ตอนที่ 394 ความแตก

องครักษ์ติดตามที่อยู่ด้านนอกรถม้ารีบตามไปทันที

เด็กสาวกระโดดลงมาจากรถม้าเช่นกัน ไล่ตามไปด้วยสีหน้าร้อนใจ นึกเสียใจว่าไม่ควรบอกความจริงเลย

พื้นที่รอบร้านเต้าหู้ถูกฮูเหยียนเวยกว้านซื้อไว้หมดแล้ว ตั้งเป็นสถานที่ดำเนินการของร้านเต้าหู้ ตรอกตรงกลางเส้นหนึ่งที่ทอดตัวเข้ามาในพื้นที่แถบนี้มีคนคอยเฝ้าอยู่

“ท่านลูกค้า ไม่ทราบว่าตามหาผู้ใดอยู่หรือขอรับ?” คนเฝ้าตรอกเข้ามาขวางไว้

ผัวะ! เฮ่าชิงชิงไม่พูดไม่จา ยกเท้าถีบออกไป ถีบจนอีกฝ่ายกระเด็นออกไป

…..

ภายในป่าเล็กๆ หยวนกังถือดาบง้าวเล่มหนึ่งเอาไว้ เป็นดาบที่ฮูเหยียนเวยช่วยหามาให้เขา แล้วก็เป็นสิ่งที่เขาขอร้องให้ฮูเหยียนเวยช่วยเป็นธุระจัดหาให้

หลังจากที่ดาบหักไปในครั้งก่อน เขาก็อยากได้ดาบดีๆ สักเล่ม ฮูเหยียนเวยมาครั้งนี้ก็ถือโอกาสนำดาบมาส่งให้ด้วย

ดาบง้าวเล่มนี้ดูไม่ธรรมดา ดูเก่าแก่มีความขลัง น้ำหนักตึงมือ คาดว่าจะหนักกว่าดาบเล่มเก่าที่เขาเคยประมาณสามเท่า

สันดาบก็กว้างกว่าเล็กน้อย บนสันดาบมีลวดลายพยัคฆ์เพรียวยาวสามตัวเรียงเชื่อมจากโคนจรดปลาย ตัวหนึ่งอยู่ในท่าปีนป่ายอ้าปากคำรามอย่างเกรี้ยวกราด อีกตัวหนึ่งสี่ขาอ้ากางเหินทะยาน ส่วนตัวที่อยู่ชิดกับด้ามดาบอยู่ในท่าพยัคฆ์หมอบคล้ายกำลังนอนหลับอยู่

ตามคำบอกเล่าของฮูเหยียนเวย ดาบเล่มนี้มีนามว่า ‘ดาบสามคำราม’ หากฟันออกไปด้วยพละกำลังที่มากพอจะทำให้เกิดเสียงพยัคฆ์คำรามขึ้น โดยสามารถทำให้เกิดเสียงพยัคฆ์คำรามแตกต่างกันไปสามระดับตามพละกำลังที่ใช้ ยามที่ใช้ต่อสู้ในสนามรบจะทรงพลังน่าครั่นคร้ามเป็นยิ่งนัก!

ฮูเหยียนอู๋เฮิ่นเป็นแม่ทัพใหญ่ ในบ้านมีอาวุธดีๆ เก็บสะสมไว้ไม่น้อย ดาบเล่มนี้เป็นหนึ่งในดาบล้ำค่าที่ฮูเหยียนอู๋เฮิ่นเก็บสะสมไว้ พอได้ยินว่าหยวนกังต้องการดาบดีๆ สักเล่มหนึ่ง ฮูเหยียนอู๋เฮิ่นก็สั่งให้ฮูเหยียนเวยนำดาบเล่มนี้มาส่งให้เขา

“เหมาะมือหรือไม่? ข้าถือแล้วรู้สึกว่าหนักเกินไป” ฮูเหยียนเวยเห็นหยวนกังดูชื่นชอบจนไม่ยอมวางก็ถามออกไป

หยวนกังลูบดาบแล้วพยักหน้ารับ “ดาบดี!”

ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ พลันมีเสียงต่อสู้อึกทึกครึกโครมแว่วเข้ามาจากด้านนอก ตามมาด้วยเสียงนกหวีดดัง ‘ปี๊ดๆ’ ขึ้นมา นี่คือสัญญาณเตือนภัยของทางนี้ หยวนกังหันขวับไปในทันใด พุ่งตัวออกไปทันที

ฮูเหยียนเวยย่อมได้ยินเสียงต่อสู้ด้วยเช่นกัน เขาลุกขึ้นมาพลางหัวเราะเฮอะๆ “เวรเอ้ย ผู้ใดกันที่หน่ายจะมีชีวิตแล้ว ถึงได้มาสร้างปัญหาที่นี่?”

เขาถลกแขนเสื้อสองข้างขึ้น เดินอาดๆ ออกไป ท่าทางองอาจฮึกเหิม

ภายในตรอก คนกลุ่มหนึ่งถือท่อนไม้กรูเข้ามาขัดขวางไว้ มีหลายคนล้มกองอยู่บนพื้น

เฮ่าชิงชิงถือกระบี่ทาบจ่อคอคนงานคนหนึ่งของร้านเต้าหู้ไว้ บังคับถามว่าฮูเหยียนเวยอยู่ที่ใด ที่นี่มีบ้านเรือนห้องหับมากมายปานนี้ นางเองก็ไม่รู้ว่าฮูเหยียนเวยอยู่ที่ไหนกันแน่

ฝ่าซือติดตามของฮูเหยียนเวยเองก็เข้าขัดขวางเช่นกัน โน้มน้าวไม่ให้เฮ่าชิงชิงก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นที่นี่

ฝ่าซือติดตามของเฮ่าชิงชิงก็กำลังโน้มน้าวไม่ให้นางก่อเรื่องขึ้นเช่นกัน มีคนเอ่ยเตือนนางเป็นนัยๆ ว่าแม่ทัพฮูเหยียนอู๋เฮิ่นให้ความสำคัญกับเถ้าแก่ร้านเต้าหู้แห่งนี้มาก

แต่เฮ่าชิงชิงกลับไม่นำพา ทำตามอำเภอใจตน กระบี่ในมือกดลงไปบนลำคอของคนงานคนนั้นจนปรากฏรอยเลือด นางมองคนที่รุมล้อมอยู่รอบๆ ด้วยสายตาเย็นชาพลางเอ่ยข่มขู่ “หากยังไม่ยอมพูดข้าจะตัดหัวเขาซะ!”

จู่ๆ กลุ่มคนที่ขวางทางอยู่ก็แยกตัวออกไปยืนสองฝั่งซ้ายขวา หยวนกังที่ถือดาบง้าวไว้ในมือปรากฏตัวขึ้นมาจากด้านหลังของกลุ่มคน

เฮ่าชิงชิงที่ถือกระบี่จ่อคอคนงานอยู่เงยหน้ามองออกไป สีหน้าแข็งค้างขึ้นมาทันที ริมฝีปากอวบอิ่มเผยออ้าเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ จ้องหยวนกังเขม็ง

เมื่อหยวนกังเห็นนางก็ประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน ขมวดคิ้วนิดๆ อุทานในใจว่าแย่แล้ว เขามองไปยังร่างของเหล่าลูกน้องหลายคนที่ล้มคว่ำอยู่บนพื้น หันไปเอ่ยสั่งการเล็กน้อย “ถอยไปให้หมด หมดหน้าที่ของพวกเจ้าแล้ว”

“ผู้ใดกันที่หาญกล้าโอหัง กล้ามา…” ฮูเหยียนเวยที่เดินอาดๆ เข้ามาร้องตะโกนเสียงดัง ทว่าหลังจากเห็นว่าผู้ก่อเหตุเป็นใครเสียงก็ขาดหายไปทันที ใบหน้ากระตุกขึ้นมาเล็กน้อย แต่หลังจากมองไปที่หยวนกังก็เกิดความมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง ทราบดีว่าบิดาตนให้ความสำคัญกับหยวนกัง จึงถือโอกาสระบายความแค้นทันที ชี้หน้าเฮ่าชิงชิงแล้วเอ่ยด้วยความโกรธ “เจ้าทำอะไรน่ะ?”

