ตอนที่ 235 เทพเฒ่าจันทร์รับรู้ฉับไว ปกป้องหลี่ฉางโซ่ว (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 235 เทพเฒ่าจันทร์รับรู้ฉับไว ปกป้องหลี่ฉางโซ่ว (1)
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น หลิงเอ๋อร์ก็… กระตือรือร้นขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางใช้สมองคิดกลอุบายต่างๆ ทุกวิถีทางเพื่อพิชิตใจศิษย์พี่ของนาง แต่นางก็ไม่อาจทำได้สำเร็จ ซึ่งมักจะทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา

หลิงเอ๋อร์กลัวจริงๆ ว่าความรักที่ศิษย์พี่มีต่อนางจะเป็นเพียง ‘ความห่วงใย’ ที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง…

ทว่านางเป็นศิษย์น้องหญิงน้อยที่ได้รับอิทธิพลจากระบบคู่บำเพ็ญเต๋าในสำนักขณะที่ตระหนักถึงความสัมพันธ์รักชายหญิงเป็นครั้งแรกเมื่ออายุได้สิบหกหรือสิบเจ็ดปี และตัดสินใจว่า ในชีวิตนี้ นางจะต้องกลายเป็นคู่บำเพ็ญเต๋าของศิษย์พี่ให้ได้

แต่แล้ว หลิงเอ๋อร์ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก

นางรู้ดีว่าน้องสาวที่น่ารักแห่งเผ่าเงือกผู้นี้ทำอะไรให้ได้บ้าง…

วิธีเกี้ยวเขานั้น ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า สามวิธีหลักโดยการใช้โอสถ เสื้อผ้า และความรู้สึก และใช้เก้าวิธีย่อยเป็นกลเม็ดเด็ดพราย อย่างเช่น การพุ่งเป้าไปที่ความรู้สึก ความรู้สึกที่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะคิดอย่างไร แต่นางจะแสดงออกเพื่อเขา ปลุกเร้าอารมณ์ สร้างเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้น แสร้งเมาและอ่อนแอ เก็บรายละเอียดของอีกฝ่ายทุกอย่างและทำในสิ่งที่เขาชอบ รุกหนักเพื่อให้ได้มาและปฏิเสธ ทำให้ตายใจก่อนแต่จริง ๆ แล้วมีแผนดักจับทีหลัง ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา นางล้มเหลวมาตลอด แต่นางก็ไม่ลดละที่จะหาทางทำอีก นางจะ ยอมแพ้ไม่ใช้กลอุบายทั้งหมดที่นางคิดได้อย่างไร?

จนเมื่อเร็วๆ นี้ นางก็รู้สึกว่า ศิษย์พี่อาจไม่มีใจที่จะหาคู่บำเพ็ญเต๋าในขั้นนี้ ดังนั้นนางจึงมุ่งเน้นไปที่การรักษาภาพลักษณ์ในฐานะศิษย์น้องหญิง และรักษาระยะห่างจากศิษย์พี่ นางไม่อยากให้ศิษย์พี่…ปฏิบัติกับนางเหมือนเป็นน้องสาวของเขาจริงๆ!

ดังนั้น หลิงเอ๋อร์จึงไม่คาดหวังมากนักและตอบกลับอย่างสุภาพว่า “ข้าจะไม่ปิดบังน้องสาว ข้ามีชายในดวงใจแล้ว”

จิ่วจิ่วหัวเราะเบาๆ และกล่าวกับเจียงซื่อเอ๋อร์ว่า “เจ้าก็เพิ่งพบคนผู้นั้น”

“โอ้? หรือบางที จะเป็นพี่ฉางโซ่วผู้นั้น?”

หลิงเอ๋อร์อดจะหน้าแดงไม่ได้ แม้จะเขินอายอยู่บ้าง แต่นางก็พยักหน้ารับเบาๆ

“อันใดกันน่ะ?”

