องค์หญิงฝูชิงดวงตามองไม่เห็นมาตั้งแต่เยาว์วัย แต่จิตใจของนางนั้นอ่อนโยนและเป็นธรรม มีนิสัยเป็นกันเอง นางไม่เคยวางท่าว่าตนเป็นองค์หญิงผู้สืบทอดสายตรง บรรดาพี่น้องสตรีที่เกิดจากสนมทั้งหลายจึงยินดียิ่งนักที่จะเข้าใกล้นาง
แม้ว่าเป็นเช่นนี้ แต่ผู้ที่ปฏิบัติดีต่อองค์หญิงฝูชิงจริงๆ แล้วก็มีเพียงไม่กี่คน
เนื่องจากองค์หญิงฝูชิงมีตำแหน่งสูงส่ง แต่นางกลับมองไม่เห็น ไม่ต่างอันใดกับลูกจอกล้ำค่า การที่จะเล่นกับนางหากพลาดไปทำให้นางบาดเจ็บเข้าก็คงแย่ เช่นนั้นคงต้องแบกรับความผิดโดยใช่เหตุ
องค์หญิงฝูชิงรู้สึกคุ้นเคยกับน้ำเสียงนี้ยิ่งนัก เป็นองค์หญิงสิบห้าที่มักเดินทางมาเล่นกับนางนั่นเอง
“พี่สิบสามเก่งกาจยิ่งนัก เดาได้ทันทีว่าเป็นข้า” องค์หญิงสิบห้ายิ้มขึ้นจนดวงตาหยีเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
องค์หญิงฝูชิงมองดูองค์หญิงสิบห้าอย่างละเอียด ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “น้องสิบห้าช่างงดงามยิ่งนัก”
หลังจากที่ดวงตาของนางรักษาจนหายแล้ว เจียงซื่อก็ได้กำชับว่าให้นางพักผ่อนอีกสองสามวัน ดังนั้นฮ่องเต้และฮองเฮาจึงได้กำชับว่าไม่ให้ผู้ใดมารบกวนองค์หญิง ในวันนี้จึงเรียกได้เป็นวันแรกที่นางได้มองเห็นผู้คน
องค์หญิงสิบห้าได้ยินดังนั้นก็ดีใจยิ่งนัก นางเข้ามาจับมือองค์หญิงฝูชิงไว้ด้วยความสนิทสนมแล้วยิ้มกล่าวว่า “มีแค่พี่สิบสามเท่านั้นที่บอกเช่นนี้ คนอื่นมักหัวเราะเยาะข้าว่าข้าหน้ากลมดิ๊ก”
“หาได้เป็นเช่นนั้น น้องสิบห้าผิวพรรณดูดียิ่งนัก ไม่ว่าผู้ใดที่ได้พบเห็นล้วนต้องชื่นชอบ”
สำหรับองค์หญิงฝูชิงที่ใช้ชีวิตอยู่ในความมืดมนตลอดมา ทุกสิ่งอย่างที่มีสีสันนางล้วนชื่นชอบ
ขณะนั้นก็มีนางกำนัลยกสุราผลไม้มาวางไว้ด้านหน้าองค์หญิงทั้งหลาย
เสียงเพลงบรรเลงดังขึ้น นางรำทั้งหลายก็ได้เริ่มร่ายรำ
องค์หญิงสิบห้าฉวยโอกาสที่ทุกคนกำลังครึกครื้นสนุกสนานขยับเข้ามากระซิบข้างหูองค์หญิงฝูชิงว่า “พี่สิบสาม ข้าว่าผู้คนมากมายเช่นนี้ มีเพียงพี่สะใภ้เจ็ดที่งดงามที่สุด”
องค์หญิงฝูชิงจึงได้มองข้ามนางรำทั้งหลายไปยังโต๊ะฝั่งตรงข้าม
องค์หญิงสิบห้าหยิบจอกสุราผลไม้รสเปรี้ยวหวานขึ้นมาดื่มแล้วเอ่ยถามว่า “ใช่หรือไม่”
องค์หญิงฝูชิงพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ น้องสิบห้า เจ้ารอข้าสักครู่ ข้าจะไปดื่มคารวะพี่สะใภ้เจ็ดสักหน่อย”
