มุมมองของคลาร่า :
“ถ้าคุณไม่อยากจะเชื่อฉัน นี่คือข้อความที่นายท่านออสตินฝากไว้ให้คุณค่ะ…”
คลาร่าพูดคำพูดสุดท้ายพร้อมกับวางลูกแก้วลงบนโต๊ะข้างคาร์เมล แล้วเดินออกไปหลังจากทำภารกิจที่ออสตินมอบให้เธอเสร็จแล้วด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ ฝีเท้าของเธอรู้สึกเบากว่าเดิมมาก
‘สงสัยจังว่าออสตินเป็นยังไงบ้าง?’
คลาร่าคิดในใจ จิตใจของเธอเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อออสติน และความรู้สึกซุกซนเล็กๆ น้อยๆ ว่าเขาจะทำให้มาร์ลีนตกหลุมรักเขาได้อย่างไร คลาร่าอาจไม่ยอมรับมัน แต่ด้านหนึ่งของเธอที่ชอบละครประเภทนี้กำลังตื่นขึ้นในตัวเธอ ดูเหมือนเธอจะค้นพบแล้วว่าการปั่นหัวผู้หญิงที่ทรงพลังเหล่านี้และทำให้พวกเธอตกหลุมรักออสตินนั้นค่อนข้างสนุกและเบิกบานใจ
‘แต่ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ดีที่สุดคือการได้อยู่กับออสติน!’
คลาร่าคิดขณะเดินต่อไปพร้อมกับมือของเธอที่ค่อยๆ เคลื่อนไปทางก้นของตัวเอง โดยที่เธอยังคงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของเมล็ดพันธ์ุที่ออสตินทิ้งไว้บนร่างกายของเธอ ร่างกายของเธอเริ่มร้อนขึ้นเมื่อคิดถึงเขา คลาร่าพยายามเก็บเมล็ดพันธุ์ของเขาไว้ในตัวเองให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อรักษาความอบอุ่นในตัวเธอไว้
‘บางทีเราควรจะไปที่นั่น….’
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอก็ค่อยๆ เดินเบี่ยงออกจากเส้นทางและเข้าไปในห้องที่ปิดสนิทซึ่งเธอสามารถเข้าถึงได้เท่านั้น คลาร่าปลดล็อคทั้งหมดที่เธอเข้าไปข้างในอย่างช้าๆ ห้องสว่างไสวไปด้วยสมบัติล้ำค่าทั้งหมดของเธอ หรือพูดให้ถูกคือ สมบัติเก่าๆ ทั้งหมดของออสติน…
ในห้องบรรจุทุกสิ่งที่ออสตินใช้และทิ้งตั้งแต่มาที่สถาบันบาบิโลน มีแม้กระทั่งผ้าปูที่นอนที่เขาเคยมีเพศสัมพันธ์หรือเล่นกับผู้หญิง ซึ่งแต่ละผืนได้รับการดูแลอย่างดีโดยไม่ต้องทำความสะอาด โดยเฉพาะผืนที่เขาเคยใช้นอนกับคลาร่า เธอพยายามจะเก็บพวกมันไว้ทั้งหมด ยึดแนวทางการเปลี่ยนอันใหม่แทนที่จะทำความสะอาดอันเก่า
“อาา~ กลิ่นเหมือนบ้านเลย~”
คลาร่าพึมพำขณะที่กลิ่นของออสตินบุกเข้าสู่ร่างกายของเธอ กลิ่นอันอับชื้นของเขาพร้อมกับกลิ่นของเซ็กส์ทั้งหมดนั้นอบอวนไปทั่วห้อง ทำเอาคลาร่านึกถึงความทรงจำทั้งหมดเหล่านั้นขึ้นมาในจิตใจของเธอ ทำให้ร่างกายของเธอร้อนขึ้นมาก เธอเดินไปที่เตียงที่ปกคลุมไปด้วยกลิ่นล่าสุดของออสตินและกุมมันไว้อย่างอ่อนโยนขณะหายใจเข้าลึกๆ
“อ๊าาา~”
เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับคลาร่าที่จะครางออกมาเล็กน้อย เสียงของเธอดังก้องไปทั่วห้อง ขณะที่จิตใจของเธอจดจ่ออยู่กับภาพหลายภาพของออสติน ในชีวิตของเธอส่วนใหญ่ 99% ของสมองของเธอทำงานเพื่อออสตินเท่านั้น ในขณะที่ส่วนที่เหลือสนใจเรื่องอื่นๆ