สงหลิงลี่ขยับศีรษะเล็ก ๆ ของนางเข้ามาหาจากทางด้านข้าง

บางที อาจเป็นเพราะนางมีร่างกำยำแข็งแกร่งเกินไป จึงทำให้เจียงซื่อเอ๋อร์อดจะซ่อนกายอยู่ด้านหลังของหลิงเอ๋อร์ไม่ได้

สงหลิงลี่ร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ “หลิงเอ๋อร์ เจ้าชมชอบพี่ชายของข้าหรือ”

หลิงเอ๋อร์ยิ่งหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม และอดจะเอามือปิดหน้าไม่ได้

ทันใดนั้น จิ่วจิ่วก็เบิกบานใจยิ่ง นางระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับยกเท้าขึ้นนั่งขัดสมาธิขณะที่แทบจะพลิกเมื่อเกือบจะทรงตัวไม่อยู่

อย่างไรก็ตาม เจียงซื่อเอ๋อร์เม้มริมฝีปากและยิ้มบางพร้อมกับรู้สึกโล่งใจราวกับได้ยกภูเขาออกจากอกของนาง

คงจะดีกว่านี้หากทั้งสองคนต่างก็รักกัน

เพื่อป้องกันไม่ให้เผ่าพันธุ์มังกรมีอิทธิพลต่ออี่อี่ของนาง ในครั้งนี้ นางจึงทุ่มเทความพยายามอย่างมาก และช่วยเหลือพี่ฉางโซ่วคนนี้เพื่อให้เขาพิชิตใจสาวงามได้อย่างง่ายดาย…

ดังนั้น เจียงซื่อเอ๋อร์จึงกระซิบข้างหูของหลิงเอ๋อร์

แล้วพึมพำบางอย่างกับนาง

หลิงเอ๋อร์ตะลึงงันไปครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “จริงหรือ?”

“แน่นอน ข้าจะโกหกพี่สาวได้อย่างไร? นี่เป็นสมบัติหายากของเผ่าเรา”

เจียงซื่อเอ๋อร์ยิ้มเบา ๆ และหยิบกล่องผ้าออกมาจากสร้อยข้อมือของนางแล้วยื่นให้หลิงเอ๋อร์พลางกล่าวว่า “พี่สาว โปรดรับสิ่งนี้เป็นของขวัญจากน้องสาวด้วยเถิดเจ้าค่ะ”

หลิงเอ๋อร์รีบกล่าวว่า “มันล้ำค่าเกินไป เราเพิ่งได้พบกันเป็นครั้งแรก ดังนั้นอย่าได้ทำเช่นนี้เลย”

“พี่สาว ท่านโปรดเข้าใจความรู้สึกของข้าด้วยเถิด” เจียงซื่อเอ๋อร์กล่าวพลางถอนหายใจ “ข้าและอี่เพิ่งตัดสินใจแต่งงานกัน ข้าเป็นเพียงองค์หญิงเงือกที่ไม่มีความสำคัญใดๆ แต่อี่เป็นโอรสของราชาเผ่ามังกร เขาไว้ใจพี่ชายคนนี้มากที่สุด และยังขอให้ข้าเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ให้พี่ชายคนนี้ด้วย ข้าคิดถึงเรื่องนี้และตระหนักได้ว่า มีเพียงของขวัญชิ้นนี้เท่านั้นที่ถือว่าเหมาะสม มันยอดเยี่ยมและมีความพิเศษเฉพาะสำหรับศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน หากพี่สาวไม่ยอมรับ ข้าก็จะทำลายมันที่นี่แล้วกลับไปกล่าวขออภัยกับอี่”

หลิงเอ๋อร์กะพริบตาเบาๆ แล้วรีบกล่าวว่า “โปรดอย่าทำเช่นนั้น ข้าจะยอมรับมันเอง ขอบใจน้องสาวนัก”

ในเวลาเดียวกันนั้น…เจ้าสำนักเทพทะเลที่กำลังชมการกระทำของทั้งสองผ่านเจตจำนงวิญญาณของเขาก็ได้ส่งข้อความเสียงไปถึงรองเจ้าสำนักของ

“คู่บำเพ็ญเต๋าของเจ้าช่างละเอียดรอบคอบและมีความคิดเลิศล้ำ หากเจ้าคิดเรื่องใดไม่ออก ก็พูดคุยกับนางได้”

“โอ้?” อ๋าวอี่รีบถามอย่างรวดเร็วผ่านเจตจำนงวิญญาณมาว่า “พี่ชาย ไยท่านถึงกล่าวเช่นนั้นขอรับ?”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าจะได้รู้หากถามถามพวกนางในอนาคต ข้าได้ยินพวกนางพูดคุยกันในบ้าน แล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกสนใจเล็กน้อย”

อ๋าวอี่รู้สึกงุนงงทันที แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากในขณะที่หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “คอยดูพวกนางกันต่อไป”

