บทที่390 ล้อมปราบ

เมื่อส้งหวั่นหวั่นเห็นว่าครั้งนี้ลี่จุนถิงลงมือโหดมาก แม้แต่ตระกูลส้งเขาก็ไม่ยอมปล่อย เธอจึงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

ตอนนี้หลบอยู่ในย่านเมืองเก่าก็เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยแล้ว ไม่รู้ว่าถ้าถูกลี่จุนถิงจับตัวได้ละก็ เขาจะลงโทษเธอยังไง

“Anthony พวกเราต้องรออยู่ที่นี่อีกนานเท่าไหร่ พวกเราจะไม่โดนลี่จุนถิงจับตัวไปแน่ๆใช่ไหม? ” ส้งหวั่นหวั่นไม่อยากโดนจับไป เธอไม่อยากโดนจับได้จริงๆ

Anthonyลูบหัวส้งหวั่นหวั่นเบาๆ แล้วยิ้มพูดออกไปอย่างมั่นใจ “คุณสบายใจได้ ครั้งนี้พวกเราจะต้องหนีรอดไปได้แน่ๆ”

“แต่ว่าบริษัทของพวกเราล้วน……”ส้งหวั่นหวั่นนึกถึงธุรกิจของส้งซื่อที่มีมาแต่บรรพบุรุษ ทว่าตอนนี้กลับไม่มีแล้ว ไม่ว่าจะพูดยังไงส้งหวั่นหวั่นก็รู้สึกเสียใจอยู่ดี

ในฐานะที่Anthonyเป็นผู้ชาย เขาเลยไม่ได้กังวลหรือคิดมากอะไรเท่ากับส้งหวั่นหวั่น ถึงแม้จะเจ็บใจ แต่เขาก็ยังคงมั่นใจมาก “ขอเพียงรักษากำลังทรัพย์สินที่เหลือไว้ได้ ในอนาคตมันต้องฟื้นกลับมาใหม่ได้แน่ ตอนนี้ไม่มีบริษัทแล้ว แต่พวกเราก็ยังสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้ อีกอย่างพวกเรายังมีชีวิตอยู่นะ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้หรอก?”

ส้งหวั่นหวั่นคิดว่าที่เขาพูดมามันก็มีเหตุผล แต่ว่าเซ้นส์ของผู้หญิงมันบอกกับเธอว่า เรื่องนี้มันไม่จบง่ายๆแน่ “แต่ว่าพวกเราติดอยู่ในนี้ เราจะทำยังไงดี?”

Anthonyเลิกคิ้วขึ้น ไม่มีที่ไหนที่เขาจะออกไปไม่ได้ “วางใจเถอะ ครั้งนี้ผมเรียกคนมาช่วยมีแต่พวกมีฝีมือ คุณแค่ตัวติดกับผมไว้ก็พอ ”

พูดไปAnthonyก็พลางใช้มือช้อนใบหน้าของส้งหวั่นหวั่นให้เงยขึ้นมา จากนั้นก็จุ๊บลงที่แก้มเธอหนึ่งที

คราวนี้คนที่Anthonyเรียกมาล้วนเป็นพวกนักฆ่าทั้งหมด เรียกได้ว่ามีฝีมืออยู่พอตัวเลยทีเดียว ถ้าเป็นพวกเขาพาหนีละก็มันจะต้องไม่มีปัญหาอะไรแน่ๆ

ส้งหวั่นหวั่นก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย ในใจก็รู้สึกโล่งใจไปไม่น้อย

อยู่กับAnthonyมาตั้งนาน เธอรู้ว่าเขามีอิทธิพลมากอยู่พอสมควร ไม่งั้นเขาคงไม่มีปัญญาช่วยเธอได้เยอะขนาดนี้หรอก

“อื้ม” ส้งหวั่นหวั่นพยักหน้ารับ พลางให้กำลังใจตัวเองในใจ เธอจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด เธอจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้

ทันใดนั้นเอง Anthonyก็ได้รับสายโทรเข้าสายหนึ่ง

“ท่านครับ พวกเราเกรงว่าจะลงจอดเฮลิคอปเตอร์ที่ย่านเมืองเก่าไม่ได้ มันไม่มีพื้นที่พอให้จอดได้เลย” ปลายสายพูดด้วยท่าทีร้อนรน