เฮ่าชิงชิงเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง แต่สุดท้ายก็ยอมลดดาบออกจากลำคอของคนงาน เหลือบมองไปที่หยวนกังด้วยสายตาซับซ้อนเป็นครั้งคราว

เมื่อเหล่าคนงานได้ยินคำสั่งของหยวนกังก็พากันล่าถอยกลับไป สถานที่เกิดเหตุที่มีคนเนืองแน่นดูโปร่งขึ้นมาไม่น้อยทันที

“อันซยง นี่คือนางมารร้ายที่ทำตัวเกเรมาแต่เล็กจนติดเป็นนิสัย ชอบก่อเรื่องวุ่นวายเสมอ เจ้าอย่าได้ถือสาเลย” ฮูเหยียนเวยทำทีคล้ายจะช่วยขออภัยแทนภรรยาของตนอย่างใจกว้าง แต่ความจริงแอบด่าเหน็บแนมไปยกใหญ่

เฮ่าชิงชิงแยกเขี้ยวทันที ยกดาบจ่อชี้ “เจ้าว่าใครเป็นนางมารร้าย? ไหนเจ้าลองพูดอีกทีสิ!” นางเดินอาดๆ เข้ามา ยกกระบี่ขึ้นมาทำท่าเหมือนจะฟันเขา

“ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าก่อเรื่องจะดีกว่า!” ปากฮูเหยียนเวยร้องตะโกนออกไป ทว่าตัวคนกลับลนลานรีบหดไปหลบด้านหลังหยวนกัง

สามีภรรยาคู่นี้ช่างทำให้คนทนไม่ได้เสียจริง!

ฝ่าซือติดตามของทั้งสองฝ่ายก็ปวดหัวเช่นกัน แต่ไม่อาจปล่อยให้นางทำอะไรฮูเหยียนเวยได้ จึงพากันเข้าไปยืนขวางคั่นกลางไว้พลางขอให้องค์หญิงท่านนี้คลายโทสะลง

หยวนกังลดดาบในมือที่ยกตั้งขึ้นมาลงไป ไม่สนใจเช่นกันว่าฮูเหยียนเวยที่อยู่ด้านหลังจะเป็นอย่างไร หันหลังเดินจากไปอย่างเชื่องช้า

เสียงทะเลาะต่อเถียงดังลั่นตรอกอยู่พักหนึ่ง ฮูเหยียนเวยตะโกนว่าจะกลับไปฟ้องเรื่องนาง จากนั้นก็ไถลตัวเลาะกำแพงแล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

ฝ่าซือติดตามของฮูเหยียนเวยก็จากไปเช่นกัน

“องค์หญิง พวกเราก็กลับกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” ฝ่าซือติดตามของทางนี้ก็เอ่ยโน้มน้าวเช่นกัน

ฉึบ! กระบี่ถูกสอดกลับเข้าฝัก เฮ่าชิงชิงหันหลังเดินมุ่งหน้าไปทางเรือนที่หยวนกังเดินเข้าไปหลังนั้น

ฝ่าซือติดตามคนหนึ่งยื่นมือออกไปขวางทันที “องค์หญิง จะหาเรื่องเจ้าของที่นี่ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ หากทำให้ท่านแม่ทัพใหญ่โมโหขึ้นมา เกรงว่าแม้แต่ฮองเฮาก็ช่วยพูดให้พระองค์ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

เฮ่าชิงชิงกล่าวว่า “เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าแค่จะไปถามเจ้าของที่นี่ว่าไอสารเลวคนนั้นมาทำอะไรอยู่ที่นี่…”

ภายในป่าเล็กๆ ดาบสามคำรามถูกฟันติดอยู่กับต้นไม้ในแนวขวาง หยวนกังใช้แขนข้างหนึ่งเท้าอยู่ด้านบน ใช้ความคิดอย่างเงียบๆ

