บทที่ 416 เจ้ารู้วิธีเป่าเซียวหรือเปล่า?
บทที่ 416 เจ้ารู้วิธีเป่าเซียวหรือเปล่า?
เมื่อเห็นอารมณ์อ่อนไหวในดวงตาของนาง ในที่สุดซูอันก็รู้ว่ามีรอยร้าวปรากฏขึ้นในเกราะป้องกันจิตใจของนาง เผยให้เห็นความรู้สึกที่แท้จริงข้างใน “แม่นางชิว เจ้าอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ของชีวิต หัวใจของเจ้าควรเปี่ยมล้นด้วยความปิติยินดีดุจแสงตะวัน ไม่ใช่โศกเศร้าราวกับถูกปกคลุมไปด้วยรอยแผลเป็นในชีวิต”
ชิวฮัวเล่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “จากคำพูดนี้ ท่านคงมองว่าความคิดของข้าอาวุโสเกินอายุไปสักหน่อยใช่ไหม?”
ซูอันถอนหายใจ “ดนตรีมาจากจิตวิญญาณ ไม่ว่าสิ่งที่ข้าอธิบายจะเป็นจริงหรือไม่ มีเพียงตัวเจ้าเองเท่านั้นที่รู้”
รอยยิ้มอันแสนหวานของชิวฮัวเล่ยเริ่มจางลงทีละน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาพูดตรงใจนาง
“เราขอให้เจ้าแสดงวิธีการนำเครื่องดนตรีต่าง ๆ มาบรรเลงรวมกัน ทำไมเจ้าถึงพูดพล่ามไม่หยุดเกี่ยวกับเรื่องบ้าอะไรพวกนี้?”
เฉินเซวียนที่ฟังมาตลอดจึงเริ่มหมดความอดทน และจากนั้นฝูงชนก็ให้การสนับสนุนคำพูดของเขากันอย่างเซ็งแซ่
รอยยิ้มที่เกิดขึ้นจากการปั้นแต่งปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชิวฮัวเล่ยอีกครั้งเช่นกัน “ถูกต้อง นายน้อย หญิงต่ำต้อยผู้นี้ยังคงรอให้ท่านเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้นอยู่เช่นกัน”
ซูอันขอให้เล้งส่วงเยว่ซึ่งอยู่ข้าง ๆ เขา ไปนำเครื่องดนตรี ‘เซียว’ มาให้ก่อนที่จะหันไปหาชิวฮัวเล่ย “เจ้ารู้วิธีเป่าเซียวไหม?”
“แน่นอน” ชิวฮัวเล่ยยิ้มรับ
เสียงที่กระตือรือร้นดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน และชิวฮัวเล่ยก็ตระหนักในความผิดพลาดของนางในทันที ใบหน้าของนางแดงและนางก็พูดด้วยท่าทางไม่พอใจ “นายน้อยกำลังดูหมิ่นข้าเหรอ?”
“ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย!” ใบหน้าของซูอันมืดลง เขาจ้องไปที่ฝูงชนอย่างดุเดือด คนงี่เง่าพวกนี้ไร้สาระกันจริง ๆ เรื่องที่ควรฉลาดกลับไม่ฉลาด แต่เรื่องที่ไม่ควรฉลาดกลับแสนรู้กันอย่างรวดเร็ว!
“ถ้าหากวิเคราะห์ถึงเสียงของเครื่องดนตรีทุกประเภทดี ๆ แล้ว เซียวและพิณจะเข้าคู่กันได้ดีที่สุด”
ชิวฮัวเล่ยพยักหน้า “ถึงท่านจะพูดอย่างนั้น แต่โทนเสียงของพิณมีเอกลักษณ์เกินไป ถ้าเล่นพร้อมกันเสียงของเซียวจะถูกบดบังโดยเสียงพิณจนหมด”
ซูอันยิ้มตอบ “ข้ามีเพลงในใจที่เข้ากันได้ดีกับพิณและเซียว”
“จริงเหรอ?” ดวงตาของชิวฮัวเล่ยสว่างขึ้น แม้แต่เซี่ยเต๋าอวิ๋นก็ยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้หน้าต่างโดยไม่รู้ตัว
ซูอันดูมั่นใจมาก เขามีเพลงที่เข้ากันได้จริง ๆ เหรอ?
