บทที่ 363 เถ้าแก่เนี้ยเซวียคุ้นเคยกับเมืองหลวง
บทที่ 363 เถ้าแก่เนี้ยเซวียคุ้นเคยกับเมืองหลวง
เถ้าแก่เนี้ยเซวียตามเหยาซูและคนอื่นไปยังจวนเหยา และพักอยู่กับตระกูลเหยาต่อไป
หลังได้เจอกับพ่อเฒ่าเหยาและแม่เฒ่าเหยาในยามบ่ายแล้ว เถ้าแก่เนี้ยเซวียก็ถูกเหยาซูลากตัวไปยังร้านค้าในเมืองหลวง ทั้งสองคนเดินเตร็ดเตร่อยู่เป็นครึ่งวัน กระทั่งพลบค่ำจึงกลับมายังภัตตาคารอีกครั้ง
เหยาซูปาดเหงื่อบนหน้าผาก ระหว่างนั้นก็ให้ลูกจ้างยกชาเข้ามา พลางเอ่ยถามอีกฝ่าย “ไหน ๆ วันนี้พี่เซวียก็ได้เห็นสถานที่เหล่านี้ไปแล้ว คิดว่ามีหลังไหนเหมาะสมที่สุดเจ้าคะ?”
เถ้าแก่เนี้ยเซวียดื่มชาร้อน คิ้วทรงกิ่งหลิวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย นิ้วมือเกลี้ยงเกลาเคาะโต๊ะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ข้ารู้สึกว่าในบรรดาสถานที่ทั้งหมดที่เราไปดูกันวันนี้ มีแค่ที่เดียวที่ดูใช้ได้”
เหยาซูตื่นเต้นอยู่ในใจ “อ่อ? ตรงที่มีร้านขายผ้าอยู่ถัดไปใช่หรือไม่?”
เถ้าแก่เนี้ยเซวียยิ้ม “ใช่ ดูท่าเราสองคนคงจะนึกถึงที่เดียวกัน”
ก่อนหน้านั้นเหยาซูได้ปรึกษาหารือเรื่องร้านค้ากับพี่สะใภ้ทั้งสองคนแล้ว ยามนั้นนางคิดว่า สถานที่แห่งนั้นถือว่าไม่เลวเลย แต่ต่อมาเมื่อคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้กลับรู้สึกต่างกันโดยสิ้นเชิง จึงยังตัดสินใจไม่ได้
โชคดีที่เถ้าแก่เนี้ยเซวียเข้าเมืองพอดี จึงช่วยให้คำแนะนำกับนางได้
เหยาซูเล่าความเป็นกังวลของตัวเองออกไป “ทำเลนั้นไม่เลวเลย ถัดไปก็เป็นร้านขายผ้า เพียงแต่ถ้าเราอยากจะเปิดร้านขายผ้าสำเร็จรูปในที่เดียวกัน ร้านนั้นจะเล็กลงอย่างชัดเจน…”
เถ้าแก่เนี้ยเซวียพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “ข้ากำลังคิดเรื่องนี้อยู่พอดี ยิ่งไปกว่านั้นร้านขายผ้าที่อยู่โดยรอบ ตอนนี้กิจการถือว่าไปได้สวย ดูเหมือนจะไม่มีใครมาเปลี่ยนมืออีกด้วย เกรงว่าหากเราไปเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่นั่น ต่อไปอาจจะเกิดปัญหาตามมา”
เหยาซูทอดถอนใจแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ ช่างเถอะ หาบ้าน หาหน้าร้านในเมืองหลวง มันช่างยากเย็นยิ่งนัก บ้านหลังนี้ เดิมทีก็ต้องไหว้วานผู้อื่นถึงจะหาเจอ…”
เถ้าแก่เนี้ยเซวียยิ้ม แล้วอธิบายให้เหยาซูฟังว่า “ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิ สถานที่ดี ๆ ต่างถูกตระกูลอื่นครอบครองไปหมดแล้ว ไฉนจะหาเจอได้ง่ายเพียงนั้น? แค่ให้นายหน้าจัดหาพาไป จนเจอหน้าร้านที่ไม่เลวเลยหนึ่งถึงสองร้าน ก็ถือว่าดีมากแล้ว”
เหยาซูครุ่นคิด มันก็มีเหตุผล
