ตอนที่ 421 เยี่ยมนักโทษตู้กวงฮุย

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 421 เยี่ยมนักโทษตู้กวงฮุย

หลินม่ายพูดอย่างจริงจัง “เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง นายห้ามผลีผลามเป็นอันขาด กวนหย่งหัวมีฐานะเป็นนักธุรกิจฮ่องกง ได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างแน่นหนา ถ้านายไปหาเรื่องเขา ก็ไม่ต่างกับการชักภัยเข้าตัว วางใจเถอะ ฉันจะต่อสู้กับเขาอย่างเปิดเผยที่ห้างสรรพสินค้า และจะทำให้เขาศิโรราบไปเลย!”

เฉินเฟิงส่งรอยยิ้มบางที่สื่อว่า “ฉันเชื่อเธอ” แล้วพูดขึ้น “ไล่เจ้ากวนหย่งหัวให้หอบคนกับโรงงานกลับบ้านเกิดของเขาไปให้หมดเลยจะดีที่สุด!”

หลินม่ายเดินออกไปข้างนออกพลางพูดไปด้วย “ไล่ให้กวนหย่งหัวหอบโรงงานกลับบ้านเกิดไปน่ะทำในความเป็นจริงไม่ได้หรอก ทำได้แค่กลั่นแกล้งเขาให้หนัก เอาให้เขากลับตัวกลับหลังไม่ได้เลย อีกอย่างถึงไล่ซีม่านไปได้ เดี๋ยวก็มีตงม่าน เป่ยม่านหรือหนานม่านมาอีก(1) ประเทศชาติกำลังจะปฏิรูปเปิดประเทศ จำเป็นต้องนำการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามา จึงมีบริษัทลงทุนจากต่างประเทศจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามา ทางกว่างโจวก็เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ตอนนี้ที่นั่นมีการลงทุนจากต่างประเทศอยู่ทุกหนทุกแห่ง ดังนั้นสิ่งที่จะทำได้ก็คือต้องดีเลิศยิ่งกว่าบริษัทลงทุนต่างประเทศพวกนั้น เพื่อคานอำนาจกันกับพวกเขา แต่ไม่ใช่การกำจัดพวกเขา เพราะไม่มีทางที่จะกำจัดให้สิ้นซากได้ งั้นก็ทำได้เพียงอยู่ร่วมกันไป”

เฉินเฟิงเดินตามเธอออกจากห้องทำงานอยู่ด้านหลัง แล้วใช้ขาปิดประตู “หลังจากนี้เธอคงต้องยุ่งหน่อยล่ะ”

หลินม่ายส่ายหน้า “คงไม่ยุ่งมากนักหรอก ก็มีนายกับพวกผู้จัดการเหรินช่วยฉันอยู่ไม่ใช่เหรอ จริงสิ ที่ไซต์ก่อสร้างทั้งหมดเรียบร้อยดีใช่ไหม”

เฉินเฟิงพยักหน้า “มีผู้อาวุโสเจิ้งคอยคุมงานอยู่ ทั้งหมดเรียบร้อยดี เขาไม่เพียงแต่ชี้แนะการซื้อวัสดุอุปกรณ์และดำเนินการก่อสร้างเท่านั้น แม้แต่เรื่องความปลอดภัยก็ยังให้ความสำคัญอย่างเคร่งครัด ฉันทำตามที่เขาบอก หมวกนิรภัยที่พวกคนงานใส่ฉันก็ซื้อแบบที่แพงที่สุดทั้งหมด”

หลินม่ายพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ฉันจะขึ้นโบนัสให้ผู้อาวุโสเจิ้งทุกเดือนนายรีบกลับไปดูแลที่ไซต์ก่อสร้างเถอะ อย่าผลักภาระของตัวเองไปให้ผู้อาวุโสเจิ้งหมดล่ะ”

เฉินเฟิงส่งเสียงอืมตอบรับ แต่ฝีเท้าก็ไม่ได้เร็วขึ้นแต่อย่างใด

เขาลอบมองหลินม่ายเป็นระยะ

สาวน้อยสวมมินิสเกิร์ตแล้วสวยจริงๆ เขายังอยากจะแอบมองอีกสักหน่อย

หลินม่ายถามถึงเรื่องการสมัครเป็นทหารของเหลียนเฉียวขึ้นมา “เหลียนเฉียวได้รับคัดเลือกหรือยัง?”

เฉินเฟิงหัวเราะเบาๆ เล็กน้อย “การตรวจสอบทางการเมือง ระดับการศึกษา และสมรรถภาพร่างกาย…ทั้งหมดบรรลุถึงเป้าหมายทั้งหมด แล้วจะไม่ได้รับคัดเลือกได้ยังไงกัน?”

