บทที่ 411 เกลียดชังในใจ

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่ 411 เกลียดชังในใจ

เจียงหยุนเอ๋อได้บอกเบอร์โทรศัพท์ของลี่จุนถิงให้กับพนักงานขายไป พนักงานขายรีบไปนำเสื้อผ้าที่เจียงหยุนเอ๋อต้องการออกมา

เจียงหยุนเอ๋อมาชำระเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ ยื่นบัตรให้กับพนักงานแคชเชียร์

“คุณหนู นี่คือเสื้อผ้าของคุณค่ะ” พนักงานขายนำเสื้อผ้าที่เก็บไว้เรียบแล้วอย่างดียื่นให้กับเจียงหยุนเอ๋อ

หลังจากที่เจียงหยุนเอ๋อพูดขอบคุณแล้ว ก็อยากจะไปหยิบเสื้อผ้าของเด็กที่อยู่บนพื้นที่ตัวเองพึ่งซื้อ ใครจะไปรู้ถุงพวกนั้นต่างก็ล้มลง

เจียงหยุนเอ๋อเงยหน้าขึ้นมองไปทางคนร้ายที่กระทำ

ลี่หุยรีบพูดขอโทษ “ขอโทษครับ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมช่วยคุณเก็บนะครับ”

ลี่หุยรีบนั่งลง แล้วช่วยเจียงหยุนเอ๋อเก็บ

รู้สึกว่าลี่หุยไม่ได้ตั้งใจ แน่นอนว่าเจียงหยุนเอ๋อก็เกรงใจที่จะให้เขามาทำคนเดียว เธอก็ค่อยนั่งลงพื้น “ไม่เป็นไรค่ะ”

เจียงหยุนเอ๋อยื่นมือไปหยิบถุง แต่ใครจะรู้ว่าในขณะนี้ลี่หุยก็ยื่นมือไปหยิบถุงนั้นเช่นกัน ในตอนที่มือทั้งสองสัมผัสกัน ลี่หุยยังจับมือของเจียงหยุนเอ๋อไปทีหนึ่งด้วย

เจียงหยุนเอ๋อรีบเก็บมือกลับมา พูดด้วยความโกรธว่า “คุณทำอะไร?”

แน่นอนว่าลี่หุยตั้งใจที่จะลวนลามเจียงหยุนเอ๋อ แต่ก็ต้องเสแสร้งทำเหมือนใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่รู้ว่าทำไมเจียงหยุนเอ๋อถึงโกรธ “ผมทำอะไร? ทำช่วยคุณเก็บถุงไงครับ”

หลังจากพูดจบลี่หุยก็เก็บพวกถุงที่อยู่ใกล้ขึ้นมา

เจียงหยุนเอ๋อมองดูลี่หุยไปหนึ่งที เห็นว่าเหมือนเขาจะไม่ได้พูดโกหก ในใจก็คิดว่าน่าจะเป็นเพราะตัวเองหวั่นไหวด้านอารมณ์มากเกินไปแล้ว

แต่ว่ารู้สึกได้ว่าลี่หุยเหมือนจะเป็นคนที่อันตราย เจียงหยุนเอ๋อรีบหยิบถุงที่อยู่ในมือของลี่หุยกลับมา ใช้น้ำเสียงที่แข็งกระด้างพูดว่า “ฉันทำเองละกันค่ะ ขอบคุณค่ะ”

ราวกับว่าเหมือนลี่หุยจะรับรู้ได้ถึงความคัดค้านของเจียงหยุนเอ๋อ ไม่ได้ยื่นถุงให้กับเจียงหยุนเอ๋อ แต่ว่ายิ้มแล้วพูดว่า “อัยยา ก็แค่ช่วยๆ กันเท่านั้นเอง พี่สะใภ้ให้ฉันช่วยหน่อยไม่เป็นไรหรอก”

เจียงหยุนเอ๋อขมวดคิ้ว พูดด้วยความเย็นชาว่า “ฉันไม่รู้จักคุณ และไม่ใช่พี่สะใภ้อะไรของคุณ”

“พี่สะใภ้ พี่อย่าทำเป็นไม่รู้จักกันสิ ไม่ว่ายังไงแล้ว ผมก็ถือเป็นคนในตระกูลลี่นะครับ” ลี่หุยยิ้มแล้วพูด ถึงแม้ว่าในใจจะรู้สึกโกรธในท่าทีของเจียงหยุนเอ๋อ แต่ว่าภายนอกนั้น เขาก็ยังแสดงออกถึงความอ่อนโยนสง่างาม

เจียงหยุนเอ๋อกำหมัด มองเขาด้วยความไม่พอใจ ในขณะนั้นไม่รู้ว่าควรจะปฏิเสธความหวังดีของเขายังไง

หรืออาจจะพูดว่า……ตอนนี้เธอมีเหตุผลที่จะสงสัยว่าคนคนนี้ใกล้ชิดกับตัวเองเพราะว่ามีเป้าหมายอื่นที่ไม่ดีตั้งแต่แรก!

