เมื่อเจียงซื่อเห็นสตรีผู้นั้น ก็อุทานขึ้นด้วยความตกใจ “พี่สาม!”
อวี้จิ่นรับรู้ได้ถึงความกังวลในน้ำเสียงของเจียงซื่อ เพียงสะบัดมือถ้วยชาก็ปลิวออกไปกระทบเข้ากับหอกยาวของผู้คุมที่กำลังแทงออกไปที่เจียงเชี่ยว
ภายใต้เหตุการณ์อันไม่คาดคิด ฝูงชนต่างชุลมุนวุ่นวายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เสียงร้องโหวกเหวกโวยวายด้วยความตื่นตระหนกดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย
แสงสะท้อนสว่างจ้าเส้นหนึ่งพุ่งตรงมาที่เจินเหิง
อวี้จิ่นหรี่ตาลง เขาหยิบถ้วยชาอีกอันเขวี้ยงออกไป พร้อมทั้งกระโดดออกจากทางหน้าต่างอย่างรวดเร็วเมื่อคนลงมาถึงพื้น ถ้วยชาที่ถูกเขวี้ยงออกไปปะทะเข้ากับอาวุธลับแล้วตกลงบนพื้นเช่นกัน
เหตุการณ์ยิ่งวุ่นวายไปกันใหญ่
“ปกป้องจอหงวนหลาง!” เสียงตะโกนดังขึ้น
เสียงม้ารูปงามร้องลั่น ฝีเท้าสับสนยุ่งเหยิง เสียงร้องแหบและแหลมสูงดังขึ้นไม่หยุด
คนสวมงอบบังหน้าสู้กับอวี้จิ่นอยู่พักหนึ่งก็รู้ว่าฝีมือตนสู้เขาไม่ได้ จึงถอยหนีไปอย่างรวดเร็ว
อวี้จิ่นชักเท้าวิ่งไล่ตามไปทันที ไม่นานก็หายวับตามกันเข้าไปในฝูงชน
เจียงซื่อชะโงกหน้าออกไปดูนอกหน้าต่าง เมื่อเห็นหลงต้านนำตัวเจียงเชี่ยวออกมาจากกลุ่มคนตามคำสั่งของนาง ถึงได้โล่งอก ทว่าในขณะเดียวกันก็รับรู้ได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองมา
เมื่อสบตากัน เจียงซื่อพยักหน้าลงเล็กน้อยเป็นการทักทาย จากนั้นก็รีบปิดหน้าต่าง
เจินเหิงยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไรก็ถูกผู้คุ้มกันล้อมตัวปกป้องไว้อย่างแน่นหนา ขบวนอวดโฉมขุนนางจบลงอย่างรวดเร็ว
หลงต้านเดินขึ้นไปบนโรงน้ำชาพร้อมกับเจียงเชี่ยวที่ดิ้นขัดขืนไม่หยุด
เจียงซื่อปรี่เข้ามาจับมือเจียงเชี่ยวไว้ “พี่สาม ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
เมื่อเห็นเจียงซื่อ เจียงเชี่ยวก็หยุดดิ้นขัดขืน แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “น้องสี่ เจ้านี่เอง เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
เจียงซื่อพูดออกไปเสียงเรียบ “ท่านอ๋องนัดข้าออกมาดูขบวนจอหงวนด้วยกัน แล้วพี่สามล่ะ”
เจียงเชี่ยวถือชายกระโปรงที่ไม่รู้ว่าขาดรุ่ยไปเมื่อไหร่ขึ้น พลางกัดฟันพูด “ข้าก็ตามน้องห้ากับน้องหกมาร่วมสนุกครึกครื้น ใครจะรู้ว่าเกือบเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่เสียแล้ว!”