กิ่งก้านแห่งความมืดเล็กๆ เริ่มออกจากร่างของเธอ และหยิบรูปถ่ายหลายรูปขึ้นมาขณะที่เธอจ้องมองพวกมัน ในตอนนี้เธอสามารถควบคุมพลังที่ได้รับจากดินแดนเร้นลับได้ดีขึ้นมาก พลังเหนือความมืด พลังที่ออสตินซึ่งเป็นที่รักของเธอได้มอบให้ทำให้เธอทุ่มเทจิตวิญญาณอย่างมากกับการพยายามทำความเข้าใจกับพลังนั้นให้ดีขึ้น
“อื๊มมม~กลับมาเร็วๆ สิคะที่รักก~”
เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน เธอชอบช่วยเหลือออสตินแต่ใจจริงเธออยากใช้เวลาทุกช่วงเวลาที่ตื่นอยู่กับเขา ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน เธออยากจะอยู่เคียงข้างเขา สำหรับคลาร่านั้นไม่มีอะไรสำคัญอีกต่อไปในโลกนี้ หากวันหนึ่งออสตินตัดสินใจที่จะทำลายโลกนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอก็ยินดีที่จะเดินเคียงข้างเขาและทำลายมันและเฝ้าดูชีวิตของพวกเธอทั้งสองสิ้นสุดลงด้วยกัน
แค่ความคิดเหล่านั้นก็ทำให้คลาร่ารู้สึกหวิวในขณะที่เธอหัวเราะเบาๆ สำหรับคลาร่า ออสตินคือโลกทั้งใบของเธอ สำหรับเขาเธอจะทำทุกอย่างและเป็นใครก็ได้ให้ ท้ายที่สุดแล้วสิ่งสำคัญสำหรับเธอคือการได้ใกล้ชิดกับเขา
“กลับมาเร็ว ๆ นะคะ…”
เธอพึมพำเสียงเบาก่อนจะกลับไปเพลิดเพลินกับคอลเลกชั่นของตัวเองต่อ
…
มุมมองของคาร์เมล:
‘เราผิดเอง…’
คาร์เมลพูดกับตัวตนภายในของเธอ และคาร์เมเลียพี่สาวของเธอก็ยังคงนิ่งเงียบยอมรับคำพูดของเธอ ตอนนี้ทั้งสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ขณะดูรายงานที่ตนเองได้รับ ตอนนี้การสืบสวนของอาณาจักรของเธอเสร็จสิ้นแล้ว และรายงานก็พบว่าปัญหาใดก็ตามที่น้องสาวของเธอกำลังประสบอยู่ล้วนเป็นเพราะโชคร้ายของเธอเองทั้งนั้น
นี่หมายความว่าออสตินไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาบริสุทธิ์และเธอก็ดันไปสงสัยเขา คนที่เคยพูดว่าเป็นครอบครัวของเธอ, รุ่นน้องของเธอและคนที่เธอห่วงใย
‘ตอนนี้เราควรจะทำยังไงกันดี?’
คาร์เมลถามอีกครั้งขณะจับหัวที่สั่นเทาของตัวเองไว้ ตอนนี้เธอจนมุมแล้วและไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอย่างไรดี ออสตินไม่เหมือนคนอื่นๆ เธอเริ่มรู้สึกผูกพันกับเขาอย่างลึกซึ้งแล้ว—ทั้งความขี้เล่นของเขา, อาหารที่เขาทำและการหยอกล้อเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยให้เธออารมณ์ดีอยู่เสมอ เธอวางเขาไว้ใกล้ชิดกับตัวเองมาก แต่เธอกลับกล่าวหาออสตินในสิ่งที่แน่นอนว่าทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดในใจ
แม้ว่าคาร์เมเลียจะเป็นคนถามคำถาม แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเธอก็มีข้อสงสัยเช่นกัน
‘คาร์เมเลีย บอกฉันทีว่าเราควรทำยังไงดี?’
คาร์เมลถามอีกครั้ง ซึ่งคาร์เมเลียก็ตอบในที่สุด
‘ฉันก็ไม่รู้…ไม่ใช่เธองั้นเหรอที่มักจะจัดการกับสถานการณ์แบบนี้อยู่ตลอด?’
