บทที่ 402 เสียอกเสียใจเป็นอย่างมาก

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่402 เสียอกเสียใจเป็นอย่างมาก

โม่เสี่ยวฮุ่ยโกรธจนเอาหมอนขว้างใส่ลี่เจี้ยนหวา แล้วบอกให้เขาไสหัวไป ถ้ามาเพื่อผู้หญิงเลวๆ คนนั้น ก็ไม่ต้องมาเยี่ยมเธออีก

สุดท้าย หลังจากนั้นลี่เจี้ยนหวาก็ไม่เคยมาอีกเลย

โม่เสี่ยวฮุ่ยเสียใจกับการกระทำของลี่เจี้ยนหวามาก

“อือ สุขภาพดีขึ้นแล้วใช่ไหม?” ท่านปู่ลี่มองสะใภ้ที่ใบหน้าดูไม่มีหม่นหมองอะไรแล้ว เลยพยักหน้าด้วยความยินดี

“อือ ดีเลยล่ะ”

“ลูกน้องได้เตรียมอาหารเอาไว้ให้คุณแล้ว อาหารของโรงพยาบาลไม่อร่อยแน่เลย รีบไปกินเถอะ”

เมื่อเดินเข้าไปในห้องอาหาร ตอนที่กินข้าว ท่านปู่ลี่ก็ไม่ได้สนใจลี่เจี้ยนหวาเลย แต่เอาแต่ถามไถ่โม่เสี่ยวฮุ่ยอย่างอบอุ่น

ดังนั้นสีหน้าของลี่เจี้ยนหวาเลยดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่

แต่ลี่จุนซินกับลี่จุนถิงนั้นเงียบใส่กันตลอดเมื่อเห็นท่าทีของลี่เจี้ยนหวาที่อึดอัด เลยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตลกอยู่ไม่น้อยเลย

หลังจากกินข้าวเสร็จ ลี่เจี้ยนหวาก็เปิดปากพูดออกมา: “เสี่ยวฮุ่ย คุณไปที่ห้องอ่านหนังสือกับฉันหน่อยเถอะ”

ใครจะไปรู้ว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยจะพูดขึ้นอย่างเย่อหยิ่งว่า: “ขอโทษนะ ฉันมาหาพ่อเพราะมีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ”

ท่านปู่ลี่เลิกคิ้วขึ้น ทำไมก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินโม่เสี่ยวฮุ่ยพูดเลย แต่ว่าตอนนี้เขาก็ต้องไว้หน้าของโม่เสี่ยวฮุ่ยด้วย เลยต้องโกหกตามไปด้วย: “ใช่ ฉันมาหาเสี่ยวฮุ่ยก็เพราะมีเรื่องต้องคุยน่ะ”

เพียงประโยคเดียวก็ทำให้ลี่เจี้ยนหวาที่อยากจะระบายอารมณ์นั้นต้องเงียบไป

ลี่เจี้ยนหวาทำได้เพียงมองโม่เสี่ยวฮุ่ยกับท่านปู่ลี่เดินขึ้นไป แต่ว่าตัวเองก็ทำอะไรไม่ได้เลย

โม่เสี่ยวฮุ่ยเดินเข้าไปในห้องอ่านหนังสือกับท่านปู่ลี่

“นั่งลงเถอะ มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เลย” ท่านปู่ลี่พูดออกไปตามตรง

“พ่อ ช่วงนี้ฉันอยู่ที่โรงพยาบาล แล้วฉันก็คิดอยู่นานเลย” โม่เสี่ยวฮุ่ยเองก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก เลยอธิบายความคิดในช่วงนี้ของตัวเองออกไปตรงๆ “ฉันคิดว่าฉันแต่งงานเข้ามาอยู่ในตระกูลลี่ตั้งหลายปีแล้ว แล้วก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีเลย”

ท่านปู่ลี่คิดว่าโม่เสี่ยวฮุ่ยพูดอย่างมีเหตุผล เขาพอใจกับสะใภ้คนนี้เป็นอย่างมาก

เขารู้ว่าครั้งนี้สะใภ้น้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นเลยไม่สามารถเข้าข้างลูกชายตัวเองเพียงเพราะเป็นลูกในไส้ได้

“เสี่ยวฮุ่ย คุณทำอะไรมากมายเพื่อพวกเราตระกูลลี่มาหลายปี ฉันเองก็เห็นอยู่เต็มสองตา ดังนั้นคุณวางใจเถอะ ฉันไม่มีทางไม่สนใจเรื่องนี้ ถ้าลี่เจี้ยนหวาอยากให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในครอบครัว ยังจะไม่มีทางเกิดขึ้นเด็ดขาด”

