ตอนที่ 392 มนุษย์ธรรมดาที่ดุเดือดทรงพลัง

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 392 มนุษย์ธรรมดาที่ดุเดือดทรงพลัง

คลื่นกระแทกรุนแรง เสียงร้องโหยหวนแว่วระงมไปทั่วถนนที่ตัดผ่านช่องเขา มีหลายคนที่โดนระเบิดจนเลือดเนื้อกระจัดกระจาย ถึงขั้นที่มีชิ้นส่วนแขนขากระเด็ดปลิดปลิว คนส่วนใหญ่เสียชีวิตคาที่

ดินปืนจำนวนมากที่หยวนกังเตรียมไว้ตามคำขอของหนิวโหย่วเต้าก่อนหน้านี้ที่ต้องการให้เขาก่อเหตุจลาจลขึ้นในเมืองหลวงแคว้นฉี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้นำไปใช้กับเมืองหลวงแคว้นฉี เขาจึงนำทั้งหมดมาใช้ในครั้งนี้แทนเพื่อโจมตีเป้าหมายให้ตายในการโจมตีเดียว

แรงระเบิดทรงพลัง เศษหินเศษดิน ชิ้นส่วนแขนขา เศษซากรถม้าหล่น รวมถึงเศษเลือดเนื้อร่วงหล่นลงพื้นดังตุบตับๆ

“อ๊าก!” มีคนล้มอยู่บนพื้น บางคนกุมแขนขาที่ขาดด้านพลางร้องโหยหวน

บางคนกลิ้งเกลือกไปมาด้วยความเจ็บปวดทรมาน พยายามถอนตะปูเหล็กออกจากร่าง

หยวนกังผสมวัตถุโลหะจำพวกตะปูเหล็กที่สามารถสร้างความเสียหายได้เข้าไปในดินปืนเป็นจำนวนมาก เพื่อยกระดับการโจมตีให้พรากชีวิตเป้าหมายได้ภายในการโจมตีเดียว

บุคคลอันตรายที่แม้แต่เต้าเหยี่ยก็ยังเอ่ยถึงอยู่หลายครั้ง เมื่อหยวนกังมีใจหมายสังหารขึ้นมาก็ต้องลงมืออย่างไร้ความปรานี!

เป็นการโจมตีอย่างกะทันหัน ซ้ำยังเป็นการโจมตีกะทันหันที่ทำให้คนตอบสนองไม่ทันและไม่มีเวลาได้เตรียมตัวตอบโต้ใดๆ คนส่วนใหญ่แทบจะกระเด็นกระดอนไปพร้อมกับการระเบิดที่รุนแรง

ท่ามกลางคลื่นอากาศที่ขยายตัวออกมาอย่างรุนแรง คนที่ถูกระเบิดตายคำไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง ทว่าคนที่ถูกแรงระเบิดกระแทกจนกระเด็นลอยไปบนพื้นเหล่านั้นยังไม่ทันได้คลานลุกขึ้นมา ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บอย่างไร ขอเพียงยังขยับเขยื้อนอยู่ ลูกศรก็ล้วนแต่พุ่งเข้าใส่คนเหล่านั้นทันที

สำหรับหน้าไม้ประกอบเก้าส่วนที่ถูกสร้างขึ้นมาในจังหวัดชิงซานทั้งหมดห้าสิบกว่าชุด หยวนกังได้นำออกมาใช้ในปฏิบัติการครั้งนี้ทั้งหมด อานุภาพการเจาะทะลวงจากหน้าไม้ที่สร้างขึ้นแบบพิเศษเหล่านี้เหนือชั้นจนธนูธรรมดาเทียบไม่ติด

บางคนเพิ่งจะลุกยืนขึ้นมาด้วยร่างกายที่สั่นระริกก็ถูกลูกศรหลายดอกยิงปักตรึงไว้บนพื้นแล้ว

บางคนเพิ่งจะพลิกตัวก็ถูกตะปูเหล็กที่ดูคล้ายเข็มยาวเล่มหนึ่งปักทะลุศีรษะดัง ‘โผละ’ แล้ว ดวงตาเบิกถลนล้มทรุดลงไป