เมื่อได้ยินคำตอบของคาร์เมเลีย คาร์เมลก็เงียบไป โดยปกติแล้วคาร์เมลมักเป็นคนที่รับมือกับการเรื่องการใช้อารมณ์มากกว่าในขณะที่คาร์เมเลียจัดการกับเรื่องที่ต้องใช้ความใจเย็น แต่คาร์เมลก็ไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน เธอไม่เคยโดนใครโกรธและผิดหวังกับเธออย่างแท้จริงและไม่อาจให้อภัยได้ ไม่เลยกับคนที่เธอให้ความใส่ใจ
ด้วยบุคลิกที่สดใสและมีร่าเริงของเธอ เธอจึงแสดงออร่าของความอัธยาศัยดีออกมาอยู่เสมอ ดังนั้นผู้คนมักจะมีความสุขเมื่ออยู่ใกล้เธอ และแม้ว่าเธอจะทำให้ใครโกรธ พวกเขาก็มักจะคืนดีกับเธอหรือไม่กล้าแสดงอาการด้วยซ้ำ แม้แต่เพื่อนสนิทของเธอที่เธอเคยทำให้โกรธเล็กน้อยในอดีตก็ไม่เคยสร้างปัญหากับเธอเลย
ในท้ายที่สุดทุกอย่างก็ออกมาดีสำหรับเธอเสมอ รวมถึงผู้คนที่เธอใส่ใจจริงๆ เธอก็ไม่เคยทำให้พวกเขาเศร้าเลย ดังนั้นสำหรับจักรพรรดินีในอนาคต นี่เป็นสถานการณ์ครั้งแรกที่เธอได้เผชิญและไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอย่างไรดี
เธอให้ความใส่ใจกับออสตินอย่างลึกซึ้งเกินกว่าจะปล่อยวางเรื่องนี้ได้ และจากคำพูดของออสติน เธอก็เข้าใจว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มตึงเครียดแล้ว
‘ใครจะคิดกันว่าเราจะมีเวลาแบบนี้ด้วย?’
คาร์เมลคิดขึ้นมา
‘นั่นสิ’
และคาร์เมเลียก็เห็นด้วย ทั้งคู่ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเธอจะผูกพันกับเด็กผู้ชายคนนี้ได้เร็วขนาดนี้ ดูเหมือนว่ามีความลึกลับอยู่รอบๆ ออสตินซึ่งทั้งสองคนอดไม่ได้ที่จะสนใจ ยิ่งกว่านั้น การทำอาหารของออสตินหลุดโลกมาก มากพอที่จะทำให้ต่อมรับรสของเธอคลั่งได้เลย
แม้เธอจะไม่เคยพูดออกมา แต่หัวใจของเธอเคยเต้นผิดจังหวะเกินกว่าปกติสองครั้งในอดีตกับเขา ครั้งแรกคือตอนที่เธอเห็นเขาครั้งแรก ย้อนกลับไปที่การเทศกาลล่าเซธ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขายืนอยู่อย่างโดดเด่นราวกับดวงดาว ต่อสู้กับซาเวียร์และต่อสู้เพียงลำพัง ช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมนั้นทำให้ใจเธอสั่นอย่างแน่นอน
ครั้งต่อมาคือเมื่อตอนที่เขาเป็นผู้นำสงครามในดินแดนเร้นลับ เขาดูเท่มากในสายตาของทั้งคู่ ยิ่งไปกว่านั้น เธอเริ่มชื่นชอบการมีเขาอยู่เคียงข้างแล้วด้วย เวลาที่พวกเธอใช้ร่วมกันทำให้เธอมีความสุขจริงๆ และตอนนี้เธอก็ได้ทิ้งความสัมพันธ์นั้นลงแล้ว
พูดตามตรง คงจะเป็นการโกหกถ้าบอกว่าเธอไม่เคยคิดว่าออสตินเหมาะจะเป็นคู่แต่งงานของตัวเองสักครั้ง ท้ายที่สุดแล้วไม่มีอะไรที่เธอเกลียดเกี่ยวกับเขาเลย เขาหล่อ, มีความสามารถ, มีภูมิหลังที่น่าทึ่ง, เขาทำอาหารได้ไม่เหมือนใคร, เขาทำให้เธอสนุกเวลาที่ได้อยู่ใกล้ๆ, เขาไม่ทำให้พวกเธอรู้สึกเบื่อและเธอชอบบุคลิกของเขา
‘ฉันหมายถึงจะมีอะไรเกี่ยวกับเค้าที่ทำให้เราไม่ชอบบ้างหล่ะ?’
เธอถามตัวเอง บางทีถ้าเขาเป็นประชาชนของอาณาจักรของเธอ เธอคงจะคิดจริงจังกว่านี้
‘ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา’
ทันใดนั้นคาร์เมเลียพูดขึ้นมา ทำให้คาร์เมลมีสมาธิ ดวงตาที่สับสนของเธอมองไปรอบๆ ห้องจนกระทั่งดวงตาของเธอสว่างขึ้น
“รู้แล้ว! ไปถามเอลล่ากันดีกว่า! เธออาจมีความคิดอะไรดีๆ ก็ได้!”
และแล้วคาร์เมลก็รีบวิ่งออกไป