“ข้าจะเขียนโน้ตออกมาให้เจ้า จากนั้นข้าจะเล่นพิณ และแม่นางชิวจะช่วยข้าเป่าเซียว” ซูอันสั่งให้เล้งส่วงเยว่นำกระดาษมาให้เขา
ซูอันเคยใช้ดนตรีสร้างสัมพันธ์กับซางหลิวอวี้มาก่อน เนื่องจากมันได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นวิธีที่ได้ผล เขาจึงยังคงศึกษามันเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกับนางมากขึ้น
สิ่งนี้ทำให้เขาสนใจดนตรีของโลกใบนี้เป็นพิเศษ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่การถ่ายทอดบทเพลงจากโลกก่อนหน้านี้ของเขาในแบบที่ผู้คนในโลกนี้เข้าใจได้ไม่ยากจนเกินไป
“แน่นอน…” ชิวฮัวเล่ยรับเซียวจากเขา อย่างไรก็ตามเมื่อนางคิดได้ถึงเรื่องหนึ่ง ใบหน้าของนางก็หน้าแดงก่ำ
ผู้ชายคนนี้จงใจทำสิ่งนี้!
ซูอันไม่ได้สังเกตในขณะที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการจดโน้ตเพลงลงบนกระดาษ เดิมทีเขาเรียนรู้วิธีเล่นเพลงนี้เพื่อใช้จีบเด็กผู้หญิง เพราะชายหนุ่มชอบซีรีส์เรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรมาก ดังนั้นจึงจำเพลงนี้ได้ขึ้นใจ
เพลงนี้คือเพลง ‘ยิ้มเย้ยยุทธจักร’ ของเจมส์ หว่อง แต่เป็นเพลงที่แต่งโดย วิลเลี่ยม ฮูเวยลี่ นักแต่งเพลงระดับปรมาจารย์สำหรับซีรีย์ที่นำแสดงโดยแจ๊คกี้ หลุยส์
“หืม? เพลงนี้ไม่เหมือนกับเพลงใด ๆ ที่ข้าเคยเห็นเลย มันดูใหม่มากจนเหมือนกับเพิ่งถูกแต่งขึ้น…” ในฐานะผู้เชี่ยวชาญในด้านดนตรี ชิวฮัวเล่ยจึงสามารถสังเกตได้ทันทีว่าเพลงนี้แตกต่างจากที่นางเคยพบมาก่อนอย่างสิ้นเชิง
ชายผู้นี้สามารถทำให้พิณและเซียวบรรเลงร่วมกันได้จริง ๆ งั้นเหรอ?
หลังจากที่ได้เห็นท่วงทำนองที่วางอยู่ตรงหน้า สีหน้าของนางก็กลายเป็นจริงจัง
“แม่นางชิวจะเล่นได้ไหม?” ซูอันถาม
“โน้ตดนตรีดูไม่คุ้นเคยเล็กน้อย แต่ผู้น้อยสามารถลองดูก่อนได้” ชิวฮัวเล่ยรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ขณะที่นางสังเกตเห็นตัวโน้ตที่ค่อนข้างยาก
“ถ้าอย่างนั้นมาเริ่มกันเลย” ซูอันนั่งลงตรงหน้าพิณ ท่าทางของเขาตอนนี้ดูสง่างามมากกว่ายามปกติ
นิ้วของเขาเคลื่อนไปตามสายพิณเบา ๆ ทำให้เกิดเสียงที่ผ่อนคลายและไพเราะดังกังวานไปทั่วทั้งห้องโถง
การแสดงออกที่ไม่เห็นด้วยของเซี่ยเต๋าอวิ๋นหยุดนิ่งทันที
การแสดงออกของเพ่ยเหมียนหมานก็แปลกไปเล็กน้อย ชายคนนี้มีทักษะแปลก ๆ รอบด้านขนาดนี้เลยเหรอ? ชูเหยียนรู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง? หรือนี่คือเหตุผลที่นางเลือกเขาเป็นสามีหรือไม่?