เขาคิดไม่ถึงว่าผู้มีฐานะเป็นองค์หญิงอย่างเฮ่าชิงชิงจะมาที่นี่ เขารู้ดีว่าเฮ่าชิงชิงจดจำเขาได้แน่นอน

แล้วก็รู้ว่าตัวตนของเขาถูกเปิดเผยแล้ว เกรงว่าคงไม่สะดวกจะรั้งอยู่ที่นี่แล้ว แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเฮ่าชิงชิงจะให้เวลาเขาได้หลบหนีออกไปหรือไม่

มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นทางด้านหลัง เฮ่าชิงชิงเดินผ่านข้างตัวเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา จากนั้นก็ค่อยๆ หันกลับมา มองเขาแล้วเอ่ยถาม “เจ้าคือเถ้าแก่อันไท่ผิงของร้านเต้าหู้หรือ?”

หยวนกังตอบรับ “ใช่!”

เฮ่าชิงชิงเอ่ยว่า “พลทหารเขตชายแดนที่ถูกป้ายความผิด ได้รับความชื่นชมจากแม่ทัพใหญ่จนพ้นผิด เจ้าเปลี่ยนชื่อแซ่ถ่อมาถึงที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่?”

หยวนกังทำไขสือ “ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าพูดเรื่องอะไรอยู่ เจ้าจำคนผิดหรือเปล่า?”

เฮ่าชิงชิงเอ่ยว่า “เจ้านึกว่าทำให้หน้าแดงแล้วข้าจะจำเจ้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ? ท่าทางไม่แยแสผู้ใดเช่นนี้ของเจ้ามันเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนยิ่งนัก”

หยวนกังเงียบไป

เฮ่าชิงชิงพลันเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “พวกเราเจอกันช้าไปเสียแล้ว”

หยวนกังยังคงเงียบงัน

เฮ่าชิงชิงกล่าวว่า “ข้าออกเรือนแล้ว”

หยวนกังตอบรับว่า “รู้แล้ว”

เฮ่าชิงชิงเอ่ยว่า “ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมเนียม คืนนั้นที่เข้าห้องหอกัน ข้าได้ร่วมหอกับฮูเหยียนเวยไปแล้ว”

หยวนกังเงียบไป แล้วก็ไม่จำเป็นต้องตอบอะไร เพราะสำหรับเขาแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย

เฮ่าชิงชิงจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องไม่เข้าท่าเหล่านั้นต่อ “เรื่องราวในอดีตล้วนผ่านพ้นไปแล้ว ข้าไม่สนใจว่าเจ้าเข้ามาใกล้ชิดตระกูลฮูเหยียนด้วยแผนการใด เห็นแก่น้ำใจที่หนิวโหย่วเต้าเคยทำหมูตุ๋นน้ำแดงให้ข้ากิน ข้าจะให้เวลาเจ้าสามวัน จงถอนกำลังออกไปจากเมืองหลวงแคว้นฉีภายในสามวัน มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไร้น้ำใจ!”

หยวนกังพยักหน้ารับนิดๆ “ตกลง!”

เฮ่าชิงชิงขยับเท้าเดินออกไป ขณะที่เดินเฉียดผ่านร่างเขาก็ชะงักไปเล็กน้อย หันไปมองใบหน้าที่มีสันกรามคมชัดของเขาแวบหนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “หน้าแดงแล้วดูน่าเกลียดจริงๆ”

กล่าวจบก็ก้าวอาดๆ เดินจากไป ขอบตาแดงเรื่อขึ้นมา มีประกายหยาดน้ำตา แล้วก็มีน้ำตาไหลหยดลงมา อาลัยต่ออดีตบางอย่างที่ล่วงเลยผ่านไปแล้ว จากนั้นก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตาแรงๆ

ทุกกริยานี้หยวนกังไม่ได้รับรู้เลย…

….