“สถานะของคุณในตอนนี้ ยังไม่ได้การยอมรับจากตระกูลลี่” เจียงหยุนเอ๋อสนใจแต่ตัวเองอยากจะหยิบถุงของตัวเองกลับมา ไม่ได้มองลี่หุยเลย

ครั้งนี้ ลี่หุยเริ่มมีความโมโหแล้ว สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนไป แต่ในไม่ช้าเขาก็อดทนไว้ได้

ไม่ได้ ไม่สามารถโมโหได้ ไม่เช่นนั้นก็คงจะล้มเหลวเพราะขาดความพยายามครั้งสุดท้ายแล้วสิ?

เขาไม่อยากหวังว่าสิ่งที่ตัวเองรอมานานขนาดนี้จะถูกทำลายในมือของตัวเอง

รู้ว่าเจียงหยุนเอ๋อไม่อยากมีการตอแยกับตัวเอง ถึงแม้ว่าลี่หุยจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็จะยื่นถุงไปยังมือของเจียงหยุนเอ๋อ

“ในเมื่อพี่สะใภ้ยืนหยัดที่ไม่ยอมจะช่วยผม งั้นผมก็ไม่มีทางอื่นแล้ว” ลี่หุยหรี่ตายิ้มแล้วพูด

เจียงหยุนเอ๋อฮื้มด้วยความเย็นชาไปทีหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรมาก

สำหรับลี่หุยแล้ว เธอไม่มีภาพความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องดีๆ เลย

ตลอดมานี้ ลี่หุยเป็นลูกชายนอกสมรส มักจะทำให้เจียงหยุนเอ๋อนึกถึงสภาพความเป็นอยู่ในตอนนั้นของตัวเอง ลูกสาวนอกสมรสของคุณพ่อเจียงหนิงเอ๋อแย่งความรักความเอ็นดูทุกอย่างที่ควรจะเป็นของตัวเองไป นี่จะทำให้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกชอบลี่หุยได้อย่างไรล่ะ?

ต่อมา ตอนนี้ลี่จุนถิงคือคนรักของเธอ การปรากฏตัวของลี่หุยนั่นส่งผลกระทบต่อตำแหน่งของลี่จุนถิงโดยไม่มีข้อสงสัย ถึงแม้ว่าเจียงหยุนเอ๋อจะมีความมั่นใจที่สูงต่อลี่จุนถิง แต่ว่าการที่มีเรื่องเพิ่มขึ้นหนึ่งเรื่องนั้นสู้มีเรื่องลดลงหนึ่งเรื่องจะดีกว่า การออกตัวของลี่หุยไม่ใช่เรื่องดีๆ แน่ๆ งั้นก็จะส่งผลกระทบต่องานของลี่จุนถิง

อีกอย่าง การปรากฏตัวของลี่หุยยังทำให้โม่เสี่ยวฮุ่ยโมโหจนล้มป่วย ถึงแม้ว่าแม่ยายคนนี้จะไม่ค่อยชอบเจียงหยุนเอ๋อ แต่ไม่ว่ายังไงแล้วระหว่างนั้นก็ยังมีลี่จุนถิงอีกคน ไม่มากก็น้อยเจียงหยุนเอ๋อก็ต้องมีความสนใจถึงเธอ

ในชีวิตที่ผ่านมานี้ ลี่จุนถิงและลี่จุนซินต่างก็อยู่ข้างนอกทั้งวัน และคนร้ายของเรื่องทั้งหมดนี้ ก็ไม่หลุดพ้นจากลี่หุยแน่นอน

ถ้าหากลี่หุยยอมที่จะมีชีวิตอยู่อย่างเงียบสงบก็ช่างเถอะ แต่เขากลับไม่รู้จักพอ อยากจะเข้ามาในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป จึงยิ่งทำให้เจียงหยุนเอ๋อยากที่จะทำสีหน้าดีๆ ให้กับเขาแล้ว

ลูกนอกสมรสก็คือลูกนอกสมรส ต้องทำเรื่องที่ไม่ดีแน่นอน

ถึงแม้ว่าในตอนแรกเขาจะใสซื่อบริสุทธิ์ แต่ก็ไม่ควรที่จะเกินความคิดแบบนี้

เจียงหยุนเอ๋อคิดในใจไปเยอะมาก ไม่ได้พูดอะไรกับลี่หุย หันหลังแล้วเตรียมตัวเดิมอ้อมเขาออกจากที่นี่ไป