ทว่าAnthonyกลับไม่กังวล “ถ้างั้นก็เอาเฮลิคอปเตอร์ลงจอดในพื้นที่โล่งใกล้ๆนี้ จากนั้นก็พาพวกเราไปที่นั่นก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”

“ครับ”

หลังจากวางสายAnthonyก็พูดปลอบส้งหวั่นหวั่นอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อรอการมาช่วยของลูกน้อง

ไม่นาน ผู้ช่วยของAnthonyก็บอกว่ามีคนมาช่วยแล้ว

ส้งหวั่นหวั่นเงยหน้ามองผู้ช่วย นัยน์ตาเต็มไปดัวความหวัง

Anthonyพยักหน้ารับ “งั้นพวกเราไปกันเถอะ”

พูดจบพวกเขาก็วิ่งออกจากห้องแล้วมุ่งหน้าตรงไปยังที่เฮลิคอปเตอร์จอดอยู่

ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในการสังเกตการณ์ของลี่จุนถิง

“คุณชายลี่ เห็นทีพวกAnthonyคงจะนั่งเฮลิคอปเตอร์หนีไป แต่เนื่องจากที่ย่านเมืองเก่าค่อนข้างแออัด ฉะนั้นเฮลิคอปเตอร์น่าจะไปจอดแถวชานเมืองของย่านเมืองเก่า” ซู่จี้งยี้รายงานสถานการณ์ทุกอย่างให้ลี่จุนถิงฟังอย่างรวดเร็ว

“เจ้าบ้านี่ลงทุนหนีเยอะอยู่เหมือนกันนะ” ลี่จุนถิงยิ้มมุมปากขึ้นแล้วมองอย่างเหยียดหยาม

“พวกเราควรส่งคนไปสกัดพวกมันที่ย่านเมืองเก่ารึเปล่าครับ?”

ลี่จุนถิงส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ต้อง ให้พวกมันไปก่อน แล้วตอนที่มันกำลังจะหนีออกไปได้ พวกเราค่อยเข้าไปล้อมมัน นายส่งพวกสอดแนมธรรมดาๆไปก่อน ดูว่าคนที่มาช่วยอีกฝ่ายแข็งแกร่งแค่ไหน ถ้าเกิดไม่ไหวละก็ ให้ส่งกองกำลังสำรองไป ไม่ว่ายังไง ครั้งนี้จะต้องนำตัวAnthonyมาให้ได้ ”

สายตาของลี่จุนถิงเปี่ยมไปด้วยความแน่วแน่ อย่าคิดว่าจะหนีรอดไปได้นะAnthony เพราะไม่ว่าแกจะอยู่มุมไหนของโลกฉันก็จะตามล่าหาแกจนเจอ

ดูก่อนว่าAnthonyเรียกคนแบบไหนมาช่วย ถ้าเกิดอีกฝ่ายมีฝีมือแข็งแกร่ง ลี่จุนถิงก็จะได้ดึงคนที่มีฝีมือเก่งๆออกมา

ยิ่งไปกว่านั้นอิทธิพลที่หนุนหลังAnthonyอยู่ก็ไม่ใช่กระจอกๆ ไม่แน่ครั้งนี้เขาอาจจะส่งแต่คนฝีมือดีมาก็ได้

“เข้าใจแล้วครับ” ซู่จี้งยี้คิดไว้แล้วว่าวันนี้มันจะต้องเป็นสงครามที่ดุเดือดมากแน่ๆ บางทีเขาอาจจะต้องไปด้วยตัวเองก็ได้ ตอนนี้เขาเลยทั้งตื่นเต้นและกังวลอยู่ในใจลึกๆ

หลายปีมานี้เขาได้แต่คอยดูแลจัดการเรื่องที่บริษัทของลี่จุนถิง แทบไม่ได้มีเรื่องจับปืนเหมือนตอนแรกๆเลย ฉะนั้นวันนี้จะได้สัมผัสมันอีกครั้งก็เลยรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

ทางด้านAnthonyได้นำเฮลิคอปเตอร์ลงจอดสำเร็จแล้ว พอเห็นว่าไม่มีอุปสรรคอะไรมาขวาง Anthonyก็ลำพองใจขึ้นมาทันที

“ดูเหมือนว่าลี่จุนถิงก็ไม่ได้มีความอดทนมากเท่าไหร่นี่นา” Anthonyหัวเราะร่าขึ้น ออกมาได้ง่ายดายขนาดนี้ เสียเวลาที่มัวแต่ระวังตัวจริงๆเลย