นางยกจอกสุราขึ้นแล้วสูดดมได้กลิ่นบ๊วยจางๆ จึงวางลงก่อนจะกำชับนางกำนัลให้ไปรินสุราไป่ฮวายั่งมา จากนั้นลุกขึ้นยืนเดินตรงไปด้านหน้า
องค์หญิงสิบห้ารีบลุกขึ้นทันใดแล้วดึงชายเสื้อขององค์หญิงฝูชิงเอาไว้
องค์หญิงฝูชิงหยุดการกระทำของตนลงแล้วหันมามองทางองค์หญิงสิบห้า “น้องสิบห้า มีอะไรหรือ”
“พี่สิบสาม ข้าเองก็อยากจะไปดื่มแก่พี่สะใภ้เจ็ดด้วย นางรักษาดวงตาของพี่จนหาย ข้าดีใจยิ่งนัก”
องค์หญิงฝูชิงจึงยิ้มขึ้น นางเอ่ยถึงความคิดในใจขององค์หญิงสิบห้าออกมาว่า “จากที่ข้าดู เจ้าเพียงแค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น”
นางมองไม่เห็นมาสิบกว่าปี จู่ๆ ดวงตาคู่นี้ก็ถูกรักษาให้หายโดยพระชายาเยี่ยนอ๋อง มีผู้ใดบ้างเล่าที่ไม่สงสัย
“ไปกันเถอะ”
ทั้งสองคนเดินเข้าไปทางเจียงซื่อ
เจียงซื่อกำลังเผชิญหน้ากับสตรีคนอื่นๆ ในโต๊ะ แม้ว่านางจะจัดการโยนพระชายาฉีอ๋องออกไปได้แล้ว แต่ก็พยายามอดทนอดกลั้นกับคนอื่น สถานการณ์ตอนนี้นับว่าค่อนข้างดีทีเดียว
เมื่อเห็นองค์หญิงฝูชิงเดินตรงเข้ามา ทุกคนก็หยุดสนทนาแล้วยิ้มมอง
องค์หญิงฝูชิงโค้งกายคารวะอย่างนอบน้อม “ฝูชิงคารวะพี่สะใภ้ทุกท่าน”
จากนั้นองค์หญิงสิบห้าก็ทำการคารวะตาม
พระชายาทั้งหลายไม่กล้าที่จะรับการคารวะนั้น ต่างพากันคารวะกลับ
นี่คือองค์หญิงผู้สืบทอดสายตรงเพียงคนเดียวในราชวงศ์นี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นดุจดวงตาดวงใจของฮองเฮา แต่ก็ยังเป็นธิดาที่ฮ่องเต้ทะนุถนอมมากที่สุด ต่อให้พวกนางทั้งหลายเป็นพระชายาอ๋องก็ไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีเก่งกาจต่อหน้าองค์หญิงฝูชิง
ส่วนองค์หญิงที่เดินทางติดตามองค์หญิงฝูชิงมาข้างหลังนั้น เหอะๆ เพียงแค่รู้ลำดับของนางก็ไม่เลวแล้ว
องค์หญิงฝูชิงยกจอกขึ้นไปทางเจียงซื่อ “พี่สะใภ้เจ็ด ท่านรักษาดวงตาของฝูชิงจนหาย บุญคุณนี้ฝูชิงจะจำจดจำไว้ในดวงใจ สุราจอกนี้ฝูชิงขอดื่มให้แก่พี่สะใภ้เจ็ดเพคะ”
กำไรของเจียงซื่อและองค์หญิงฝูชิงกระทบกัน “องค์หญิงไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้หรอกเพคะ ก่อนหน้านี้เราได้คุยกันแล้วว่า นี่คือพรหมลิขิตระหว่างข้าและองค์หญิง”
พระชายาองค์อื่นๆ เมื่อได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตามอง
พระชายาเยี่ยนอ๋องสร้างความสัมพันธ์ได้เก่งยิ่งนัก พรหมลิขิตอย่างนั้นหรือ คิดว่าเทพเจ้าบนสวรรค์ผูกเชือกโยงองค์หญิงฝูชิงกับพระชายาเยี่ยนอ๋องไว้หรืออย่างไร