“เฮ้อ พี่สะใภ้ ทำไมพี่ถึงไปแล้วล่ะ”

ลี่หุยรีบตามมาจากข้างหลัง เดินอยู่ข้างหลังของเจียงหยุนเอ๋อตลอดเวลา

เจียงหยุนเอ๋อเดินมาถึงข้างถนน อยากจะโบกรถคันหนึ่งไว้ แต่ว่ารถที่ผ่านไปผ่านมาต่างก็รับผู้โดยสารเต็มกันหมด ทำให้ในเวลานั้นเธอไม่สามารถหลุดตัวออกมาได้

ในเวลานี้ ลี่หุยก็เดินเข้ามา เห็นเจียงหยุนเอ๋อยืนอยู่ข้างถนน ทันนั้นก็เข้าใจความคิดของเธอแล้ว

“พี่สะใภ้เตรียมตัวจะกลับไปแล้ว? ให้ผมไปส่งพี่ไหม?”

“ไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ” เจียงหยุนเอ๋อพูดออกจากปากด้วยความเย็นชา ยังคงมองซ้ายมองขวาอยู่

ลี่หุยก็ยังคงยิ้มอยู่ แต่ว่าท่าทีทั้งตัวของเขาอยากจะต่อยตีกับเจียงหยุนเอ๋อขึ้นมาแล้ว ทำให้เจียงหยุนเอ๋อไม่สามารถทนได้จริงๆ

ถ้าหากลี่หุยแสดงพฤติกรรมที่เกินไป เธอสามารถพูดให้เขาจากไปได้อย่างเคร่งขัด แต่ว่าบนใบหน้าของลี่หุยกลับอ่อนโยนสง่างาม ทำให้เขาไม่สามารถหาเหตุผลพูดเปิดปากได้เลย

“จะรบกวนได้ยังไงล่ะครับ? สามารถส่งพี่สะใภ้กลับบ้านได้ นั่นควรจะเป็นวาสนาของผมไม่ใช่หรอครับ?” ลี่หุยพูดด้วยความมีน้ำใจมาก ดูก็รู้ว่าเป็นคำพูดประเภทโน้มน้าวใจ แต่ว่าพอฟังในหูของเจียงหยุนเอ๋อแล้วกลับรู้สึกแปลกๆ ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว

เจียงหยุนเอ๋อยังคงส่ายหัวเหมือนเดิม ในที่สุดก็หันไปมองลี่หุยหนึ่งที “คุณไม่มีงานต้องทำเลยหรอ? ไม่ต้องตามฉันมาแล้วได้ไหม”

“ผมมีเรื่องต้องทำสิ ก็คือส่งพี่สะใภ้กลับบ้านไง ดูสิ เรามีวาสนาได้พบเจอกัน พี่ก็ให้โอกาสผมให้เราทั้งสองได้รู้จักกันมากขึ้นหน่อยได้ไหม?”

ถ้าหากพูดถึงในตอนแรกเจียงหยุนเอ๋อแค่อยากจะรีบออกจากที่นี่ แต่ว่าตอนนี้ เธอกลับรู้สึกว่าการสนทนาระหว่างเธอและลี่หุยมีความปล่อยเลยเกินไปแล้ว ทำให้เธอรู้สึกเกลียดชังในใจ

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่มีความสนใจในด้านนั้น” เจียงหยุนเอ๋อได้ปฏิเสธคำขอของเขาไปโดยไม่ลังเลเลย

ลี่หุยกลับไม่ได้รู้สึกโกรธ แค่มองเจียงหยุนเอ๋อด้วยความจริงจัง ราวกับว่าไม่ได้เตรียมตัวจะจากไป

ในตอนที่เจียงหยุนเอ๋อกำลังกระวนกระวายอยู่นั้น ในที่สุดก็มีรถที่ว่างผ่านมา รีบโบกมือหยุดไว้

รถคันนั้นจอดอยู่ที่ข้างหน้าของเจียงหยุนเอ๋อ เธอไม่ได้บอกลาอะไรลี่หุยเลย ขึ้นรถโดยตรงไปเลย

ลี่หุยพูดกับเจียงหยุนเอ๋อไปด้วยความบันเทิงว่า “พี่สะใภ้ลาก่อน” ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับการตอบกลับก็ตาม

และหลังจากที่รถคันนั้นออกจากสายตาเขาไปแล้ว สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ เย็นชาลง