หลินม่ายนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง แล้วถามขึ้น “ทหารใหม่ที่ได้รับคัดเลือกจะต้องแยกกันไปประจำการในอีกไม่นานแล้วไม่ใช่เหรอ?”

เฉินเฟิงพยักหน้า “เหลียนเฉียวต้องไปประจำการที่เหอหนานก่อนเทศกาลไหว้พระจันทร์ และดำเนินการฝึกฝนทหารใหม่ในระยะเวลาสามเดือน”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา

เหลียนเฉียวโตมากับเขาตั้งแต่เด็ก หล่อนไปสมัครเป็นทหาร ไปครั้งนี้ก็เป็นเวลาสองปี ในใจของเขาอย่างไรก็รู้สึกไม่ดีอยู่บ้าง

แต่หากไม่ส่งหล่อนไปเป็นทหาร แล้วให้หล่อนควบคุมอารมณ์ตัวเอง เขาก็กลัวว่าหล่อนจะทำอะไรที่เกินขอบเขตกับหลินม่ายขึ้นมา

หลินม่ายนิ่งเงียบไปอีกครั้ง พูดขึ้น “หวังว่ากลับมาจากการเป็นทหารสองปี เหลียนเฉียวจะโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นสักหน่อย อย่าได้ดื้อรั้นถือทิฐิขนาดนั้นเลย”

ทั้งสองคนเดินไปคุยไป ไช่เจาตี้ก็วิ่งเข้ามา พูดกับหลินม่าย “หัวหน้าโรงงานหลินคะ ฉันมีเรื่องจะรายงานคุณค่ะ”

พูดจบ หล่อนก็เหลือบมองไปยังเฉินเฟิง

เฉินเฟิงโบกมือให้กับหลินม่ายอย่างรู้ตัว “ฉันไปก่อนล่ะ”

ไช่เจาตี้รอจนกระทั่งเขาเดินไปไกล แล้วจึงพูดกับหลินม่ายด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หัวหน้าโรงงานหลิน ฉันรู้สึกเหมือนว่ารายการบัญชีที่หัวหน้าแผนกทังรับผิดชอบอยู่จะมีปัญหาค่ะ”

หลินม่ายเปลี่ยนสีหน้าจริงจังขึ้นมา “เหมือนว่า? เป็นการคาดเดาอย่างไร้มูล หรือว่าพบอะไรมาบ้างเหรอคะ?”

“ฉันพบบางอย่างค่ะ ในรายการบัญชีมีส่วนที่ไม่ตรงกันเล็กน้อย แต่จำนวนก็ไม่ได้มากนัก ฉัน…ฉันก็เลยค่อนข้างไม่กล้าจะยืนยันค่ะ”

หลินม่ายพยักหน้าแล้วพูด “ฉันจะให้รองผู้จัดการเหรินตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด คุณอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นนะคะ”

ไช่เจาตี้พยักหน้า แล้วกลับไปที่ห้องทำงาน

หลินม่ายเรียกเถาจืออวิ๋นออกมาจากห้องทำงาน เล่าสถานการณ์ที่ไช่เจาตี้มารายงานเมื่อครู่นี้กับเธอ

พอเหรินเป่าจูกลับมาแล้ว ให้เธอจัดการเรื่องนี้ในทันที

ตอนนี้เหรินเป่าจูไม่อยู่ที่โรงงาน เพราะออกไปตรวจตราบูธขายสินค้าในแต่ละที่แล้ว

เถาจืออวิ๋นพยักหน้าด้วยสีหน้าหนักแน่นจริงจัง ไม่เข้าใจวิธีการของทังชุ่นอิงอย่างยิ่ง “หล่อนได้เข้ามาทำงานที่ Unique ของเราอย่างยากลำบาก แต่กลับไม่ดูแลให้ความสำคัญกับตำแหน่งการงานเลยแม้แต่น้อย สมองมีปัญหาจริงๆ!”

แต่หลินม่ายกลับไม่คิดว่าสมองของหล่อนมีปัญหาอะไร

เธอจำได้ว่าวันนั้นที่รับสมัครไช่เจอตี้กับจินชุนเปี่ยวเข้าทำงาน ไช่เจาตี้เคยถามเรื่องอาการป่วยของทังชุ่นอิงมาก่อน

ทังชุ่นอิงคงจะยอมเสี่ยงด้วยความเข้าตาจน เพื่อรักษาอาการป่วยของลูกชาย จึงยักยอกเงินบริษัทไป

แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่หล่อนจะยักยอกเงินของบริษัทไปได้ ควรจะจัดการอย่างไรก็ต้องจัดการเช่นนั้น

……

หลินม่ายไปที่ศาลเพื่อฟ้องร้องเสื้อผ้าซีม่านในข้อหาคัดลอกและเลียนแบบ

สหายที่ศาลฟังแล้วก็นิ่งงันไปพักใหญ่ แล้วเอ่ยขึ้น “กฎหมายของเราในปัจจุบันนี้ยังไม่มีข้อบังคับและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องการคัดลอกเลียนแบบเสื้อผ้า จึงไม่สนับสนุนคดีความประเภทนี้”