แต่ถึงกระนั้นทุกคนก็รู้ว่าพวกนางไม่มีสิทธิ์จะไปอิจฉาริษยา ใครใช้ให้ดวงตาขององค์หญิงฝูชิงรักษาหายได้โดยพระชายาเยี่ยนอ๋องกันเล่า
องค์หญิงฝูชิงยิ้มขึ้นเล็กน้อย “พี่สะใภ้เจ็ดกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ฝูชิงขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอก”
ทั้งสองคนดื่มสุราไปจนหมดจอก
องค์หญิงสิบห้าเห็นว่าทั้งสองคนดื่มเรียบร้อยแล้ว นางก็ได้ยกจอกขึ้นเล็กน้อยแล้วยิ้มว่า “พี่สะใภ้เจ็ดเพคะ น้องสิบห้าก็อยากจะดื่มให้ท่านเช่นกัน ขอบพระทัยที่รักษาดวงตาของพี่สิบสามจนหายเพคะ”
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงซื่อพบกับองค์หญิงสิบห้า นางรู้สึกดีและประทับใจเด็กสาวที่กักตัวอยู่แต่ในพระราชวังทว่ากลับร่าเริงได้ถึงเพียงนี้ นางเอื้อมมือไปรับสุราที่นางกำนัลรินให้จนเต็มแล้วยกจอกขึ้นหันไปทางองค์หญิงสิบห้ากล่าวว่า “องค์หญิงสิบห้า เกรงใจเกินไปแล้ว”
ทั้งสองคนชนจอกกันเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเจียงซื่อดื่มไปจนหมดจอก องค์หญิงสิบห้าก็รีบดื่มสุราในจอกจนหมดเช่นกัน
“พี่สะใภ้เจ็ดเพคะ ในวันนี้มีผู้คนเดินทางมาร่วมงานมากมาย เช่นนั้นวันนี้ข้าจะไม่รบกวนท่าน ไว้วันหลังจะเชิญท่านมานั่งเล่นในวัง ท่านจะต้องมาให้ได้” องค์หญิงฝูชิงเห็นว่าเจียงซื่อพยักหน้าตอบรับก็ดีใจยิ่งนัก นางเม้มริมฝีปากเบาๆ แล้วหันไปกระซิบว่า “น้องสิบห้า เรากลับไปกันเถิด”
แต่องค์หญิงสิบห้ากลับไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ
องค์หญิงฝูชิงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ นางจึงยื่นมือออกไปจับมือขององค์หญิงสิบห้าไว้ “น้องสิบห้า…”
แต่จู่ๆ องค์หญิงสิบห้าก็เป็นลมล้มลงสู่พื้น ท่าทางดูเจ็บปวด
นางกำนัลคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้กับองค์หญิงสิบห้าตะโกนร้องออกมาด้วยความตกใจ “โลหิต องค์หญิงโลหิตนองเพคะ!”
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนในพระราชวังตื่นแตกตื่น
เมื่อได้ยินว่าองค์หญิงมีโลหิตไหล พระหัตถ์ของฮองเฮาก็สั่นคลอน ทำให้สุราในจอกไหลนองเต็มโต๊ะ
“น้องสิบห้า!” องค์หญิงฝูชิงรีบวิ่งเข้าไปทางองค์หญิงสิบห้าที่นอนชักเกร็งอยู่ตรงโต๊ะ
ฮองเฮาจึงได้ถอนหายใจออกมาแล้วได้สติออกคำสั่งขึ้นด้วยน้ำเสียงอันดังว่า “เข้าไปรั้งองค์หญิงฝูชิงเอาไว้ รีบเรียกหมอหลวง!”
