บทที่389 ไม่จบไม่สิ้น
สุดท้ายตระกูลส้งก็ล้มละลาย
พ่อซ่งแบกหน้าไปขอเข้าพบลี่จุนถิงอยู่ครั้งหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ถูกลี่จุนถิงปฏิเสธ
เขาจึงเปลี่ยนไปหาคุณปู่เหล่าลี่ ทว่ากลับได้รู้เพียงแค่ว่าคุณปู่เหล่าลี่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ไม่รับแขกใดๆทั้งสิ้น
พ่อซ่งทำได้แต่มองดูหนี้ที่บริษัทต้องจ่ายมหาศาล และท้ายที่สุดมันก็ถูกปิดตัวลง
“เห้อ……”
พ่อซ่งยืนมองผู้คนที่กำลังทยอยขนของต่างๆออกจากบริษัท ในใจรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก
ทั้งหมดนี่……เกิดขึ้นเร็วและกะทันมาก เขายังไม่ทันได้เตรียมใจเลย
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันเวลาดีๆของเขาจะจบเร็วขนาดนี้ ธุรกิจขนาดใหญ่จะพังทลายลงในมือของเขาแบบนี้จริงๆหรอ
พ่อซ่งรู้สึกละอายใจต่อตัวเองมาก
ยังไงเขาก็เป็นผู้ชายที่รักในการทำธุรกิจคนหนึ่ง เขาทุ่มเทให้กับการทำงานมาโดยตลอด แต่วันนี้……
ทุกอย่างกำลังจะจบลงแล้วสินะ
ในขณะเดียวกันทางสตีเฟนกรุ๊ปก็ย่ำแย่เหมือนกัน
หลังจากที่Anthonyถือโอกาสหนีไปในช่วงชุลมุนวุ่นวายตอนแรก บริษัทมันก็แทบจะไปต่อไม่ได้แล้ว และสุดท้ายมันก็พังลงจนได้
ถึงแม้Anthonyจะกลับมายืนได้อย่างมั่นคง แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะช่วยดึงสตีเฟนกรุ๊ปให้ฟื้นคืนกลับมา
หลังจากที่ตระกูลส้งพังทลายลงจนตกต่ำถึงขีดสุด ส้งหวั่นหวั่นก็หนีออกมาอย่างเงียบๆ
เธอไม่กล้าไปเจอหน้าครอบครัวของตัวเอง ฉะนั้นก็เลยคิดว่าจะออกไปอยู่ข้างนอกสักพักหนึ่ง
พอคนในครอบครัวสงบขึ้นและกลับมาปกติแล้ว เธอค่อยกลับไป……
หลังจากที่ส้งหวั่นหวั่นหนีไป เธอก็ติดต่อหาAnthony
แม้สถานการณ์ของAnthonyยังไม่ปลอดภัยนัก แต่เขาก็ยอมให้ส้งหวั่นหวั่นมาอยู่ด้วย
“หวั่นหวั่น คุณสบายใจได้เลยนะ ถึงตอนนี้พวกเรายังต้องหลบๆซ่อนๆ แต่ผมสัญญากับคุณเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้อีกไม่นานแน่”
เมื่อได้ยินAnthony ให้คำมั่นสัญญากับเธออย่างแน่วแน่ ส้งหวั่นกลับไม่รู้สึกอะไรในใจเลย
ตอนแรกAnthony ก็เคยพูดแบบนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่สำเร็จนี่นา?
เนื่องจากตระกูลส้งพังลงไปแล้ว ส้งหวั่นหวั่นจึงเกลียดลี่จุนถิงเพิ่มมากขึ้นไปอีก บวกกับความแค้นเดิมที่มีอยู่ พูดได้เลยว่าเธอเกลียดเขาเข้ากระดูกดำเลยทีเดียว
ซึ่งAnthony ก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
สตีเฟนกรุ๊ปเป็นบริษัทที่เขาก่อตั้งขึ้นเองกับมือ เขาไม่เหมือนกับคนอื่นที่แค่สืบทอดกิจการมาเท่านั้น เขาเริ่มมันมาจากศูนย์ ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากใคร เขาเดินบนทางเส้นนี้มาอย่างยากลำบาก
และตอนนี้ลี่จุนถิงก็มาทำลายสตีเฟนกรุ๊ปจนเละเทะไปหมด จะไม่ให้เขาแค้นได้ยังไง!