คำตอบของสหายในศาลอยู่ในการคาดการณ์ของหลินม่าย

เธอจากไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย

เธอยืนครุ่นคิดอยู่ที่ประตูศาลครู่หนึ่ง แล้วไปยังเรือนจำที่ตู้กวงฮุยต้องโทษอยู่

หลังจากที่รออยู่ในพื้นที่สำหรับรอครู่หนึ่ง ตำรวจประจำเรือนจำนายหนึ่งก็พาเธอไปยังเบื้องหน้าตู้กวงฮุย

หลินม่ายจำตอนที่มาพบอู๋เสี่ยวเจี๋ยนที่เรือนจำครั้งล่าสุดได้ ตอนนั้นยังนั่งอยู่ที่โต๊ะได้อยู่เลย

แต่ครั้งนี้กลับทำไม่ได้ ทำได้เพียงพูดคุยกับนักโทษทางหน้าต่างเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าเรือนจำได้เพิ่มระดับการควบคุมแล้ว

ตู้กวงฮุยเห็นว่าคนที่มานั้นคือหลินม่าย เขาพลันโพล่งขึ้นมาอย่างค่อนข้างประหลาดใจ “เธอมาได้ยังไง? ฉันก็ติดคุกไปแล้ว เธอยังจะเอาอะไรอีก?”

พูดจบ เขาก็จ้องเขม็งมาที่หลินม่ายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเจตนามุ่งร้ายและระแวดระวัง

หลินม่ายยิ้มบางอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้มาหาเรื่องคุณหรอกค่ะ แค่อยากจะบอกคุณว่าผู้หญิงที่คุณทุ่มเทให้สุดจิตสุดใจ จนถึงกับแบกรับโทษทุกอย่างแทนหล่อน กลับมีคนรักใหม่เสียแล้ว”

แม้ตอนนี้ตู้กวงฮุยจะติดคุก ถึงหลินม่ายจะบอกเขาไปว่าหวังหรงมีแฟนหนุ่มแล้ว เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้

แต่เธอก็สามารถหว่านแหรอดักปลาตัวใหญ่ได้ รอจนตู้กวงฮุยออกจากคุกแล้วค่อยสั่งสอนหวังหรง

หวังหรงใช้กวนหย่งหัวมาลอบกัดเธอ เธอก็ต้องสนองกลับด้วยการยืมมือตู้กวงฮุยสวนกลับไปให้หล่อนสักหมัด ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ยุติธรรมกับตัวเธอเอง

แม้ว่าเวลาที่หมัดนี้จะไปถึงตัวของหวังหรงจะยาวนานไปสักหน่อย แต่ถึงอย่างไรก็ดีกว่าไปประจันหน้ากับหล่อนโดยตรง

หลักการของหลินม่ายคือ การต่อกรกับคนเลวที่กลั่นแกล้งเธออย่างร้ายแรง ไม่ว่าเวลาจะช้าหรือเร็ว เธอก็จะหาทางตอบโต้กลับไปให้ได้

เธอมันพวกหยาจื้อมีแค้นย่อมสนอง(2)อยู่แล้ว!

ตู้กวงฮุยถามอย่างสงสัย “ที่เธอพูดคือหวังหรงงั้นเหรอ?”

หลินม่ายพูดอย่างขบขัน “พูดอย่างกับว่าคุณยังมีคนในดวงใจอีกคนอย่างนั้นแหละ คุณรักเพียงแค่หวังหรงไม่ใช่เหรอคะ?”

เธอหยิบภาพของหวังหรงกับกวนหย่งหัวที่เฉินเฟิงให้มาเหล่านั้นยื่นให้ตู้กวงฮุย “คุณลองดูสิ ผู้หญิงคนนั้นในรูปนี้ใช่หวังหรงคนในดวงใจของคุณหรือเปล่า?”

ทันทีที่ตู้กวงฮุยเห็นรูปภาพเหล่านั้น ใบหน้าก็หม่นทะมึนราวกับก้นหม้อ

เมื่อเห็นท่าทางที่โกรธจนแทบอยากจะฆ่าคนของตู้กวงฮุยแล้ว หลินม่ายก็รู้สึกดีใจขึ้นมา

“ฉันจะบอกให้นะ คุณเทียบกับแฟนคนปัจจุบันของหวังหรงแล้วแข่งกันไม่ได้เลยสักนิดเดียว เขาเป็นถึงเถ้าแก่ใหญ่ในฮ่องกงเชียวนะ คุณเสียสละมากมายขนาดนี้ ก็ได้แต่ทำชุดแต่งงานให้คนอื่นเท่านั้น” พูดจบ เธอก็ยกยิ้มมุมปากพร้อมกับเดินจากไป