เถ้าแก่เนี้ยเซวียรู้ว่าถึงแม้เหยาซูจะไม่ใช่คนโลเลไม่กล้าตัดสินใจ แต่ในเรื่องของการทำกิจการ กลับมีนิสัยอยากจะทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ถ่วงเวลา รอนางมาช่วยแนะนำให้เช่นนี้หรอก
หญิงสาวทนเห็นเหยาซูผิดหวังไม่ได้ หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้น “ถ้าเจ้าไม่รีบเปิดร้าน ข้าจะไปถามสหายเก่าให้ แต่ข้าไม่ได้กลับเมืองหลายปีแล้ว อาจจะติดต่อไม่ได้”
เหยาซูนิ่งงันเล็กน้อย ไม่รีบตอบกลับไป แค่ถามนางว่า “พี่เซวียสะดวกอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อครู่ในตอนที่ไปดูร้าน เหยาซูสังเกตเห็นว่าเถ้าแก่เนี้ยเซวียเข้าใจเส้นทางในเมืองหลวงยิ่ง
พวกนางเดินเล่นทางทิศตะวันตกของเมืองตลอดช่วงบ่าย แต่บางครั้งที่เอ่ยถึงที่ทางทิศตะวันออกของเมืองเหล่านี้ เถ้าแก่เนี้ยเซวียก็เข้าใจเส้นทางอย่างชัดเจน
คิดว่าเมื่อครั้นอดีตนางคงอาศัยอยู่ในเมืองหลวงมานานหลายปี แต่ต่อมาเหตุใดถึงไม่ยอมเข้าเมืองอีกเลย เหยาซูก็ไม่ได้ซักถามมากนัก
ครั้นเห็นเหยาซูไวต่อความรู้สึกและเอาใจใส่เช่นนี้ เถ้าแก่เนี้ยเซวียจึงคลี่ยิ้ม แล้วพูดว่า “มีอะไรไม่สะดวกเล่า แต่จะสำเร็จหรือไม่นั้น ไม่อาจรับปากได้จริง ๆ”
เหยาซูเห็นเถ้าแก่เนี้ยเซวียดื่มชาจนหมดจอกแล้ว จึงรินให้นางจนเต็มแก้วอีกครั้งพลางเอ่ยว่า “ร้านค้าที่ดีอาจเป็นร้านที่หาเจอแต่ไม่ตรงตามความต้องการก็ได้ พี่เซวียต้องลองถาม ถ้าไม่ได้ เราก็เช่าที่ที่เราดูไปก่อนหน้านั้น ส่วนเรื่องหลังจากนี้ ไว้ค่อยแก้ไขทีหลังแล้วกัน”
เถ้าแก่เนี้ยเซวียพยักหน้า “เจ้าพูดได้ดี ไม่มีที่ใดสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง มีแต่ต้องเดินไปทีละก้าว ดูไปทีละก้าว”
ทั้งสองคนนั่งครู่หนึ่ง เพราะเหยาซูมีเรื่องต้องไปทำ จึงต้องกลับจวนเหยา
อีกไม่นานก็จะเป็นงานเลี้ยงครบรอบหนึ่งร้อยวันของซานเป่าในปลายเดือนนี้แล้ว สองสามวันนี้นอกจากเหยาซูจะยุ่งเรื่องกิจการแล้ว ยังต้องอยู่เตรียมของสุ่มจับของซานเป่ากับแม่เฒ่าเหยาและพี่สะใภ้ทั้งสองคนด้วย
บังเอิญนางได้ตามเถ้าแก่เนี้ยเซวียไปซื้อของเล่นบางส่วนในช่วงบ่าย จากนั้นก็นำกลับมาให้แม่เฒ่าเหยาดูแวบหนึ่ง หญิงสาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไอหยา ช่างมีความหมายยิ่งนัก!”
หญิงชราหยิบซาลาเปา หมั่นโถว ขนมจีบและผลไม้ออกมาจากในตะกร้าขนาดเล็ก มองซ้ายแลขวา ใบหน้ายิ้มแย้มเบิกบาน
พ่อเฒ่าเหยาเห็นดังนั้น ก็ได้เอ่ยอย่างไม่เข้าใจอยู่ด้านข้างว่า “ข้าเตรียมอุปกรณ์การเรียนสี่อย่างให้หลานแต่เจ้ากลับไม่สนใจ เหตุใดอาหารง่าย ๆ เหล่านี้ กลับเบิกบานใจนัก?”