“ผู้คนบนท้องถนนมีเยอะแยะมากมาย เมื่อครู่พี่สามตกอยู่ในอันตรายมากจริงๆ” พอนึกถึงฉากที่หอกยาวแทงมายังเจียงเชี่ยว เจียงซื่อก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
ตั้งแต่เข้าไปพักค้างแรมที่จวนฉังซิงโหว ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องก็ยิ่งสนิทสนมกลมเกลียวกันมากขึ้น เช่นนั้นนางจึงไม่อยากเห็นเจียงเชี่ยวเป็นอะไรไป
จู่ๆ เจียงเชี่ยวก็ทำหน้าขรึม ตบฉาดลงบนโต๊ะ “มีคนผลักข้า! และตั้งใจผลักแน่ๆ ไม่ใช่เพราะถูกเบียด”
เจียงซื่อตะลึง ความคิดแรกที่แล่นเข้ามาก็คือเจียงเพ่ยน้องหก
สามคนพี่น้องออกมาด้วยกัน หากมีคนตั้งใจผลักเจียงเชี่ยวจริงๆ ล่ะก็ ความเป็นไปได้ที่เจียงเพ่ยจะเล่นสกปรกนั้นสูงมาก
เจียงเชี่ยวก็คิดเช่นนี้ จึงพุ่งตัวไปที่หน้าต่างแล้วเปิดออกเพื่อดูสถานการณ์ข้างนอก
ด้านล่างมีผู้คนเบียดกันแน่นขนัด ชุลมุนวุ่นวายมาก
ด้วยสายตาอันเฉียบแหลมของนางที่มองกวาดออกไปเพียงครู่เดียวก็เห็นเจียงลี่เกาะที่ต้นไม้พลางหายใจหอบ
“น้องสี่ พวกนางอยู่ตรงนั้น”
เจียงซื่อรีบออกคำสั่งให้หลงต้านไปนำตัวเจียงลี่และอีกคนขึ้นมา
ไม่นานเจียงลี่และเจียงเพ่ยก็ขึ้นมาที่ชั้นบน
จากสถานการณ์ชุลมุนวุ่นวายเมื่อครู่ ทั้งสองคนดูแย่ยิ่งกว่าเจียงเชี่ยวเสียอีก คนหนึ่งผมเผ้ายุ่งเหยิง อีกคนรองเท้าหลุดไปข้างหนึ่ง
เมื่อเห็นเจียงซื่อ เจียงเพ่ยคุณหนูหกก็เดินตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว พลางพูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร “พี่สี่ โชคดีที่ได้พบท่าน ท่านดูสิรองเท้าข้าหายไปข้างหนึ่ง กลับเรือนไม่ได้แล้ว”
เจียงซื่อเม้มริมฝีปากลง
แม้เจียงเพ่ยมักจะประจบสอพลอผู้ที่เหนือกว่าตน และขู่เข่นผู้ที่ด้อยกว่า ทว่าหากเทียบกับเจียงเชี่ยนที่คร่าเอาชีวิตคนนี่มันถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย
แต่หากเมื่อครู่นางเป็นคนผลัก นั่นมันก็อีกเรื่องหนึ่ง
เจียงเชี่ยวมองเจียงเพ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เมื่อครู่ข้าถูกคนผลักออกไป น้องห้า น้องหกเห็นหรือไม่ว่าเป็นผู้ใด”
เจียงลี่คุณหนูห้าส่ายหัวเบาๆ
เจียงเพ่ยพูดตามหลัง “ไม่เห็น”
เมื่อเห็นเจียงเชี่ยวยังคงจ้องนางไม่วางตา เจียงเพ่ยจึงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “พี่สามมองข้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ข้าไม่ใช้คนผลักท่านสักหน่อย!”
เจียงเชี่ยวยิ้มเยาะ “มันพูดยากน่ะ”
เจียงเพ่ยพูดประชดออกไป “พี่สามอย่าคิดนะว่าสนิทกับพี่สี่แล้วจะพูดจาว่าร้ายผู้อื่นได้ เรื่องที่ไม่ได้ทำ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่ยอมรับหรอก!”
เจียงเชี่ยวโมโหจนหน้าไร้ซึ่งเลือดฝาด “ข้าถามเจ้าว่าได้ผลักข้าหรือไม่ เจ้าจะโยงไปเรื่องอื่นทำไมกัน”
พอเห็นทั้งสองทะเลาะกันอย่างรุนแรง เจียงลี่จึงเอ่ยพูดออกมาเบาๆ “พี่สาม ไม่ใช่น้องหกนะเจ้าคะ”
เจียงเชี่ยวหันมามองเจียงลี่อย่างไม่รู้ตัว
เจียงลี่กัดริมฝีปากเบาๆ พลางพูดอธิบาย “ตอนนั้นน้องหกถูกเบียดไปข้างหน้า อีกนิดเดียวจะชนเข้ากับสตรีนางหนึ่ง ข้าเลยดึงนางไว้ และช่วงนั้นพี่สามก็ถูกเบียดออกไปพอดี เช่นนั้นข้าจึงเห็นได้อย่างชัดเจน น้องหกไม่ได้ผลักพี่สาม…”
“พี่สาม ท่านได้ยินหรือไม่ ไม่ใช่ข้า!”