มีคนสองคนดีดตัวออกจากม้าศึกที่พลิกหงาย ทะยานกายพุ่งทะลวงคลื่นอากาศที่ขยายตัวออกอย่างรุนแรงขึ้นไปอากาศ ลูกศรที่ถูกยิงออกไปอย่างรวดเร็วก็พุ่งเป้าไปที่สองคนนี้เป็นหลัก ส่วนคนอื่นๆ ส่วนใหญ่แทบจะล้มลงไปเพราะการโจมตีกะทันหันในครั้งนี้จนหมด

ทั้งสองคนที่พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องนภาก็ตกใจกับการโจมตีกะทันหันที่ผิดแผกไปจากปกติครั้งนี้เช่นกัน ในพริบตาที่ตั้งตัวได้และพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขาก็รีบโคจรพลังสร้างเกราะคุ้มกายอย่างรวดเร็ว ต้านทานห่าลูกศรที่พุ่งเข้ามาเอาไว้

ศรเหล็กที่มีความหนาเท่าตะเกียบแต่ละดอกแตกต่างไปจากลูกธนูธรรมดา แรงโจมตีในระยะประชิดและอานุภาพทำลายล้างทรงพลังอย่างยิ่ง แต่กลับถูกเกราะคุ้มกายที่ห่อหุ้มอยู่รอบกายคนทั้งสองหนีบเอาไว้ ทะลวงเข้าไปไม่ได้ แล้วก็ไม่หล่นลงมา

ผู้บำเพ็ญเพียรคนหนึ่งมีโลหิตอาบร่างไปครึ่งซีก ตัวคนลอยอยู่ในอากาศ มีโลหิตสดๆ ทะลักออกมาจากโพรงจมูก ลูกศรที่กระหน่ำยิงออกมาในช่วงหลังทะลวงเกราะคุ้มกายได้สำเร็จ เขาจึงยกกระบี่ขึ้นปัดป้องเป็นพัลวัน เกิดเป็นเสียงโลหะกระทบกันดังเคร้งๆ แว่วระงม สะเก็ดไฟกระเด็นกระดอนออกมา สามารถปัดป้องด้านหน้าได้ แต่ปัดป้องด้านหลังไม่ทัน จึงถูกลูกศรยิงร่างจนพรุน ร่วงตกลงไปด้านล่าง

ผู้บำเพ็ญเพียรอีกคนหนึ่งตีลังกากลางอากาศแล้วกระโจนเข้าสู่ป่าทึบ

“ตาม!” หยวนเฟิงตะโกน พาเหล่า ‘นักฆ่า’ ยี่สิบคนที่หน้าเปื้อนโคลนมีหญ้าห่อหุ้มอยู่บนร่างหันหลังวิ่งเข้าสู่ป่าไปด้วยกัน

นักฆ่าแต่ละคนปราดเปี่ยวดั่งหมาป่า ไม่สนใจภูมิประเทศและอุปสรรคขวากหนามภายในป่าเขา ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อย ถือหน้าไม้ไว้หน้ามือแล้ววิ่งตะลุยเข้าไปในอย่างบ้าคลั่งเสมือนหมาป่าทันที

ผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้นทะยานอยู่เหนือยอดไม้ กลุ่มคนที่อยู่ด้านล่างวิ่งไล่ตามพลางยิงหน้าไม้ใส่อย่างดุเดือด ส่วนหนึ่งวิ่งไปด้วยยิงไปด้วย อีกส่วนหนึ่งวิ่งไปด้วยพลางบรรจุลูกศรใส่หน้าไม้อย่างรวดเร็ว หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้พักหายใจ

ทั้งกลุ่มตามไล่ล่าไม่ยอมปล่อย ยิงหน้าไม้โจมตีไปตลอดทาง การฝึกฝนอย่างหนักหน่วงที่ปฏิบัติกันอยู่เป็นประจำแสดงประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะมีออกมาในป่าแห่งนี้

และในขณะเดียวกับที่หยวนเฟิงพาคนตามไล่ล่าอยู่นี้ หยวนกังก็ชักดาบง้าวออกมาแล้วพุ่งออกไปอย่างคุ้มคลั่ง พุ่งเข้าไปยังผู้บำเพ็ญเพียรที่ร่วงลงสู่พื้นคนนั้น

