บทที่ 258 ชี่และเลือดพร่องทั้งคู่

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 258 ชี่และเลือดพร่องทั้งคู่

“งั้นข้าคนแรก” ลูกสาวคนโตพูดขึ้น พร้อมเดินหน้าไป ยกนิ้วโป้งขึ้นมาประทับบนน้ำหมึก แล้วประทับลงบนกระดาษ

กํานันพยักหัว เด็กหลายคนที่อยู่ข้างหลังก็เดินตามมา ประทับลายนิ้วมือตามนาง

ซุนโก่วต้านก็ถูกแม่ของตนเองบีบบังคับจนหมดหนทาง จำต้องไปข้างหน้า ประทับลายนิ้วมือของตนเองเหมือนกัน

หนังสือมีทั้งหมดสามฉบับ ให้โจวคายจือหนึ่งฉบับ ตระกูลซุนหนึ่งฉบับ ให้กํานันอีกหนึ่งฉบับ ถึงตอนนั้นจะต้องเก็บไว้เป็นหลักฐานในอำเภอ

“เอาล่ะ เรื่องก็จบลงเท่านี้แล้ว” กํานันพูดขึ้นมา พร้อมจบเรื่องนี้

“โก่วต้าน เราไปกันเถอะ” ป้าซุนเชิดหน้า ราวกับแม่ไก่ตัวหนึ่งที่รบได้ชัยชนะ

ซุนโก่วต้านกอดอกอยู่ด้านข้าง มองดูภรรยากับลูกตนเองอย่างไม่สบายใจ

ป้าซุนที่ปกติอยู่บ้านแล้วพูดคำไหนคำนั้น เห็นลูกชายตนเองไม่เชื่อฟัง ก็ยื่นมือไปดังหูซุนโก่วต้าน แล้วลากตัวออกไป ซุนโก่วต้านก็กลัวแม่ของตนโกรธโมโหอีก จึงรีบตามแม่ของตนเองไป

ทางด้านนี้ เหล่าไท่ไท่ถอนหายใจ ให้โจวต้าไห่เชิญกํานันเข้าไปในบ้าน เอาน้ำมาต้อนรับ ส่วนนางก็ตบบ่าโจวคายจือ พร้อมพูดกับโจวคายจือว่า “ไม่เป็นไร ต่อไปหากน้องสะใภ้ของเจ้าไม่อยากให้พวกเจ้าอยู่ด้วย แม่ก็จะแยกบ้านกับพวกเขา”

โจวคายจือรู้สึกอัดอั้น เศร้าเสียใจ ร้องเรียกแม่แล้วก็กอดเหล่าไท่ไท่ร้องห่มร้องไห้ขึ้นมา

ยายกับสะใภ้ที่อยู่ด้านข้างต่างพูดกล่อม ลูกๆหลายคนก็โอบล้อมนาง

เมื่อเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้ว ท้องของโจวกุ้ยหลานก็ร้องขึ้นมา จึงไม่รบกวนคนอื่น ดึงสวีฉางหลินกลับไปที่บ้านของตนเอง

มาถึงบนเขา เมื่อเปิดประตูก็เห็นเจ้าก้อนน้อยกำลังคุกเข่าขุดไส้เดือนอยู่บนพื้น โจวกุ้ยหลานยิ้มแย้ม ลูบหัวของเขาแล้วก็เข้าไปในครัว อุ่นกับข้าว แล้วก็ทานข้าวเที่ยงด้วยกัน

รอทานเสร็จแล้ว โจวกุ้ยหลานเอาแป้งออกมาสองจินยื่นให้กับสวีฉางหลิน ให้เขาลงเขาเอาไปให้หลิวซิ่วฉาย

สวีฉางหลินก็ไม่พูดอะไร รับแป้งมาแล้วก็เดินลงเขา

โจวกุ้ยหลานเก็บกวาดบ้าน เมื่อออกมาจากห้องตนเอง ก็ไปเก็บกวาดห้องทางทิศตะวันออก

ห้องทางทิศตะวันออกนี้มีสามห้องนอน พี่ครอบครัวพี่สาวใหญ่มาอยู่ ถือว่าเพียงพอ

เพิ่งเก็บกวาดยังไม่ทันเสร็จ สวีฉางหลินก็พาหมอหวังกลับมา

สวีฉางหลินพาหมอหวังไปนั่งในห้องหลัก ดึงโจวกุ้ยหลานไป ให้โจวกุ้ยหลานยื่นมือให้หมอหวังตรวจชีพจร