แม่เฒ่าเหยายื่นลูกท้อจิ๋วลูกหนึ่งในมือให้พ่อเฒ่าเหยาแล้วพูดว่า “ท่านดูสิ! มองให้ละเอียด”
พ่อเฒ่าเหยารับผลไม้ไป ความรู้สึกยามถืออยู่ในมือช่างน่าประหลาดนัก จึงจับจ้องไปยังสิ่งของจำพวกซาลาเปาที่อยู่ในมือของภรรยาอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่ความคิดของใคร? ของปลอมก็ทำเสียเหมือนของจริงเชียว!”
เหยาซูและเถ้าแก่เนี้ยเซวียสบตากัน แล้วคลี่ยิ้ม
เป็นเหยาซูที่อธิบายว่า “เราเองก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน ลูกท้อจิ๋วผลนี้ไม่รู้ทำจากอะไร ถ้าท่านพ่อดมกลิ่น มันจะมีกลิ่นผลไม้จาง ๆ ด้วยนะเจ้าคะ”
จากนั้นแม่เฒ่าเหยาก็มองไปทางสิ่งของอื่น ๆ ที่อยู่ในตะกร้าของนางอีกครั้ง มีลูกท้อ ลูกไหน ลูกสาลี่ เมื่อพลิกดูข้างล่าง จะเห็นองุ่นที่มาจากดินแดนตะวันตก มีสีม่วงเข้ม ดูเหมือนของจริงเลยทีเดียว
หญิงสาวอดส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มไม่ได้ “เจ้าเป็นแม่คนแล้ว แต่กลับกลัวว่าเด็กจะไม่เลือกอาหาร? ผลไม้เหล่านี้ตั้งใจทำออกมาให้สวยงาม ถ้าจะให้ข้าพูด ยามที่ซานเป่าจับของ อาจจะจับสิ่งเหล่านี้…”
เหยาซูยิ้ม “แล้วอย่างไรเล่าเจ้าคะ! การจับของ เป็นแค่การจับสนุก ๆ เช่นนั้นก็ปล่อยให้เขาจับไปเถิด”
เถ้าแก่เนี้ยเซวียยืนยิ้มอยู่ข้างกาย “จับของกิน มีความหมายแฝงดีอยู่ไม่น้อย ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องและเสื้อผ้า ไม่ดีหรืออย่างไร?”
แม่เฒ่าเหยายิ้มไม่หุบ ก่อนจะพูดตรง ๆ ว่า “แน่นอน แน่นอน”
เมื่อพ่อเฒ่าเหยาเห็นแม่เฒ่าเหยาถูกเกลี้ยกล่อมได้สำเร็จ จึงทำได้แค่พูดอย่างจนปัญญา “เจ้าไปเตรียมของเล่นให้เขาด้วยสิ ถึงตอนนั้นเกิดเขาจับของเล่นขึ้นมา มีนัยแอบแฝงจะได้ ‘มีความสุขได้ทันเวลา’…”
แม่เฒ่าเหยาชำเลืองตามองเขาอย่างตำหนิแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “จนป่านนี้ถึงเพิ่งมาเตือนข้าหรือ! ม้าไม้และนกไม้ที่อาซูทำให้ซานเป่าก่อนหน้าเหล่านั้น ข้าเองก็ให้คนทำขึ้นใหม่แล้ว จะได้ให้หลานชายจับของเล่นอันใหม่!”
ทุกคนพากันหัวเราะลั่น
ช่วงเวลาการจับของของซานเป่าเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ เห็นได้ชัดว่าเป็นการละเล่นที่ทุกคนจัดขึ้นเพื่อฉลองวันเกิดให้แก่ซานเป่า สอดคล้องกับความปรารถนาของเหยาซู
วันเวลาค่อย ๆ ผ่านไป เหยาซูและหลินเหราได้ปรึกษากันว่าจะเชิญแขกตระกูลไหนมาที่บ้าน ด้วยเขาต้องนำจดหมายไปเชื้อเชิญแต่ละหลังด้วยตัวเอง
ตระกูลแรกต้องเป็นตระกูลเซี่ยอย่างแน่นอน
หลินเหราตั้งใจเลือกเวลาที่เซี่ยเซียนอยู่ในจวน จากนั้นก็ยื่นจดหมายเชิญอย่างให้เกียรติแล้วกล่าวว่า “ท่านน้ายังไม่เคยไปจวนเหยา วันที่ซานเป่าอายุครบหนึ่งปีตามจันทรคติ ท่านน้าจะไปร่วมงานที่บ้านหรือไม่ขอรับ?”