ทั้งฮ่องเต้และฮองเฮารีบวิ่งตรงเข้ามา บรรยากาศตรงหน้าจึงโกลาหลวุ่นวาย
องค์หญิงสิบห้าไม่อาจรอจนกระทั่งหมอหลวงเดินทางมาถึง นางก็สิ้นลมหายใจเสียก่อน
จากนั้นองค์หญิงฝูชิงก็ได้ทรุดกายลงร้องไห้ จิ่งหมิงฮ่องเต้ตะโกนด้วยน้ำเสียงอันดังว่า “องค์หญิงสิบห้าเป็นอะไรไป!”
หมอหลวงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นท่าทางตะกุกตะกัก แต่ละคนไม่กล้ากล่าวสิ่งใดออกมา
“จงบอกข้ามา ไม่เช่นนั้นข้าจะตัดศีรษะพวกเจ้าทั้งหลาย!”
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของฮ่องเต้ หมอหลวงคนหนึ่งจึงพยายามกลืนน้ำลายลงคอแล้วตอบว่า “ทูลฝ่าบาท องค์หญิงสิบห้า ดื่มพิษเข้าไปพ่ะย่ะค่ะ…”
“พิษใด?”
หมอหลวงทั้งหลายที่ถูกเอ่ยถามเช่นนั้นก็หันมองหน้ากันไปมา
จิ่งหมิงฮ่องเต้หัวเราะออกมาด้วยความเยือกเย็น “พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นหมอหลวงที่ถูกคัดเลือกมาอย่างเข้มงวด พวกเจ้า ไม่รู้อย่างงั้นหรือว่าองค์หญิงสิบห้าถูกพิษอะไร”
ในใจของหมอหลวงทั้งหลายรู้สึกขมขื่นยิ่งนัก
ต่างอาชีพนั้นห่างดั่งขุนเขากั้น การที่ฝ่าบาทดำรงตำแหน่งฮ่องเต้ได้เป็นอย่างดี มิได้หมายความว่าเขาจะสามารถเอ่ยเรื่องราวไร้สาระเหล่านี้เกี่ยวกับการรักษาคนได้
ใต้หล้าใหญ่โตเพียงนี้มีเรื่องประหลาดมากมายนับไม่ถ้วน และพิษเป็นสิ่งที่ตรวจสอบออกมาได้ยากที่สุด แต่ประโยคนี้พวกเขาทำได้เพียงเก็บไว้ในใจ เพราะหากทูลฮ่องเต้ก็คงจะเท่ากับหาที่ตาย
หมอหลวงคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า “ทูลฝ่าบาท หากต้องการรู้ว่าองค์หญิงสิบห้าถูกพิษใด จะต้องหาต้นเหตุของพิษให้เจอก่อน อาทิเช่น ได้เสวยสิ่งใดหรือสัมผัสสิ่งใดบ้างพ่ะย่ะค่ะ”
แม้ว่าจิ่งหมิงฮ่องเต้จะรู้สึกไม่พอพระทัย แต่ก็ได้หันไปเอ่ยถามองค์หญิงฝูชิงว่า “ฝูชิง เมื่อครู่เจ้าอยู่กับองค์หญิงสิบห้าใช่หรือไม่”
องค์หญิงฝูชิงพยักหน้าทั้งน้ำตา
“องค์หญิงสิบห้ามีสิ่งใดผิดปกติไปหรือไม่”
องค์หญิงฝูชิงเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น นางไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา
องค์หญิงใหญ่หรงหยางกล่าวแทรกเข้ามาว่า “เสด็จพี่ เมื่อครู่บริเวณนั้นค่อนข้างครึกครื้น น้องได้ชายตามองไปพบว่าองค์หญิงสิบห้าร่วมดื่มสุรากับพระชายาเยี่ยนอ๋องเพคะ”
สายตาของทุกคนจึงมองไปที่เจียงซื่อ
จิ่งหมิงฮ่องเต้ขมวดคิ้วเข้าหากัน “พระชายาของเหล่าชี เป็นเช่นนี้จริงหรือ”
“เพคะ เมื่อครู่องค์หญิงสิบห้าได้ร่วมดื่มกับหม่อมฉัน ทว่าสุราที่องค์หญิงสิบห้าดื่ม นางนำมาจากโต๊ะนั้นเพคะ”