย่างไร! เขาตายไปแล้วจะมีหน้าไปพบนางได้เช่นไร!
ยังมี ถ้าหากนางยังไม่ตาย แต่กลับเห็นว่าตนเองตาย จะไม่ยิ่งเสียใจร้าวรานยิ่งกว่าหรือ
ภาพเหตุการณ์ที่มั่วเชียนเสวี่ยเดินไปตามเส้นทางน้ำไหลเพื่อตามหาเขาข้างธารน้ำลึกรอบแล้วรอบเล่าในวันนั้นย้อนกลับเข้ามาในห้วงความคิดของหนิงเซ่าชิง
ถ้าหากว่านางยังมีชีวิต เขา หนิงเซ่าชิงขอสาบานว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่ให้นางเสียใจ
เดิมเขาก็เป็นคนฉลาดปราดเปรียว เมื่อได้สติขึ้นมายังจะมีสิ่งใดที่คิดแล้วไม่เข้าใจอีก
ไม่กล่าวถึงผู้คุ้มกันในจวนกั๋วกงว่ามีเท่าใด เพียงแค่องครักษ์ลับที่เขามอบให้กับมั่วเชียนเสวี่ยอย่างเปิดเผยในจวนกั๋วกงก็มีร้อยคนแล้ว คนเหล่านี้ล้วนไม่ใช่พวกไร้ความสามารถ
และเขายังวางหน่วยลับไว้ทั้งในและนอกจวนอีกหลายสิบคน ไม่ว่ายามใด ขอเพียงแค่ในจวนกั๋วกงมีลมพัดใบหญ้าไหว เขาก็จะได้รับข่าวทันที
สามารถจัดการหน่วยลับภายในระยะเวลาสั้นๆ และยังสามารถเตรียมการได้อย่างละเอียดรอบคอบ ก็มีเพียงแค่คนที่รู้ว่าเขาจัดวางหน่วยลับเอาไว้เป็นอย่างดีถึงจะทำได้
ดูท่านอกจากผู้อาวุโสแปดที่คนที่อยู่เบื้องหลังคนนั้นวางเป็นไส้ศึกไว้ในตระกูลหนิงแล้ว ก็ยังมีคนอื่นอีก
คนคนนั้นมีตำแหน่งอำนาจที่ดีกว่า มิเช่นนั้น ก็ไม่อาจสัมผัสถึงความลับที่สำคัญบางอย่าง และรู้ความเคยชินในการกระจายหน่วยลับของตระกูลหนิง
การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้ จะต้องมีกำลังคนของจวนกั๋วกงหลายเท่าตัว แต่ทว่า คนที่ไม่รู้ที่มาอย่างชัดเจนมากขนาดนี้ ต้องลงหลักปักฐานในเมืองหลวงก่อน แม่ทัพเก้าประตูจะไม่รู้ได้อย่างไร
ฮ่องเต้ต้องการป้ายไม้ดำของมั่วเชียนเสวี่ย แต่ก่อนที่จะได้ป้ายไม้นั่นมา ก็ไม่มีทางฆ่านางเด็ดขาด และยิ่งไม่มีทางเผาจวนของขุนนางที่อยู่ภายใต้อำนาจตนเองเด็ดขาด
ดูท่า ฮ่องเต้ถูกคนหลอกใช้อีกแล้ว
ราชวงศ์ตระกูลกู? แซ่กู ทางที่ดีที่สุดเจ้าขออธิษฐานกับสวรรค์ อธิษฐานขอให้เชียนเสวี่ยยังมีชีวิตอยู่ในตำหนักจินหลวนของเจ้า
ถ้าหากว่าเกิดเรื่องกับเชียนเสวี่ยจริงๆ…เช่นนั้น…อำนาจในการปกครองแว่นแคว้นของตระกูลกูก็เดินมาถึงปลายทางแล้ว!
จิตสังหารของหนิงเซ่าชิงแผ่ออกมาทีละเล็กทีละน้อย
แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลกูปรารถนาให้เกิดขึ้น แต่เขาก็เป็นตัวการหลักที่ก่อให้เกิดหายนะนี้ขึ้นมา จะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด
ซูชีได้ยินวาจาเหล่านี้จากกุ่ยซา มั่วเหยียนและมั่วสิงแล้ว ในใจก็หวั่นไหวเช่นกัน แต่จิตสังหารกลับถูกเก็บงำเเล้ว
เมื่อครู่เขาเสียใจรวดร้าวปานจะขาดใจจนเลอะเลือน
ยังไม่ได้แก้แค้นให้มั่วเชียนเสวี่ย เขาจะไปจัดการหนิงเซ่าชิงได้เช่นไร
แม้ว่าต้องการจะจัดการ ก็ต้องรอให้ความจริงปรากฏขึ้นมาก่อน แค้นนี้ต้องชำระ