“ข้าสบายดีอยู่ ทำไมต้องให้หมอตรวจ?” โจวกุ้ยหลานพูดพร้อมกับยื่นมือตนเองออกมาด้วย

สวีฉางหลินไม่ตอบ ร่างกายสุขภาพดีหรือไม่ ยังไงก็ให้หมอตรวจดีกว่า

“ร่างกายเจ้าสบายดีหรือ? ข้าตรวจไม่เจอหยางชี่เลย” หมอหวังขมวดคิ้ว น้ำเสียงค่อนข้างหนักแน่น

“อะไรนะ?” โจวกุ้ยหลานอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

“เจ้ามีความพร่องหยางที่เกิดจากการขาดหยิน จนพร่องหยางหยิน ร่างกายนี้เกรงว่าคงไม่ไหวแล้ว” หมอหวังพูดพร้อมกับขมวดคิ้วหนัก

โจวกุ้ยหลาน “……”

เรื่องนี้นางไม่เข้าใจ เวลาแบบนี้นางต้องหุบปากเท่านั้น

สวีฉางหลินก็ขมวดคิ้ว จำได้ว่าภรรยาของตนเองกลัวหนาวมาก คงเป็นเพราะแบบนี้

“บำรุงยังไง?”

“ต้องรีบทานยา หากปล่อยแบบนี้ต่อไป ก็จะกลายเป็นคนขี้โรคเหมือนอย่างหลิวซิ่วฉาย”

หมอหวังพูดพร้อมกับเอากระดาษพู่กันออกมาเขียนใบสั่งยา

โจวกุ้ยหลานเม้นริมฝีปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่น่ากลัวขนาดนั้นมั้ง? ข้ากินดื่มได้ ร่างกายก็สบายดี….”

“เจ้าเป็นหมอหรือข้าเป็นหมอ?” หมอหวังพูดตอบนางอย่างไม่หยุดเขียน

สวีฉางหลินที่อยู่ด้านข้างยิ่งขมวดคิ้วแน่น พร้อมถามหมอหวังว่าต่อไปต้องระวังอะไร

หมอหวังเขียนใบสั่งยาไปด้วย พร้อมพูดข้อควรระวังไปด้วย นั่นก็คือรับประทานอาหารต้องระวัง เน้นอาหารรสจืด ห้ามทำงานหนัก ต่อไปต้องกดจุดฝังเข็มบ่อยๆ ปกติต้องอาบแดดเยอะ…..

เมื่อเขียนเสร็จก็เป่าหมึกให้แห้ง พร้อมยื่นใบสั่งยาให้สวีฉางหลิน หมอหวังค่อยลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าดูแลเอาใจใส่เองให้ดี อีกหนึ่งเดือนแล้วค่อยตามข้ามาตรวจอีกครั้ง”

สวีฉางหลินเก็บใบสั่งยาใบนั้นไว้ แล้วก็เงยหน้าขึ้นมาถามหมอหวังว่า “เรื่องระหว่างสามีภรรยาสามารถทำได้ไหม?”

โจวกุ้ยหลานได้ยินแล้วก็อยากหยิกสวีฉางหลินให้ตาย เรื่องแบบนี้ควรถามแบบนี้หรือ?