ผู้ชมคนอื่น ๆ ต่างก็รอคอยที่จะหาข้อผิดพลาด แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อซูอันนั่งลง ฝูงชนก็สัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติในทันที
เมื่อซูอันเริ่มดีดพิณ ท่วงทำนองอันเร่าร้อนของทุก ๆ ตัวโน้ตของชายหนุ่มก็โบยบิน
เสียงพิณของซูอันนั้นค่อย ๆ บรรจบกับเสียงของเซียว ประกอบกันเป็นท่วงทำนองแห่งความเศร้าโศก อย่างไรก็ตาม ชิวฮัวเล่ยดูเหมือนจะไม่ค่อยเชี่ยวชาญในการเล่นเซียวเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับทักษะพิณของนาง
เซี่ยซิวไม่สามารถซ่อนความสับสนได้ “ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง ทักษะเซียวของชิวฮัวเล่ยไม่ควรด้อยกว่าทักษะพิณมากนัก ทำไมเสียงเซียวของนางฟังดู…ธรรมดาไปหน่อย”
เขาได้เลือกใช้คำพูดที่สุภาพที่สุดในการอธิบายสิ่งที่เขาได้ยินแล้ว เสียงเซียวของชิวฮัวเล่ยเสียจังหวะอยู่บ่อย ๆ ทำให้ขาดความราบรื่น แม้กระทั่งเขาก็ยังรู้สึกได้ ถ้าเป็นคนอื่นคงโดนไล่ลงจากเวทีไปนานแล้ว
เซี่ยเต๋าอวิ๋นขมวดคิ้ว “อาจเป็นเพราะนางไม่คุ้นเคยกับเพลงนี้…”
นางไม่สามารถหาเหตุผลอื่นต่อได้ ไม่มีทางที่ผู้เชี่ยวชาญในด้านดนตรีจะเล่นได้เละเทะขนาดนี้ จริงไหม?
ด้วยการเป่าเซียวที่ติดขัด ในที่สุดชิวฮัวเล่ยก็หยุดเป่าและลดเซียวลงด้วยใบหน้าแดงก่ำ นี่มันน่าอายเกินไปจริง ๆ! นางเล่นเพลงนี้ไม่ได้!
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสงสัยในทักษะทางดนตรีของนาง พวกเขาทั้งหมดรีบสร้างความมั่นใจให้กับนาง
“ถ้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญดนตรีอย่างแม่นางชิวก็คงไม่สามารถเล่นเพลงนี้มาได้ถึงขนาดนี้!”
“ใช่! ไอ้หนู อย่าลากแม่นางชิวลงเหวไปด้วยถ้าตัวเจ้าเองก็ไม่รู้วิธีเล่นเหมือนกัน!”
…
อย่างไรก็ตาม มีไม่กี่คนในฝูงชนที่รู้สำเนียงดนตรี สำหรับพวกเขา การเล่นของซูอันให้ความรู้สึกอิสระ เป็นธรรมชาติ ไม่ถูกบังคับ และไพเราะอย่างไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
หวางหยวนหลงอดไม่ได้ที่จะสะกิดฉู่อวี้เฉิง “ดูเหมือนว่าข้าจะถูกข่าวลือหลอกเอานะ ก่อนหน้านี้ข้าหลงคิดว่าเขยของตระกูลฉู่เป็นคนไร้ประโยชน์ แต่ตอนนี้เขากลับเล่นพิณได้ด้วย! ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่เลือกเขาเป็นสามี” เขาถอนหายใจด้วยความชื่นชม
ฉู่อวี้เฉิงทำท่าทางแปลก ๆ เขาสะกิดฉู่ฮงไฉซึ่งอยู่ข้าง ๆ เขา “เจ้าเคยคิดไหมว่าจะมีเรื่องอย่างนี้?”