เมื่อกลับมาถึงบ้าน หลินม่ายก็โทรศัพท์หาหนิวลี่ลี่

บอกหล่อนว่าเมื่อครู่เธอเพิ่งไปตรวจตราบูธขายสินค้าของตัวเองที่ห้างเจียงเฉิงมา ก็ค้นพบโดยบังเอิญว่าสไตล์ของเสื้อผ้าซีม่านส่วนใหญ่นั้นล้วนลอกเลียนแบบสไตล์เสื้อผ้าของเสื้อผ้า Unique ทั้งนั้นเลย

หนิวลี่ลี่ถาม “คุณสามารถเอาหลักฐานที่พิสูจน์ว่าคนอื่นลอกเลียนแบบคุณออกมาได้ไหมคะ?”

“หลักฐานมันก็เห็นกันชัดเจนอยู่แล้วนะคะ เสื้อผ้า Unique ของเราออกวางตลาดสไตล์พวกนี้มาก่อน แต่เสื้อผ้าซีม่านนั้นมาออกวางขายเอาทีหลัง”

หนิวลี่ลี่พูดขึ้นในสาย “ฉันจะไปสัมภาษณ์ผู้จัดการใหญ่ของเสื้อผ้าซีม่านเดี๋ยวนี้เลย เขาจะว่ายังไงกันนะ”

หลินม่ายวางสายโทรศัพท์ มุมปากยกยิ้มบาง

ในเมื่อศาลจัดการไม่ได้ อย่างนั้นก็เปิดโปงเรื่องการลอกเลียนแบบของซีม่านผ่านสื่อนี่แหละ

โดยสรุปแล้ว คือต้องประกาศให้ทุกคนได้รับรู้เรื่องนี้

หลินม่ายเรียนหนังสือจนถึงเวลาประมาณ 11 โมง แล้วจึงไปที่วิลล่า

ยังไม่ทันได้เข้าประตูรั้ว ก็มองเห็นคนจัดสวนห้าหกคนกำลังทำการก่อสร้างอยู่ผ่านรั้วเหล็กดัด

คุณปู่คุณย่าฟางเฝ้าดูการก่อสร้างของพวกเขาด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ทั้งยังพูดคุยกับคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าคนงานเป็นครั้งคราวอีกด้วย

โต้วโต้วเข้าโรงเรียนแล้ว อาหวงจึงนอนหมอบอยู่ใต้ร่มไม้อย่างเกียจคร้าน มองดูคนจัดสวนทำงานวุ่นวายกันด้วยความเบื่อหน่าย

เมื่อเห็นว่าหลินม่ายมา มันก็เห่าโฮ่งๆ ด้วยความตื่นเต้น ทำเอาคุณปู่คุณย่าฟางทั้งสองคนตกอกตกใจ

คุณย่าฟางตะโกนคุยกับหลินม่าย “ประตูรั้วไม่ได้ล็อค มันเปิดอยู่จ้ะ!”

หลินม่ายผลักประตูรั้วเปิดออก แล้วเข็นจักรยานเดินเข้าไป

เธอจอดจักรยานไว้ข้างๆ ประตูรั้ว แล้วเดินไปหาคุณปู่คุณย่าฟางทั้งสองคน

คุณย่าฟางถามขึ้น “ทำไมหนูมาเร็วขนาดนี้ล่ะ?”

หลินม่ายใช้สายตาชี้ไปที่วิลล่า “ฉันกลัวว่าน้าหวงจะทำอาหารเที่ยงไม่อร่อย ก็เลยมาล่วงหน้าน่ะค่ะ”

(1)ตง (东) หนาน(南) ซี(西) เป่ย(北) คือชื่อทิศตะวันออก ใต้ ตะวันตก และเหนือ ตามลำดับ (คำว่าซี ในชื่อซีม่านนั้นก็คือซี(西)ทิศตะวันตกนั่นเอง)

(2)หยาจื้อมีแค้นย่อมสนอง เป็นสำนวนที่หมายถึง แม้ความขุ่นเคืองเพียงเล็กน้อยก็ต้องตอบโต้ (หยาจื้อคือชื่อของลูกมังกรตัวที่เจ็ดหรือองค์ชายเจ็ดแห่งวังมังกร มีลักษณะนิสัยดุร้าย โกรธง่าย แผ่รังสีสังหารรุนแรง นิยมนำมาทำเป็นด้ามอาวุธ บริเวณรอยต่อตัวด้ามกับคมกระบี่หรือง้าว)

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ม่ายจื่อจะยืมแฟนเก่ายัยหรงเป็นมือปืนเสียแล้วสิ แถมร้องเรียนออกสื่อด้วย เน่าแน่ยัยหรง

ไหหม่า(海馬)