บนร่างผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้นถูกลูกศรปักอยู่จนดูราวกับเม่น โลหิตทะลักออกมาจากปาก ทว่ายังคงกวัดแกว่งกระบี่ส่งปราณกระบี่สายหนึ่งฟาดฟันใส่หยวนกังด้วยความโกรธเกรี้ยว

ปราณกระบี่เป็นเหมือนดั่งคมมีดล่องหน ฟันแหวกอากาศพลางเสียงดังหวีวหวิว

หยวนกังยกกระบี่ขึ้นต้านรับในแนวนอน เกิดเสียงปังดังสนั่น อาศัยพละกำลังอันป่าเถื่อนหักล้างปราณกระบี่สายนั้นตรงๆ

ท่ามกลางคลื่นอากาศที่ระเบิดออก ต้นหญ้าที่ปกคลุมอยู่บนร่างของหยวนกังถูกฉีกกระชากจนกระเด็นออกไป หยวนกังที่ลงมาบนพื้นพลิกตัว เหวี่ยงแขนฟันออกไป

เคร้ง! ผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้นยกกระบี่ขึ้นต้านรับ! กระบี่ในมือกระเด็นออกไป โลหิตสดๆ ทะลักออกมาจากโพรงจมูก ร่างที่ส่ายโงนเงนและเต็มไปด้วยลูกศรที่ปักเต็มร่างถอยกรูดไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว

เท้าทั้งสองข้างของหยวนกังดีดตัวพุ่งออกไป สองมือจับดาบสะบั้นออกไปในแนวขวาง ละอองหิตพุ่งกระฉูดออกมาเป็นสาย

ผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้นถูกฟันเอวขาดเป็นสองท่อน ล้มลงบนพื้น หยวนกังเองก็ไม่หันกลับไปมอง วิ่งออกไปเหมือนติดปีก ถือดาบง้าวพุ่งเข้าสู่ป่าที่อยู่ด้านหน้า วิ่งทะลวงไปในผืนป่าราวกับเสือดาว ปีนป่ายไปตามเนินเสมือนเดินบนพื้นราบ กิ่งไม้ที่ขวางกั้นปิดทางล้วนถูกเขาฟันจนขากกระเด็น

เขากลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับพวกหยวนเฟิง จึงรีบไล่ตามไป

กลุ่มคนอีกยี่สิบคนที่อยู่ในป่าอีกด้านหนึ่งพุ่งตัวลงมาจากเนิน มีคนจำนวนหนึ่งที่พุ่งเข้าไปยิงหน้าไม้ซ้ำใส่ผู้บำเพ็ญเพียรที่ถูกฟันร่างขาดเป็นสองท่อน แต่ร่างกายครึ่งท่อนบนยังมีความเคลื่อนไหว ลูกศรหลายดอกปักทะลวงศีรษะผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้น ตรึงเอาไว้กับพื้นในทันที

คนที่เหลือส่งสัญญาณมือสื่อสารกัน ออกสำรวจสถานที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ทุกคนแทบจะสื่อสารกันด้วยสัญญาณมือทั้งสิ้น พูดคุยกันน้อยมาก เมื่อพบคนที่ยังขยับเขยื้อนได้อยู่ก็จะยิงหน้าไม้ใส่ศีรษะอีกฝ่ายทันที ไม่มีความปรานีแม้แต่น้อย

หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้รอดชีวิตหลงเหลือ พวกเขาก็จัดการเก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ถอนลูกศรที่ใช้ในที่เกิดเหตุออก ต้องพยายามเก็บเอาลูกศรทั้งหมดกลับไป พยายามไม่เหลือร่องรอยการต่อสู้อันเป็นเอกลักษณ์พิเศษของพวกเขาเอาไว้ในที่เกิดเหตุ

ส่วนเส้นทางเข้าออกทั้งสองด้านของเส้นทางภูเขาสายนี้ก็มีคนเฝ้าไว้ เพื่อดักสกัดคนสัญจรที่อาจปรากฏตัวขึ้น