“แม่งเอ้ย!ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่!” Anthonyกำหมัดแน่นแล้วตะโกนลั่นด้วยความโกรธ
ส้งหวั่นหวั่นที่อยู่ข้างๆชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง แล้วถอนหายใจออกมาหยาวเหยียด ในใจรู้สึกรำคาญเล็กน้อย เธอจึงบ่นออกมาสองสามคำอย่างอดไม่ได้ “ฉันบอกนายไปแต่แรกแล้วว่าให้ทำอะไรระวังตัวด้วย แต่นายก็……”
แต่นายก็ไม่ฟัง แล้วจะให้ฉันทำไง?
สุดท้ายส้งหวั่นหวั่นก็ตัดสินใจไม่พูดประโยคหลังออกมา เพราะเห็นแล้วว่าหลังจากที่Anthony ได้ยินคำพูดของเธอ สีหน้าของเขาแย่ลงทันที
“นี่คุณกำลังโทษผมหรอ?” Anthonyจ้องส้งหวั่นหวั่นอย่างไม่ละสายตา ทำให้ส้งหวั่นหวั่นเริ่มกลัวขึ้นมา
สุดท้ายเธอจึงเลือกโกหกและฝืนยิ้มออกไปให้เขาแทน “ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นซักหน่อย ฉันก็แค่อยากจะบอกนายว่าหลังจากนี้ไปนายต้องระวังตัวมากกว่าเดิมนะ อย่าไปหลงกลเขาได้”
Anthonyถามส้งหวั่นหวั่นด้วยความสงสัย ทว่าสายตาที่ดูหวาดกลัวของส้งหวั่นหวั่นบีบบังคับให้เขาเลือกเชื่อเธออย่างไม่เต็มใจ
“อืม เข้าใจแล้ว” Anthonyตอบรับด้วยเสียงเรียบเฉย
Anthonyก็ไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะพลาด ถึงจะรู้ว่าลี่จุนถิงมีอิทธิพลมากจนน่ากลัว แต่ก็ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีอิทธิพลมากจนสามารถจัดการได้ในพริบตาเดียว!
แต่จะโทษที่Anthony ประมาทก็ไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ลี่จุนถิงแสดงอิทธิพลความสามารถทั้งหมดของตัวเองออกมาน้อยมาก ด้วยเหตุนี้Anthonyจึงไม่อาจไตร่ตรองหาวิธีจัดการได้อย่างถี่ถ้วน
ส้งเป็นพันธมิตรกัน และเธอก็เคยคลั่งไคล้ในตัวลี่จุนถึงอยู่นานมากด้วย ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่เธอจะรู้ความสามารถที่ลี่จุนถิงซ่อนเอาไว้
ส้งหวั่นหวั่นกับAnthony เริ่มทนไม่ไหวแล้วกับการที่ต้องเอาแต่หลบๆซ่อนๆซ้ำไปซ้ำมา
ส้งหวั่นหวั่นไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตของเธอจะตกต่ำแบบนี้ เธอไม่รู้เลยว่านี่มันเป็นความผิดของใครหรือจะโทษใครดี
โทษAnthony งั้นเหรอ?
ถ้าเกิดตัวเธอเองไม่ได้ไปขอให้เขาทำเรื่องแบบนั้น ตอนนี้เธอก็คงไม่ตกมาอยู่ในสภาพนี้หรอก
หรือว่า……เรื่องนี้ต้องโทษที่ตัวเธอเองกันนะ?