ในขณะนั้น ปรมาจารย์เผ่ามังกรก็ร่อนร่างลงมาหยุดที่ลานด้านหน้าของวิหารเทพทะเลแล้ว เขายังคงเดินไปมาโดยไม่กระทำการใดๆ

แต่หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึกว่า มังกรน่าจะกำลังรออยู่

รอให้มนุษย์รีบแห่กันไปยังที่แห่งนั้น และรอให้ปรมาจารย์เผ่ามังกรที่ประจำการอยู่ในทะเลทักษิณสังเกตเห็นเขา

ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและมุ่งความสนใจส่วนใหญ่ไปที่เมืองอันสุ่ย และเลิกสนใจกระท่อมมุงจากไปชั่วคราว

เขาเปิดใช้งานตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์และซ่อนตัวอยู่ใต้ดินเงียบๆ ก่อนจะส่งเสียงไปยัง ‘กลุ่มสง’ ซึ่งทูตเทวะจำนวนยี่สิบสี่คนของหมู่บ้านสงก่อตั้งขึ้นมาในเมืองแล้วขอให้พวกเขารีบไปที่นั่นในทันที …

ไม่ว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญนี้จะลงมือโจมตีอย่างไร หลี่ฉางโซ่วก็พร้อมจะจัดการกับมัน เขาสามารถลงมือและเปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้ตลอดเวลา

ในเวลานี้ อ๋าวอี่ได้อยู่ข้างๆ เขา

นอกจากนี้ จากการบอกเล่าของอ๋าวอี่ ราชามังกรแห่งทั้งสี่คาบสมุทรและมังกรชราผู้ทรงพลังที่แท้จริงของเผ่าพันธุ์มังกรได้ล่วงรู้ถึงแผนการของสำนักบำเพ็ญประจิมก่อนล่วงหน้าแล้ว

อันที่จริง ในเวลานี้ หลี่ฉางโซ่วได้เขียนบันทึกเสนอแนะให้องค์เง็กเซียนแล้วเพื่อบอกเขาว่าสำนักเทพทะเลทักษิณและเผ่าพันธุ์มังกรจงใจแสร้งสร้างเหตุการณ์…

แต่หลี่ฉางโซ่วยังคงรู้สึกไม่ปลอดภัยเล็กน้อยด้วยกังวลว่าเขาจะประมาทเกินไป

ในโลกบรรพกาลนั้น ไม่อาจมองข้ามศัตรูคนใดไปได้

นอกจากนี้ สำนักบำเพ็ญประจิมยังมีสองจอมปราชญ์เทพที่กระทำการไร้ยางอาย

หลี่ฉางโซ่วเฝ้าดูมังกรที่แปลงร่างเป็นชายวัยกลางคนด้วยดวงตาเฉียบคม และ ‘เส้นเรื่อง’ ที่หนาแน่นมากมายก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา

สหายเต๋าไปทำมันด้วยตัวเอง

มันขึ้นอยู่กับสหายเต๋าที่จะตัดสินใจเลือกอย่างไร อยากจะตายกลายเป็นขี้เถ้าหรือถูกทุบตี

ในกระท่อมมุงจากริมทะเลสาบของยอดเขาหยกน้อย เจียงซื่อเอ๋อร์ได้เปิดกล่องผ้าไหมแล้ว พวกเขาทั้งสี่คนก็กำลังยืนหรือนั่งรอบตัวนาง

ภายในกล่องผ้าไหม มีไข่มุกสีฟ้าอ่อนรูปหยดน้ำตาที่เปล่งประกายเจิดจ้าและมีอักขระเต๋าลึกลับอยู่รอบๆ หากผู้ใดจ้องมองมันอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก็จะมีความโศกเศร้าและรื่นรมย์ปรากฏขึ้นในใจ…

ราวกับว่ากำลังบ่น ร้องไห้ และชื่นชม

เจียงซื่อเอ๋อร์แนะนำเบาๆ ว่า “ไข่มุกนี้เรียกว่า น้ำตาแห่งชีวิตในชาติก่อน’ มีคำกล่าวโบราณในเผ่าเงือกว่า เราสามารถรักและอยู่กับคนได้เพียงคนเดียวในตลอดชีวิตของเรา น้ำตาแห่งชีวิตในชาติก่อนนี้ คือน้ำตาของคนที่ไม่อาจสมหวังและอยู่กับคนรักของเขาได้แม้จนกระทั่งตาย เขาต้องแก่ชราไปเพียงลำพัง และก่อนที่จะสิ้นอายุขัย ไข่มุกเงือกของเขาก็จะแปรสภาพเป็นน้ำตาแห่งชีวิตในชาติก่อนนี้ และเขาได้มอบมันให้กับเผ่าอื่น ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เสียใจในอนาคต ตราบใดที่คิดถึงคนที่รักอย่างลึกซึ้งในใจ น้ำตาแห่งชีวิตในชาติก่อนจะจดจำเขา แล้วจะพัฒนาความรู้สึกถึงความรักในใจของเขา”

สงหลิงลี่ร้องอุทานออกมาว่า “มีสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้ด้วยหรือ?”