หมอหวังก็อึ้ง คิดไม่ถึงว่าเขาจะถามแบบนี้ สักพักค่อยพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้…..ก็ต้องหักห้ามบ้าง ตอนนี้ร่างกายของนางอ่อนแอ เกรงว่า….ไม่ควรมีมากจนเกินไป ลูกก็มีไม่ได้ในเร็ววัน พวกเจ้าอย่า……”

“เอาล่ะเอาล่ะ เรารู้แล้ว” โจวกุ้ยหลานรีบพูดขึ้นมา สะกิดสวีฉางหลิน พร้อมพูดขึ้นว่า “รีบจ่ายค่ารักษา”

“เรื่องนี้ไม่ต้อง ค่ารักษาที่เจ้าช่วยจ่ายให้กับหลิวซิ่วฉายยังใช้ไม่หมด ดูสีหน้าของเจ้าก็ไม่ค่อยดี ก็รอมาตรวจให้เจ้านี่แหละ ตอนนี้ค่าตรวจก็กำลังพอดี” หมอหวังโบกมือ พร้อมแบกกล่องยาตอนเองขึ้นมา

ในใจโจวกุ้ยหลานค่อยโล่งอก เตรียมที่จะไปส่งหมอหวัง แต่หมอหวังไม่ให้พวกเขาไปส่ง บอกจะกลับไปด้วยตนเอง

เมื่อหมอหวังกลับไปแล้ว โจวกุ้ยหลานหันไปถลึงตาใส่สวีฉางหลินอย่างคมเฉียบ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าถามเรื่องนี้กับหมอหวังทำไม?”

เวลานี้สวีฉางหลินยังขมวดคิ้วอยู่ ภรรยาร่างกายอ่อนแอไปเสียทุกด้าน แตะต้องก็ไม่ได้…..

“ครั้งหน้าหากเจ้ายังพูดจาไปเรื่อยอีก ข้าจะต่อยเจ้าให้ตายไปเลย” โจวกุ้ยหลานพูดขึ้นมาอย่างโกรธเคือง

เพิ่งพูดเสร็จ สวีฉางหลินก็คว้าจับแขนของนาง นางตกใจพร้อมรีบพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้หมอหวังเพิ่งพูดนะ ตอนนี้ข้าจะทำเรื่องแบบนั้นบ่อยไม่ได้”

สวีฉางหลินไม่มีวี่แววที่จะปล่อยมือ ดึงนางแล้วเดินไปข้างหน้า ในใจโจวกุ้ยหลานตกตะลึง ยังอยากพูดอะไรอีก ก็ได้ยินสวีฉางหลินพูดกับเจ้าก้อนน้อยที่กำลังขุดไส้เดือนอยู่ในลานว่า “ไปยกเก้าอี้ออกมา”

เจ้าก้อนน้อยรีบวางกิ่งไม้ในมือ ก้าวเท้าน้อยๆวิ่งเข้าไปในห้อง แล้วก็ยกเก้าอี้ออกมาหนึ่งตัว

ให้โจวกุ้ยหลานนั่งลงบนเก้าอี้ พร้อมพูดขึ้นว่า “อาบแดด”

โจวกุ้ยหลานมองดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน แล้วก็พูดอะไรไม่ออก

พระอาทิตย์ตกดินแล้ว ยังจะอาบแดด?

เห็นว่าเป็นความตั้งใจของสวีฉางหลิน จึงไม่พูดว่าอะไร พยักหัวให้เขา แล้วก็นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างว่าง่าย

สวีฉางหลินเริ่มทำงานโน่นนี่นั่น นำข้าวโพดในบ้านออกไปให้อาหารไก่ เป็ด และห่าน สักพักก็ขับไก่ เป็ด และห่านพวกนี้เข้าไปในเล้าของพวกมัน จากนั้นก็ให้อาหารหมูแพะ เมื่อทำเสร็จ เขาก็เอาจอบออกไปเพียงลำพัง

สายตาโจวกุ้ยหลานมองดูเขาเดินไปมา รอเมื่อเขาออกไปแล้ว โจวกุ้ยหลานรีบลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ แล้วก็ไปขุดไส้เดือนกับเจ้าก้อนน้อย

“แม่ แม่ต้องอาบแดด” ”เจ้าก้อนน้อยพูดเตือนแม่ของตนเองขึ้นมาอย่างเป็นห่วง

“ไม่เป็นไร เราขุดไส้เดือนอยู่ใต้แสงแดด ถือว่าอาบแดดเหมือนกัน” โจวกุ้ยหลานพูดขึ้นมา มือก็เคลื่อนไหวต่อไป