ไม่ว่ายังไง ส้งหวั่นหวั่นก็ยังไม่ยอมรับ เธอไม่อยากยอมรับความผิดที่เธอก่อไว้
ไม่นานAnthony ก็รู้สึกว่าเขาทนใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
อีกทั้งลึกๆเขายังเป็นห่วงส้งหวั่นหวั่นอยู่ด้วย เขาจะใช้ชีวิตแบบเส็งเคร็งอย่างนี้ต่อหน้าผู้หญิงของตัวเองงั้นเหรอ Anthony รู้สึกอับอายขายขี้หน้ามากจริงๆ
“หวั่นหวั่น ไปอยู่ต่างประเทศกันเถอะ”
หลังจากที่วันนี้พอจะหาโอกาสหนีได้ Anthonyก็พูดกับส้งหวั่นหวั่นด้วยท่าทีเอาจริงเอาจัง
ส้งหวั่นหวั่นตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วแสดงสีหน้าลังเลออกมาเล็กน้อย
สำหรับตอนนี้การหนีออกไปต่างประเทศถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของพวกเขา แต่ส้งหวั่นหวั่นก็รู้ดีว่า Anthonyพาเธอหนีไปได้คนเดียว ส่วนพ่อกับแม่ของเธอนั้น……
“หวั่นหวั่น ผมมีอิทธิพลอยู่ไม่น้อยถ้าอยู่ที่ต่างประเทศ ขอแค่ตอนนี้คุณยอมไปกับผม รอผมหวนกลับมามีอำนาจอีกครั้ง ผมก็ยินดีที่จะอยู่เคียงข้างคอยรับใช้คุณเอง” Anthony พูดออกไปอย่างมั่นใจ
พอเป็นแบบนี้ ส้งหวั่นหวั่นก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
ความล้มเหลวของAnthony ครั้งนี้ สาเหตุหนึ่งมาจากอิทธิพลในจีนของAnthony ยังไม่มากพอเท่ากับตอนที่อยู่ต่างประเทศ เพราะงั้นจึงมีขีดจำกัดบางอย่างอยู่
สุดท้ายส้งหวั่นหวั่นก็ตอบตกลง
“อื้ม ฉันจะไปกับนาย”
ส่วงทางด้านพ่อซ่งกับแม่ซ่ง ส้งหวั่นหวั่นคิดว่าเธอแค่ไปกับAnthony ชั่วคราวเฉยๆ ไม่ใช่ว่าจะไม่กลับมาซักหน่อย รอเธอกลับมาแล้วค่อยชดเชยให้พวกเขาอย่างสาสมก็แล้วกัน
Anthonyวางแผนได้ดีมาก ลี่จุนถิงคงเดาไม่ออกแน่ว่าพวกเขาจะคิดแบบนี้
“Anthony คงกำลังพยายามหาทางหนีออกนอกประเทศ พวกนายส่งคนไปดูหน่อย อย่าให้เขาหนีไปได้ ” ณ ห้องทำงาน ลี่จุนถิงได้สั่งกำชับลูกน้องของตัวเอง
พอถึงวันที่Anthonyกำลังเตรียมตัวหนี เขาก็ถูกคนของลี่จุนถิงสกัดไว้
พอคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งAnthony ก็เดาได้เลยว่าคนพวกนี้ต้องเป็นคนที่ลี่จุนถิงส่งมาแน่ๆ
“แม่งเอ้ย!ไม่จบไม่สิ้นจริงๆหรอวะเนี่ย?”
Anthony กำหมัดแน่น ดูเหมือนว่า……เขาจะประเมินลี่จุนถิงต่ำไปจริงๆ หลายวันมานี้เขาคงจะถูกจับตามมองอยู่ตลอด
“หวั่นหวั่น ตามผมมา” Anthony คว้าข้อมมือของส้งหวั่นหวั่นแล้วพาเธอวิ่งออกไปอีกทางหนึ่ง ไม่นานพวกเขาก็เข้ามาหลบในย่านเมืองเก่า
พอทั้งสองมองออกไปด้านนอกแล้วไม่เห็นใครตามมาก็เลยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“แม่งเอ้ย นึกไม่ถึงเลยว่าลี่จุนถิงจะเอาเขาถึงตายจริงๆ” Anthony ขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับพูดขึ้น
ส้งหวั่นหวั่นเหลือบมองเขาด้วยความลังเล “ตอนนี้พวกเราจะเอายังไงต่อไปดี?”
Anthony ไม่ตอบ แต่กลับหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ต่างประเทศ ขอให้พวกเขามาช่วยโดยเร็ว