ทว่าส้งหวั่นหวั่นกลับไม่คิดแบบนี้ แต่เธอก็บอกไม่ได้ว่ามันมีอะไรแปลกไป เธอรู้สึกว่าทั้งหมดนี่มันง่ายเกินไปแล้วก็แค่นั้นเอง

ลี่จุนถิงที่ดูเหมือนจะไม่ปล่อยAnthonyง่ายๆ แล้วทำไมครั้งนี้ถึงปล่อยให้เธอกับAnthonyหนีออกมาง่ายจัง หรือว่าเขาวางแผนอะไรอยู่?

“คิดอะไรอยู่ครับ?ที่รัก?” ตอนนี้Anthonyอารมณ์ดีสุดๆไปเลย เขาเข้ามาโอบเอวส้งหวั่นหวั่นไว้แล้วถามออกไปเสียงหวาน

ส้งหวั่นหวั่นยิ้มอย่างเขินๆ แล้วส่ายหน้าไปมา “ไม่มีอะไรค่ะ แค่รู้สึกว่ามันง่ายไปหน่อยก็เท่านั้นเอง?”

Anthonyคิดกับตัวเองว่าผู้หญิงนี่ชอบคิดมากจริงๆ “วางใจเถอะ ขอแค่ขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ได้พวกเราจะไปไหนก็ได้ ลี่จุนถิงตามมาไม่ทันหรอก พวกเราไปขึ้นเครื่องเถอะ หลังจากนั้นค่อยว่ากัน”

ส้งหวั่นหวั่นพยักหน้ารับ จากนั้นก็ถูกAnthonyพาขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์อย่างระมัดระวัง

การตกแต่งภายในของเฮลิคอปเตอร์ไม่เหมือนกับที่ส้งหวั่นหวั่นเคยเห็นในทีวีเลย แทนที่จะพูดว่ามันคือเฮลิคอปเตอร์ ให้พูดว่ามันคือรถบ้านที่เพียบพร้อมไปหมดดีกว่า ด้านในมีการตกแต่งอย่างหรูหรา ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างมีครบหมด

ทันทีที่เธอมองไปรอบๆ เธอก็รู้สึกตะลึงไปนิดหน่อย นี่เธอกำลังหนีหรือกำลังจะไปพักร้อนกันแน่

Anthonyเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของส้งหวั่นหวั่น “ชอบไหม?ถ้าชอบละก็ เดี๋ยวผมจัดให้คุณหนึ่งลำ อะไรแบบนี้ผมยังมีอยู่ที่นู่นอีกตั้งห้าหกลำ”

Anthonyเป็นคนที่ชอบเสพสุขในการใช้ชีวิต เขามีคำพูดติดปากอยู่ประโยคหนึ่งว่า ชีวิตคนเรามันสั้น อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะ

อีกอย่างของพวกนี้มันก็แค่เรื่องเล็กน้อยสำหรับเขา ไม่เห็นมีอะไรต้องกังวลเลย

ส้งหวั่นหวั่นพยักหน้ารับ ในใจยิ่งรู้สึกดีขึ้นไปอีก

สำหรับผู้หญิงแล้ว จะมีอะไรมีความสุขไปมากกว่าของหรูหราพวกนี้ซะอีก

ไม่นานเฮลิคอปเตอร์ก็บินขึ้น

ส้งหวั่นหวั่นมองออกไปนอกหน้าต่าง มองย่านเมืองเก่าที่ค่อยๆห่างไปไกลเรื่อยๆ ตึกรามบ้านช่อยค่อยๆเล็กลงจนกลายเป็นจุดเล็กๆสีดำ

ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าทำให้ส้งหวั่นหวั่นรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที นี่ถือว่าเธอหนีออกมาจากเมืองนั้นได้แล้วจริงๆหรอ เมืองที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความทรงจำแย่ๆและอันตรายต่างๆ

Anthonyมองไปยังสีหน้าที่ดูผ่อนคลายของส้งหวั่นหวั่นแล้วถามขึ้น “เป็นยังไงบ้าง?ตอนนี้สบายใจได้แล้วรึยัง?”

ส้งหวั่นหวั่นพยักหน้าตอบ แต่ที่จริงเธอไม่ได้สบายใจเลย