ความหมายของเขา ด้านหนึ่งคืออยากให้เซี่ยเชียนไปเจอกับพ่อเฒ่าและแม่เฒ่าเหยา ส่วนอีกด้านหนึ่งคืออยากให้เซี่ยเชียนเป็นเจ้าภาพร่วม
เซี่ยเชียนย่อมเข้าใจความหมายในคำพูดของหลินเหรา จึงไม่ได้แปลกใจอะไร นอกจากพยักหน้าและพูดว่า “จริง ๆ ควรจะไปเยี่ยมเยือนอาวุโสทั้งสองท่านตั้งนานแล้ว วันเกิดซานเป่าทั้งที ข้าจะไปแต่เช้าแล้วกัน”
ทั้งสองคนพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนักคร่าว ๆ ไม่นานหลินเหราก็ขอตัวลา
เมื่อหลินเหรากลับถึงบ้าน เหยาซูก็เอ่ยถามเขา “เป็นอย่างไรบ้าง? ท่านน้าตกลงหรือไม่?”
หลินเหราพยักหน้า “ท่านน้าจะมาตั้งแต่เช้าเลย”
เหยาซูถามอีกว่า “เรื่องของซานเป่า ได้ปรึกษาหารือกับเขาแล้วใช่หรือไม่?”
ชายหนุ่มลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าพลางพูดว่า “ข้าไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้กับท่านน้า ข้าคิดว่า รอให้ท่านพ่อท่านแม่และท่านน้าเจอหน้ากันก่อน แล้วค่อยเอ่ยเรื่องลูกบุญธรรม”
สองสามีภรรยาตั้งใจไว้แล้วว่าจะพาซานเป่ามาส่งจวนเซี่ย ให้เติบโตภายใต้การดูแลของเซี่ยเชียน ถือว่าเป็นการแสดงความกตัญญูต่อพวกเขา แต่เรื่องนี้ก็ต้องฟังความคิดเห็นของพ่อเฒ่าเหยาและแม่เฒ่าเหยาก่อน หลินเหราจึงเป็นกังวลมาจนถึงตอนนี้ อาวุโสทั้งสองคนไม่มีทางเห็นด้วยแน่นอน
เหยาซูมองเห็นถึงความกลุ้มใจของเขา ก่อนจะพูดว่า “เอาละ ข้าเข้าใจความคิดของท่าน ส่วนเรื่องท่านพ่อท่านแม่ สำหรับข้าแล้วรอให้พวกท่านเจอกับท่านน้าก่อน ครั้นรู้ว่าท่านน้าเป็นคนอย่างไร จะต้องวางใจแน่นอน”
หญิงสาวเคยเล่าเรื่องของเซี่ยเชียนให้แม่เฒ่าเหยาฟัง เอ่ยถึงความตั้งใจของสองสามีภรรยาคร่าว ๆ แม่เฒ่าเหยาไม่เคยต่อต้านแต่บอกว่าเรื่องนี้ไว้ซานเป่าครบหนึ่งปีค่อยว่ากัน
การพาเซี่ยเชียนและพ่อเฒ่าเหยาแม่เฒ่าเหยามาเจอกันในวันเกิดอายุครบหนึ่งปีของซานเป่า นับว่าไม่มีอะไรเหมาะสมไปมากกว่านี้แล้ว…
ทั้งสองคนปรึกษากันครู่หนึ่ง เมื่อทบทวนรายชื่อแขกจนมั่นใจหนึ่งรอบแล้ว เรื่องที่เหลือจึงถูกมอบให้กับหลินเหราไปจัดการ
วันเกิดอายุครบหนึ่งปีของซานเป่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วัน เหยาซูเองก็ไม่ได้วิ่งวุ่นออกไปข้างนอก แต่กลับจัดการเรื่องราวอยู่ในบ้าน
เถิงเอ๋อมาถึงจวนแล้ว และเล่นอยู่เป็นเพื่อนซานเป่าและอาซือ
นอกเหนือจากนี้ ก็คงเป็นเทศกาลตวนอู่ที่มาถึงตรงหน้าแล้ว…
……………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มีคนชำนาญที่ทางอย่างเถ้าแก่เนี้ยเซวียมาช่วย คงจะหาร้านที่เหมาะสมได้ง่ายขึ้นนะคะ
ซานเป่าจะเสี่ยงทายจับได้ของอะไรกันน้า
ไหหม่า(海馬)