ท่านปู่ลี่พูดด้วยความหนักแน่น

สะใภ้มาพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาเศร้าสร้อย ท่านปู่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกไม่ค่อยดี เลยทำให้ยิ่งไม่สนใจไม่ได้

ท่านปู่รู้ว่าสะใภ้จะต้องน้อยใจเป็นอย่างมาก ลูกชายตัวดีของเขาทำแบบนี้ขึ้นมา ในเมื่อสะใภ้แต่งเข้ามาในตระกูลลี่ ก็ถือว่าเป็นคนของตระกูลลี่ ใครถูกใครผิดก็ถือเป็นญาติกันทั้งนั้น ท่านปู่อยากจะช่วยจัดการ การที่ลูกชายจะเลี้ยงใครเอาไว้ข้างนอกไม่มีทางได้รับคำอนุญาตจากท่านปู่เด็ดขาด แม้แต่ธรณีประตูบ้านของตระกูลลี่ก็จะไม่มีทางได้เหยียบเข้ามา

สะใภ้คุยกับท่านปู่ถึงเรื่องหุ้น ท่านปู่ก็คิดพลางเอามือลูบคาง จากนั้นก็ตอบตกลง

“ได้ ฉันเห็นด้วย”

เมื่อพูดออกไป โม่เสี่ยวฮุ่ยที่ก้มหน้าตาลงอยู่ๆก็เชยตาขึ้นมามอง พลางยิ้มมุมปากขึ้นมาเล็กน้อยอย่างหุบไม่อยู่

ถ้าลี่เจี้ยนหวาอยากจะได้หุ้นส่วนนี้ ก็ต้องทำการโอนหุ้น ซึ่งมันไม่ใช่ทำแล้วจะได้เลย แต่มันมีขั้นตอน ที่จะต้องได้รับการยินยอมจากภายในของตระกูลลี่ก่อน กว่าจะผ่านแต่ละด่านๆ มันไม่ใช่ง่ายๆ เลย

การที่ลี่เจี้ยนหวาอยากจะเติมเต็มความต้องการของตัวเองนั้นมันไม่ง่ายเลย

โม่เสี่ยวฮุ่ยเช็ดน้ำตาที่หางตา พลางรู้สึกว่าตัวเองได้รับอะไรสักอย่างแล้ว เพื่อที่จะไม่ยอมเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว เลยทำอะไรที่เป็นไปตามเป้าหมายของตัวเองแล้ว โม่เสี่ยวฮุ่ยก็ไม่ได้อยู่ต่ออีกนาน ก่อนจะบอกลาท่านปู่ไป

ก่อนหน้านั้นไม่นาน บริษัทใหญ่บริษัทหนึ่งประกาศให้เป็นบริษัทล้มละลาย หลังจากที่Anthonyสร้างความเดือดร้อนให้ลี่จุนถิงอยู่หลายครั้ง ภายในเวลาไม่นาน ก็ทลายลงจนเป็นผุยผง แต่ในทางกลับกันบริษัทลี่ซื่อก็กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิมอีกครั้ง

เรื่องนี้มันทำให้คนตื่นตัวกันไม่น้อย มีข่าวลืออยู่ในวงการธุรกิจ จนคนส่วนใหญ่ก็ถอนหายใจกันเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ยิ่งรู้สึกลำบากใจกันมากขึ้น เพราะกลัวว่าความพยายามมาสิบกว่าปีจะไม่เกิดผล แต่ในทางกลับกันAnthonyกลับต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ในตอนแรกAnthonyคิดว่ามันจะต้องเกิดขึ้นกับลี่จุนถิง แต่กลับมาลงที่ตัวเองเสียอย่างนั้น ตอนแรกเขาทำอะไรไม่ถูก ท่ามกลางห้องโล่งว่างที่ถูกปิดทึบนั้น เขาไม่มีแรงจะทำอะไรอีกแล้ว เลยได้แต่นั่งนิ่งๆ อย่างไร้เรี่ยวแรง

เขาไม่ควรฟังคำขอของส้งหวั่นหวั่นตั้งแต่แรก สุดท้ายเลยกลายมาเป็นแบบนี้ได้

บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ได้มืดมนไร้หนทางเหมือนกับสตีเฟนกรุ๊ป แต่ว่าแต่ละคนกลับยิ้มแย้มอย่างเบิกบาน

โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป

ลี่จุนถิงเดินเข้าไปในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปราวกับมีแสงเรืองรอง เหมือนกับคิดอะไรขึ้นมาได้ เลยหันไปพูดกับคนที่เดินตามมาว่า “เรียกรวมหน่อย เดี๋ยวจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นกัน ฉันมีเรื่องจะคุย”

“ประธานลี่ เหล่าผู้ถือหุ้นมารอท่านอยู่ที่ห้องประชุมแล้ว”

เมื่อได้ยินดังนั้น ลี่จุนถิงก็เหมือนจะยิ้มมุมปากขึ้นมา ก่อนจะรีบเดินไปอย่างมั่นคง

พนักงานต่างพากันปิดปากไม่ให้ตัวเองร้องออกมา เมื่อเดินผ่านทางเดินไป แล้วเห็นลี่จุนถิงก็โค้งให้พลางพูดว่า “สวัสดี ประธานลี่”

ลี่จุนถิงพยักหน้าด้วยความอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก

มีผู้ถือหุ้นนั่งรออยู่ที่โต๊ะยาวในห้องประชุมแล้ว พวกเขาสวมชุดสูทดูดี เมื่อเห็นลี่จุนถิง ก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้กัน จนมีเสียงเก้าอี้ถูกกับพื้นดังขึ้นมา

จากนั้นก็มีเสียงของคนกลุ่มหนึ่งพูดพร้อมๆ กัน “ยินดีกับประธานลี่ด้วย”

คนเหล่านี้แก่กว่าลี่จุนถิงมาก แต่พวกเขาก็ไม่ยอมรับไม่ได้ ว่าหัวด้านธุรกิจของลี่จุนถิงนั้นดีกว่าตอนที่พวกเขาหนุ่มๆ ไม่เบาเลย อายุเพียงเท่านี้ แต่ก็ทำได้ดีขนาดนี้แล้ว จินตนาการไม่ออกเลย ว่าถ้าอายุเท่ากับเหล่าผู้ถือหุ้นแล้ว จะคิดและทำอะไรออกมาได้ดีขนาดไหน

เหล่าผู้ถือหุ้นที่คุ้นเคยกับลี่จุนถิงเริ่มก่อน โดยการเข้าไปตบบ่าของเขา “มองไม่ออกเลยจริงๆ ฉันว่าแล้วว่าตอนนั้นฉันมองคนไม่ผิด คุณจะต้องพาบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปไปถึงจุดสูงสุดได้แน่นอน”

ลี่จุนถิงยิ้มขึ้นเพียงเบาๆ

“ฉันเห็นคุณโตมาเลยล่ะ ในความทรงจำของฉันคุณเด็กเท่านี้เอง มาเจออีกทีตอนนี้ เป็นชายหนุ่มแล้วนะ มีเรื่องสำคัญที่ต้องทำมากแล้วล่ะ” เหล่าลุงผู้ถือหุ้นที่เห็นลี่จุนถิงมาตั้งแต่ยังเล็กขยี้ตาด้วยความตื้นตันใจจนน้ำตาแทบไหล

จากนั้นเหล่าผู้ถือหุ้นก็พากันชมเชย ลี่จุนถิงเพียงแค่ยิ้มเบาๆ รับคำเพียงเล็กน้อย

แต่เขาไม่ได้มาเพื่อฟังคำชม เขามีธุระสำคัญจริงๆ แต่ลี่จุนถิงก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร เพียงแค่รอให้พวกผู้ถือหุ้นพูดจนเสร็จค่อยเริ่ม นี่เป็นสิ่งที่รุ่นน้องควรจะอดทน

เหล่าผู้ถือหุ้นอดไม่ได้ที่จะนั่งมองไปทางลี่จุนถิงเพียงคนเดียว เหมือนกับกองกำลังทหารที่กำลังรอสั่งการ แต่ได้ยินเสียงของลี่จุนถิงเพียงนิดเดียว

ลี่จุนถิงมองไปรอบๆ ก่อนจะเริ่มเปิดปากพูดขึ้น “ทุกๆ ท่าน ฉันคิดว่าจะซื้อหุ้นของสตีเฟนกรุ๊ปที่เหลืออยู่สักหน่อย พวกคุณมีความเห็นอะไรหรือเปล่า บอกมาได้เลยนะ”

ภาพลักษณ์ของลี่จุนถิงนั้นตราตรึงอยู่ในจิตใจของเหล่าผู้ถือหุ้นกันหมดแล้ว เขามีความสามารถในการนำ แล้วเหล่าผู้ถือหุ้นก็จะทำตามไ