ไม่นานนักหยวนกังที่พุ่งเข้าไปในป่าก็ไล่ตามพวกหยวนเฟิงทัน

พวกเขาไล่ตามผู้บำเพ็ญเพียรอีกคนไปไม่ทัน อีกฝ่ายเหินทะยานอยู่เหนือยอดคาคบไม้ พวกเขาเสียเปรียบเพราะวิ่งไล่ล่าในป่าจึงตามไม่ทัน

เมื่อหยวนกังพุ่งเข้ามา ทั้งสองฝ่ายไม่ได้สื่อสารกันด้วยคำพูด หยวนเฟิงส่งสัญญาณมือ ชี้ไปยังทิศทางที่อีกฝ่ายหลบหนีไป

หยวนกังพุ่งผ่านข้างกายพวกเขาไป รวดเร็วเหมือนดั่งสายลม ไล่ตามไปในทิศทางที่ศัตรูหลบหนี

หยวนเฟิงโบกมือให้พรรคพวกคนอื่นๆ สื่อว่าไม่ต้องไล่ตามต่อ ก่อนจะตบหน้าไม้ในมือเล็กน้อยแล้วชี้ย้อนกลับไปในเส้นทางที่ผ่านมา สมาชิกกลุ่มหนึ่งที่ถูกพงหญ้าสุมอยู่บนร่างกายจนมองเห็นใบหน้าไม่ชัดหันหลังกลับไปค้นหาลูกศรที่ยิงออกมาก่อนหน้านี้ พยายามเก็บกวาดร่องรอยที่ตนหลงเหลือทิ้งไว้จนหมดจด

……

ผู้บำเพ็ญเพียรทะยานออกมาจากป่า ร่อนลงบนทุ่งหญ้าแล้วหันกลับไปมองเล็กน้อย เห็นว่าไม่มีใครตามมาแล้ว คาดว่ามือสังหารที่ตามไล่ล่าจากบนพื้นกลุ่มนั้นน่าจะไล่ตามตนมาไม่ทัน เขาจึงค่อยๆ ชะลอตัว ยันกระบี่คำพื้นไว้พลางหอบหายใจ มองร่างกายตนที่เต็มไปด้วยเลือด

ไม่ใช่เพราะได้รับบาดเจ็บระหว่างไล่ล่า ลูกศรเหล่านั้นไม่อาจทำร้ายเขาได้ แต่การระเบิดขึ้นอย่างกะทันหันโดยไร้ซึ่งสัญญาณบอกเหตุใดๆ ได้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เวลานั้นเนื่องจากปุบปับเกินไป เขาแทบไม่ทันได้โคจรพลังป้องกัน ร่างกายได้รับแรงโจมตีจากระเบิดที่รุนแรงขนาดนั้นแล้วยังรอดชีวิตมาได้ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว

จนถึงตอนนี้หูทั้งสองข้างก็ยังมีเสียงดังหวึ่งๆ ก้องอยู่ตลอด

ดวงตาข้างหนึ่งพร่าเลือน มองเห็นได้ไม่ชัดเจน เขายกมือลูบตาข้างนั้น พบว่ามีสิ่งแปลกปลอมบางอย่างอยู่ในเบ้าตา จึงฝืนอดกลั้นต่อความเจ็บปวดแล้วดึงออกมา แม้แต่ลูกตาที่อยู่ในเบ้าตาข้างนั้นก็ถูกดึงออกมาด้วย พอมองดูก็พบว่าเป็นตะปูดอกหนึ่ง

เขารับรู้ได้ว่าคนที่ลอบโจมตีไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียรอันใดทั้งสิ้น ในใจโศกเศร้าอย่างไม่อาจพรรณนาได้ คิดไม่ถึงว่าตนจะพลาดท่าเสียทีให้กับมนุษย์ธรรมดากลุ่มหนึ่ง

เขาโยนตะปูทิ้งไป มือลูบคลำลูกตาที่ห้อยออกมาจากเบ้าตา ฝืนทนต่อความเจ็บปวดอีกครั้ง ดึงเอาลูกตาที่เสียหายไปดวงนั้นออกมาแล้วโยนทิ้งไป

จากนั้นก็ยืดอกขึ้นแล้วโคจรพลัง มีโลหิตพุ่งพรวดออกมาจากทั่วร่าง วัตถุแปลกปลอมหลายสิบชิ้นที่ทิ่มแทงเข้ามาในร่างกายตอนที่เกิดเหตุการณ์ระเบิกได้ถูกเข้าใช้พลังขับออกมาจากร่าง กระเด็นร่วงหล่นลงบนพื้นหญ้า