เจียงเชี่ยวหน้าแดงระเรื่อ จากนั้นจู่ๆ ก็พูดอย่างมีมารยาทต่อเจียงเพ่ย “เช่นนั้นข้าขอโทษเจ้าด้วยที่ข้าเข้าใจผิดเจ้าไป”
เจียงเพ่ยคาดไม่ถึงเลยว่าเจียงเชี่ยวจะยอมรับตรงๆ จึงไม่ได้โต้กลับทันที แต่สุดท้ายก็พูดอออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ช่างเถอะ จากนี้ไปหากมีเรื่องไม่ดีอะไรท่านก็อย่าได้คิดว่าเป็นข้าก็พอแล้ว ตัวเองโชคร้ายเอง จะโทษใครได้”
เจียงเชี่ยวกัดฟันกรอด ต้องยอมรับจริงๆ ว่านางโชคร้าย
สถานการณ์วุ่นวายเช่นนั้น ถูกคนผลักออกมา แล้วจะหาตัวคนร้ายออกมาได้อย่างไร
เจียงซื่อมองออกไปด้านนอก แล้วดึงสายตากลับมา “หลงต้าน เจ้าช่วยส่งพวกข้ากลับจวนปั๋วที”
ด้านล่างมีรถม้าจอดอยู่ เดิมมีเหล่าฉินขับรถมาให้จึงไม่กังวลอะไร แต่เหตุการณ์ที่เจินเหิงพบเจออันตรายเมื่อครู่ทำให้เจียงซื่อไม่กล้าประมาท
“คุณหนูเจียงไม่รอเจ้านายแล้วหรือขอรับ”
“ไม่ล่ะ เขาไปตามมือสังหาร หากไม่มีอะไรคงกลับมาตั้งนานแล้ว”
เลือกที่จะลอบสังหารจอหงวนหลางระหว่างเดินขบวนงั้นรึ เจียงซื่อเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
ขณะที่กำลังพูด เสียงฝีเท้าอันเร่งรีบก็ดังขึ้น
อวี้จิ่นผลักประตูเดินเข้ามา “อาซื่อ…”
เมื่อเห็นว่าในห้องมีพวกเจียงเชี่ยวอยู่จึงปิดปากเงียบลงทันที พลางขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับกวาดตามองสำรวจ จากนั้นสาวเท้าก้าวเดินไปหาเจียงซื่อ
“เป็นอะไรหรือไม่” เมื่อเดินมาถึงตรงหน้าเจียงซื่อ เขาก็เอ่ยถามอย่างอ่อนโยน ทว่ายังหอบหายใจถี่
เจียงซื่อยิ้มขึ้น “ข้าจะเป็นอะไรได้ จับตัวมือสังหารได้แล้วหรือ”
อวี้จิ่นพยักหน้าลงเบาๆ แล้วพูดกับหลงต้านออกไปตรงๆ “เจ้าเชิญคุณหนูทั้งสามออกไปก่อน”
หลงต้านผายมือเชิญเจียงเชี่ยวและอีกสองคน “เชิญคุณหนูทั้งสามออกไปก่อนขอรับ”
เจียงเชี่ยวเหลือบมองเจียงซื่อ แล้วเดินออกไป
เจียงลี่ก้มหน้าก้มตาย่อตัวลง แล้วเดินตามออกไป
มีเพียงแค่เจียงเพ่ยที่เดินไปถึงปากประตูแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหันขวับกลับมาชำเลืองมองอวี้จิ่น จากนั้นถึงได้เดินออกไป
หลงต้านหันหลังกลับมามองคุณหนูทั้งสาม “คุณหนูทั้งสามท่านไปรอที่นั่นนะขอรับ”
เจียงเพ่ยพิงราวจับด้วยความรู้สึกร้อนรนทรมานราวกับน้ำมันที่เดือดปุดปุดอยู่ในหม้อ
นั่นคือเยี่ยนอ๋องคู่หมั้นของพี่สี่สินะ
ทั้งเยาว์วัย รูปงาม และมีเกียรติ…เหตุใดเจียงซื่อถึงได้โชคดีเช่นนี้!
……
ภายในห้อง
อวี้จิ่นยื่นมือออกไปวางลงที่ไหล่ของเจียงซื่อ “อาซื่อ เรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติเล็กน้อย มือสังหารผู้นั้นเป็นคนต่างถิ่น”
“เจ้าหมายความว่า…”
“เรื่องนี้อาจทำให้เสด็จพ่อตกพระทัยได้ แถมพี่สามของเจ้ายังถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ถึงเวลานั้นบางทีอาจต้องออกหมายเรียกพี่สามของเจ้ามาไต่ถาม”
และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเข้าถึงตัดสินใจกระโดดออกทางหน้าต่างเพื่อไปช่วยจอหงวนหลางอย่างรวดเร็ว
อย่างแรกคือมีหญิงสาวคนหนึ่งพุ่งออกไปกลางถนนทำให้กองกำลังเดินช้าลง และเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คุ้มกัน จากนั้นจอหงวนหลางก็ถูกลอบสังหาร เขาตัดสินใจตามสัญชาตญาณได้เลยว่าการที่มีสตรีพุ่งออกมากลางถนนนั้นต้องมีเหตุผลแน่ หากไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิดของมือสังหาร ก็ต้องถูกทำร้ายโดยไม่มีมูลเหตุ
หากเป็นผู้อื่น เขาคงขี้เกียจที่จะไปสนใจว่าหญิงสาวพวกนั้นจะเป็นอะไร แต่ทว่าหญิงสาวพวกนี้เป็นพี่สาวของเจียงซื่อ จึงจำเป็นต้องเอาใจใส่เรื่องนี้ และยิ่งไปกว่านั้นคือไม่อาจให้เกิดเรื่องกับจอหงวนหลางได้
หากจอหงวนหลางที่ถูกมองว่าเป็นนิมิตมงคลถูกสังหาร แน่นอนว่าอาซื่อที่เตรียมจะเป็นพระชายาอ๋องจะต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ด้วย
อวี้จิ่นครุ่นคิดเรื่องพวกนี้อยู่ พลางลูบคางไปมา
เขารู้สึกนับถือตัวเองมากที่ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้กลับมีความคิดมากมายผุดขึ้นมา มิน่าล่ะอาซื่อถึงไม่รักใคร และถูกอกถูกใจเขาแต่เพียงผู้เดียว
“…”