จังหวัดชิงซาน กระท่อมฟาง

หนิวโหย่วเต้าถือบัวรดน้ำให้ดอกไม้ เป็นต้นหมู่ตานสีดำต้นหนึ่ง ไม่ทราบเช่นกันว่าซางซูชิงไปเสาะหามาจากไหน นำมาจัดวางไว้ในสวนของเขา

หลังจากก่วนฟางอี๋ที่เดินโบกพัดกลมพลางบิดเอวอ้อนแอ้นเข้ามาถึงก็ยืนเฝ้ามองดอกไม้กระถางนั้นอยู่ข้างๆ ไม่ได้ขัดจังหวะ

“มีเรื่อง?” หนิวโหย่วเต้าวางบัวรดน้ำลงแล้วเอ่ยถาม

ก่วนฟางอี๋เดินเข้ามายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ “อิงอ๋องเฮ่าเจินกำลังจะแต่งชายาใหม่ คนที่จะแต่งด้วยคือเซ่าหลิ่วเอ๋อร์น้องสาวของเซ่าผิงปอ”

หนิวโหย่วเต้ารับกระดาษไปอ่านดูเนื้อความด้านใน หลังจากอ่านจบก็ขมวดคิ้วใคร่ครวญ จากนั้นแค่นหัวเราะหึหึขึ้นมา “คนผู้นี้ก็หมายตาอิงอ๋องไว้เช่นกัน ดูเหมือนจะคิดเหมือนกันสินะ เฮ้อ! แล้วยังหาม้าศึกสามหมื่นตัวมาได้อีก เซ่าผิงปอคนนี้ช่างมีความมานะจริงๆ ทำอย่างไรก็โค่นเขาลงไม่ได้จริงๆ เห็นที มีความเป็นไปได้สูงว่าการตายของชายาอิงอ๋องจะเกี่ยวข้องกับเซ่าผิงปอ เฮ่าเจินหนอเฮ่าเจิน หากเจ้าแต่งกับสตรีนางนี้จริงๆ เกรงว่าบุตรชายทั้งสองของเจ้าคงตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว”

ก่วนฟางอี๋กะพริบตาปริบๆ “เจ้าหมายความว่าเซ่าหลิ่วเอ๋อร์จะสังหารทายาทของเฮ่าเจินหรือ?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “เซ่าหลิ่วเอ๋อร์จะทำหรือไม่ข้าก็ไม่รู้ แต่เซ่าผิงปอเป็นคนอย่างไรข้ากลับรู้ดีเลยล่ะ หากว่าเฮ่าเจินไม่ได้รับตำแหน่งใหญ่โตอันใดก็แล้วไป แต่หากได้ตำแหน่งขึ้นมา มีความเป็นไปได้สูงว่าเซ่าผิงปอจะกำจัดบุตรชายที่กำเนิดจากอดีตพระชายาทิ้งเพื่อปูทางให้ทายาทที่จะถือกำเนิดจากเซ่าหลิ่วเอ๋อร์”

ก่วนฟางอี๋ถาม “เจ้าบอกว่าเซ่าหลิ่วเอ๋อร์มีมลทินเพราะชายอื่นไปแล้วมิใช่หรือ? ไยไม่แจ้งข่าวให้เฮ่าเจินทราบเพื่อหยุดยั้งเล่า?”

หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้า “เฮ่าอวิ๋นถูตอบตกลงแล้ว เฮ่าเจินยังจะเหลือช่องให้ปฏิเสธอีกหรือ? อีกอย่าง สำหรับบางคนแล้ว เรื่องที่ร่างกายมีมลทินหรือไม่ บางครั้งก็สำคัญ แต่บางครั้งก็ไม่สำคัญเลย การแต่งภรรยาก็คือการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น ยามที่สมควรต้องแกล้งเลอะเลือนก็ต้องมองข้ามไปให้ได้ เซ่าผิงปอมองออกว่าคนเหล่านั้นต้องการอะไร จึงมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม แล้วไยข้าต้องทำตัวเป็นคนถ่อยในเรื่องราวเช่นนี้ด้วยเล่า เซ่าหลิ่วเอ๋อร์คนนั้นก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน ข้าไม่จำเป็นต้องไปบีบคั้นลงมือกับสตรีคนนั้นอีก ทำให้นางตกอยู่ในสภาพน่าสงสารไปข้าก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเช่นกัน”