ทางนี้เพิ่งจะใช้พลังปิดผนึกปากแผลน้อยใหญ่ทั่วร่าง ด้านหลังก็ดูเหมือนจะมีเสียงแปลกๆ แว่วมา เขาหันไปมองทันที เห็นชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ที่ใบหน้าเปื้อนดินโคลนพุ่งออกมาจากป่าโดยที่ถือดาบง้าวไว้ในมือ จากนั้นก็เงื้อดาบเข้ามาโจมตีเขาอย่างเร็วรี่

เขาทั้งตกใจและโกรธเกรี้ยว ที่ตกใจเพราะตนบาดเจ็บสาหัสอยู่ ที่โกรธเกรี้ยวเป็นเพราะมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งกลับอาจหาญมาตามล่าผู้บำเพ็ญเพียรอย่างเขาด้วยตัวคนเดียว

แค่คนเดียวเขาไม่กลัว สิ่งที่เขากลัวคือกลุ่มคนที่ใช้หน้าไม้พิเศษเหล่านั้นจะไล่ตามมาอีก ร่างกายเขาบาดเจ็บสาหัสกลัวว่าจะทำให้เกิดเหตุเหนือความคาดหมายอันใดขึ้น จึงไม่อาจเสียเวลาได้อีกต่อไป เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งกายออกไปทันที ทะยานมุ่งสู่ส่วนลึกของทุ่งหญ้า

ผู้มามิใช่ใครอื่น เป็นหยวนกังนั่นเอง พอเห็นอีกฝ่ายหลบหนีก็ไล่ตามไปอย่างเต็มกำลังในทันใด พงหญ้าพลิ้วไหวบนพื้นพลันแหวกออกเป็นสองฝั่งตามการวิ่งทะลวงผ่าน

บนทุ่งหญ้าราบราบเช่นนี้ไม่มีอุปสรรคกีดขวางใดๆ ความเร็วในการวิ่งก็เพิ่มพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ผู้บำเพ็ญเพียรที่ทะยานอยู่ด้านหน้าดีดตัวกระโจนขึ้นๆ ลงๆ หยวนกังวิ่งตามอยู่ด้านหลังถือดาบตามไล่ล่า

ภาพเหตุการณ์นี้ให้ความรู้สึกเหมือนคางคกที่หมายจะกินเนื้อหงส์ ตามไล่ล่าไม่ลดละ

อีกทั้งให้ความรู้สึกเหมือนเสือดาวที่วิ่งไล่กวดไปบนทุ่งหญ้าอย่างบ้าคลั่ง ตามล่าวิหคที่ตื่นตระหนกตัวหนึ่ง

ผู้บำเพ็ญเพียรเหลียวมองกลับไปเป็นครั้งคราว รู้สึกตระหนกลนลานขึ้นเรื่อยๆ เขาอยากถามเหลือเกินว่าคนผู้นี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?

เขาไม่เห็นมนุษย์ที่อาศัยเพียงสองขาก็วิ่งได้เร็วขนาดนี้มาก่อน และไม่รู้ว่าวันนี้ตนประสบเคราะห์หามยามซวยอันใดเข้า ดันมาเจอกับกลุ่มมนุษย์ธรรมดาหลายสิบคนที่หาญกล้ามาเปิดศึกกับผู้บำเพ็ญเพียรเข้า ซ้ำยังเป็นฝ่ายเข้ามาโจมตีไล่ล่าด้วย มายามนี้ก็ถูกคนบ้าที่แปลกประหลาดเช่นนี้ไล่ตามไม่ยอมปล่อยอีก

ปัญหาสำคัญคือเขาไม่เพียงแต่บาดเจ็บสาหัสเท่านั้น แต่ยังต้องใช้พลังปิดผนึกปากแผลมากมายบนร่างไว้ด้วย เขาไม่อาจสกัดจุดลมปราณมากไปจนส่งผลกระทบต่อการโคจรพลังได้ ขณะเดียวกันก็ต้องลากสังขารที่บาดเจ็บสาหัสใช้พลังเหินทะยานอีก ทำให้พลังถูกเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว

หนึ่งหนีหนึ่งไล่ตามกันไปเช่นนี้ ระยะการเหินดีดตัวของผู้หลบหนีหดสั้นเข้ามาเรื่อยๆ ทว่าความเร็วของผู้ที่ไล่ตามาอย่างไม่ยอมละวางกลับไม่ลดลงเลย

ผู้บำเพ็ญเพียรที่เคยคิดว่าจะสลัดอีกฝ่ายพ้นได้เริ่มอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาจริงๆ แล้ว เขาไม่เคยพบมนุษย์ธรรมดาแบบนี้มาก่อน ไม่เพียงแต่จะเร็วได้ขนาดนี้โดยที่ความเร็วไม่ตกลงเลย แต่ยังดูเหมือนจะไม่มีอาการเหนื่อยล้าเลยด้วย พละกำลังเช่นนี้ยังใช่มนุษย์อยู่อีกหรือ?

ทั้งสองไล่ล่ากันไปพักใหญ่ จนกระทั่งร่างกายของผู้บำเพ็ญเพียรรับไม่ไหวแล้วจริงๆ เขาเห็นว่าตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้หยวนกังไล่ตามมาเพียงคนเดียว เมื่อมองออกไปไกลๆ ก็ไม่เห็นคนอื่นโผล่มาเลย จึงร่อนลงพื้นแล้วหันกลับมาทันที เป็นฝ่ายพุ่งเข้าใส่หยวนกังที่ไล่ตามมาแทน

คนหนึ่งโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว อีกคนก็พุ่งเข้าใส่อย่างเร็วรี่ ทั้งสองเข้าปะทะกันในทันใด

ผู้บำเพ็ญเพียรตวัดกระบี่ฟันผ่าอากาศ ปราณกระบี่ทรงพลังสายหนึ่งพุ่งออกไป

หยวนกังพลันย่อตัวกระโจนขึ้น เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กระโจนข้ามปราณกระบี่ทรงพลังสายนั้นไป พลังการกระโดดชวนให้ตกตะลึง กระโดดทีเดียวพุ่งสูงถึงสามจั้ง สองมือเงื้อดาบฟันเข้าใส่เป้าหมาย

ตูม! พื้นดินถูกปราณกระบี่ถางจนเป็นร่องลึก เศษหญ้าและฝุ่นดินปลิวว่อน

ทั้งสองเข้าปะทะกันกลางอากาศในทันใด

ผู้บำเพ็ญเพียรตกใจ นึกไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะกระโดดได้สูงขนาดนี้ รีบตวัดกระบี่ต้านรับดาบที่ฟาดฟันเข้ามาพร้อมเสียงคำรามหวีดหวิวของสายลม

เคร้ง!

พลังดิบเถื่อนอันน่าหวาดกลัวสายหนึ่งไหลผ่านกระบี่เข้ามา พลังนี้แข็งแกร่งจนน่าตกใจ ตัวเขาคือผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองแล้ว ถึงแม้ตอนนี้เขาจะบาดเจ็บสาหัส แต่การที่ฟันจนกระบี่ในมือตนกระเด็นออกไปได้ในกระบวนท่าเดียว มันก็ยังคงชวนให้เขาตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ไม่รู้เลยว่าตนเผชิญหน้ากับตัวประหลาดอันใดเข้าแล้ว เป็นครั้งแรกที่ได้พบมนุษย์ธรรมดาที่ดุเดือดทรงพลังขนาดนี้ นี่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่หรือ?

กระบี่ในมือกระเด็นออกไป ท่อนแขนถูกสะเทือนจนชาหนึบ ปากแผลบนร่างพลันควบคุมไม่อยู่ เลือดทะลักออกมาทันที ตัวคนก็ถูกกระแทกจนร่วงหล่นลงพื้น

สภาพดาบในมือของหยวนกังก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร ดาบง้าวที่เข้าปะทะตรงๆ ถูกกระบี่ของอีกฝ่ายฟันหักไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าคุณภาพของดาบง้าวเล่มนี้ไม่ดีเท่ากระบี่ในมือผู้บำเพ็ญเพียร

………………………………………………………………….