จิ่วจิ่วหัวเราะคิกคักและแสดงความคิดเห็นว่า “หากเขาเป็นเซียนเทียน แล้วโหยหารักหนึ่งแสนปีที่ไม่สมหวัง เช่นนี้ ย่อมเพียงพอแล้วที่จะทำให้คลั่งแค้นจนถึงขนาดเคลื่อนเต๋าสวรรค์ได้

สงหลิงลี่อดจะพึมพำไม่ได้ว่า “แต่นี่จะไม่เป็นใช้กำลังบังคับหรือ? สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความรักซึ่งกันและกัน”

เจียงซื่อเอ๋อร์กะพริบตาและคิดว่า ไฉนเรื่องราวงดงามแห่งเผ่าพันธุ์ของข้าถึงกลายเป็น … ช่างเหลือทนนักเมื่อทั้งสองคนกล่าวเช่นนี้ …

หลิงเอ๋อร์ครุ่นคิดกับตัวเองและกล่าวเบา ๆ ว่า “ศิษย์พี่ควรจะมีข้าอยู่ในใจของเขาด้วยเช่นกัน ไข่มุกนี้ไม่น่าจะมีประโยชน์อะไรกับข้ามากนัก ทว่า… เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน ข้าใช้มันก็คงไม่เป็นไร” จากนั้นนางก็ถามว่า “น้องซื่อเอ๋อร์ ของสิ่งนี้จะทำให้ศิษย์พี่มีข้าอยู่ในใจได้จริงๆ หรือ?”

“แน่นอน” เจียงซื่อเอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “จะไม่มีผลกระทบอื่นใด ข้าลองมานับร้อยครั้งแล้วและได้ผลทุกครั้ง”

หลิงเอ๋อร์ยังคงครุ่นคิดต่อไปพร้อมด้วยแววตาลังเลอยู่บ้าง แต่ก็ยังกล่าวต่อไปว่า “แม้ข้าจะเชื่อใจน้องสาว แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับศิษย์พี่ ข้าเองก็อยากจะใช้มันเช่นกัน… แต่น้องซื่อเอ๋อร์ ข้ามีคำขอร้องที่ไม่เหมาะควรอยู่ ข้าขอให้เจ้าช่วยให้สัตย์สาบานปฏิญญาต้าเต๋าเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เจ้าเพิ่งกล่าวไปนั้นเป็นความจริง และนี่คือน้ำตาแห่งชีวิตในชาติก่อนที่เจ้ากล่าวถึงจริงๆ? ”

เจียงซื่อเอ๋อร์ตะลึงงัน…

เผ่าพันธุ์มนุษย์เข้มงวดมากหรือ?

เจียงซื่อเอ๋อร์รีบกล่าวว่า “แน่นอน ข้าจะให้สัตย์สาบานปฏิญญาต้าเต๋าเดี๋ยวนี้”

“เช่นนั้น โปรดรอสักครู่.” หลิงเอ๋อร์ยิ้มกระดากพลางกล่าวว่า “ข้าจะเขียนเนื้อหาของคำปฏิญญาลงในกระดาษแล้วให้น้องสาวอ่านมัน เช่นนี้แล้ว น้องสาวจะได้สบายใจมากขึ้น”

เจียงซื่อเอ๋อร์กะพริบตาด้วยรู้สึกว่านี่อาจเป็นกฎของเผ่าพันธุ์มนุษย์ จึงพยักหน้ารับ

นางซึ่งเติบโตขึ้นมาในทะเล รู้สึกมึนงงด้วยไม่เข้าใจจริงๆ

ในไม่ช้า… เจียงซื่อเอ๋อร์ก็ท่องคาถากตัญญุตา และปฏิญญาต้าเต๋า แล้วทันใดนั้น ท้องฟ้าเหนือยอดเขาหยกน้อยก็ส่งเสียงคำรามดังกึกก้อง

……………………………………………………………………………….