ก่วนฟางอี๋กล่าวว่า “เจ้าจะยอมปล่อยให้ม้าศึกสามหมื่นตัวนั้นไปถึงเป่ยโจวหรือ? เจ้าไม่คิดจะขัดขวางหน่อยหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ข้าน่ะอยากจะขวาง แต่มันขวางได้ง่ายๆ ไหมล่ะ? ม้าศึกสามหมื่นตัว สามารถส่งตรงผ่านไปทางแคว้นจ้าวได้ เซ่าผิงปอคนนั้นต้องทำข้อตกลงกับแคว้นจ้าวไว้แล้วแน่นอน แล้วการขนส่งม้าศึกชุดนี้จะไม่มีการป้องกันคนอื่นเล่นลูกไม้เอาไว้หรือไร? อาจจะมีกับดักอันใดแฝงอยู่ก็เป็นได้ มณฑลเป่ยโจวและจังหวัดชิงซานอยู่ห่างกันไกล้โพ้น ไม่มีข้อพิพาทด้านผลประโยชน์ สำนักหยกสวรรค์ไม่มีทางยอมเสี่ยงหาเรื่องเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้แน่นอน หากว่าแม้แต่แคว้นหานและแคว้นเยี่ยนก็ยังขวางเขาไว้ไม่ได้ แล้วเจ้าคิดว่าอาศัยเพียงเหล่าสามสำนักจะขวางพวกเขาได้หรือ?”

….

ทะเลทรายกว้างใหญ่ไพศาล รกร้างสุดลูกหูลูกตา

ปีกทองตัวหนึ่งบินพุ่งเข้ามาจากท้องนภา ขบวนเดินทางกลุ่มหนึ่งที่ตัดผ่านทะเลทรายหยุดพักบนเนินทรายชั่วคราว เซ่าผิงปอที่อยู่ใต้ผ้าคลุมสีขาวทอดสายตามองออกไปไกลๆ

หลังจากเซ่าซานเสิ่งได้รับจดหมายและถอดความเรียบร้อยแล้วก็รีบเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างกายเซ่าผิงปอ เอ่ยรายงานอย่างเร่งด่วน “คุณชายใหญ่ ข้อสันนิษฐานของท่านถูกต้องจริงๆ ด้วยขอรับ อันไท่ผิงคนนั้นมีความเกี่ยวข้องกับหนิวโหย่วเต้าจริงๆ ลู่เซิ่งจงตอบกลับมาแล้ว บอกว่าอันไท่ผิงคนนั้นน่าจะเป็นคนสนิทใกล้ชิดของหนิวโหย่วเต้า นามที่แท้จริงน่าจะชื่อว่าหยวนกังขอรับ!”

หยวนกังอย่างนั้นหรือ? เซ่าผิงปอทราบว่าข้างกายหนิวโหย่วเต้ามีคนผู้นี้อยู่ แต่ไม่ทราบว่าคนผู้นั้นก็คือหยวนกัง เขาตวัดมองด้วยสายตาเย็นชา “แน่ใจหรือ?”

เซ่าซานเสิ่งเอ่ยว่า “น่าจะไม่ผิดพลาดแน่ขอรับ ลู่เซิ่งจงบอกว่าเขาเคยตกอยู่ในเงื้อมมือของหยวนกัง จึงคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง มองปราดเดียวก็จำได้แล้ว”

“หนิวโหย่วเต้ากลับไปที่จังหวัดชิงซานแล้ว แต่กลับทิ้งคนสนิทที่เสี่ยงจะถูกเปิดเผยตัวตนได้ง่ายๆ เช่นนี้ไว้ นี่มันหมายความว่าอย่างไร?” เซ่าผิงปอสงสัยเล็กน้อย ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร

…………………………………………………………..