ฉู่ฮงไฉส่ายหัวอย่างโง่งม ความขมขื่นแผ่กระจายไปทั่วใบหน้าขณะที่เขาเฝ้าดูชิวฮัวเล่ยและซูอัน
ฉู่อวี้เฉิงดูเหมือนจะเดาออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเอื้อมมือไปปลอบลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกท้อแท้ พวกเขากำลังเล่นดนตรีคู่กันเท่านั้น มันไม่มีความหมายอะไรมากกว่านั้น อีกอย่าง แม้ว่าพวกเขาจะทำอะไรร่วมกัน มันจะดีกว่าถ้าเป็นอาซู แทนที่จะเป็นคนอื่น อย่างน้อยเขาก็คนตระกูลเดียวกับเรา!”
ฉู่ฮงไฉไม่ตอบรับใด ๆ
เจ้าหมายถึงอะไร ‘อย่างน้อยเขาก็คนตระกูลเดียวกับเรา’? ข้าควรจะรู้สึกสบายใจกับคำปลอบแบบนี้เนี่ยนะ?
ซูอันก็หยุดบรรเลงพิณเพื่อปลอบโยนชิวฮัวเล่ย “เพลงนี้ค่อนข้างยาก ท่วงทำนองเปลี่ยนไปตลอดเวลา ถ้าเจ้าไม่คุ้นเคยกับท่วงทำนองนี้ก็ยากที่จะเล่นได้อย่างถูกต้อง”
ชิวฮัวเล่ยยิ้มให้เขาอย่างชื่นชม แม้ว่าปกติแล้วนางจะเป็นหญิงสาวที่งามล่มเมือง แต่นางลึก ๆ นางก็ยังคงเป็นหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่ง นางจึงไม่เคยพบกับสถานการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้มาก่อน ซึ่งทำให้ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
ซูอันอธิบายวิธีง่าย ๆ ในการแก้ไขปัญหาอย่างละเอียดถี่ถ้วน รวมถึงบางท่วงทำนองในเพลงที่สมควรเพ่งสมาธิเป็นพิเศษ
ชิวฮัวเล่ยค่อย ๆ สงบลง นางหลับตาเพื่อตั้งสมาธิ แล้วอ่านตัวโน้ตตั้งแต่ต้นจนจบอีกรอบ จนท้ายที่สุดนางก็เข้าใจว่าทำไมนางถึงเล่นได้ไม่ราบรื่น
“มาลองกันใหม่!” ใบหน้าของของชิวฮัวเล่ย เต็มไปด้วยความคาดหวังอีกครั้ง นางไม่เพียงแต่พร้อมที่จะแก้ตัวสำหรับการแสดงที่น่าอับอายก่อนหน้านี้ แต่เพลงนี้น่าทึ่งสำหรับนางจริง ๆ และนางก็อยากฟังว่าถ้าเล่นอย่างถูกต้องแล้วมันจะออกมาเป็นอย่างไร
“ได้เลย!” ซูอันยิ้ม เมื่อเห็นว่านางพร้อมแล้ว เขาก็เริ่มดีดพิณเบา ๆ
ชิวฮัวเล่ยเม้มริมฝีปากสีแดงสดของนางและเป่าเซียวเบา ๆ สิบนิ้วของนางเคลื่อนไปตามเซียวราวกับว่าพวกมันกำลังร่ายรำ
เสียงเพลงเริ่มจูงใจของทุกคน ท่วงทำนองของพิณและเซียวสอดคล้องกันวกไปวนมาราวกับว่าทั้งสองกำลังสนทนากันอย่างสนิทสนม ซึ่งมันทำให้ผู้ชายในห้องโถงต่างตกอยู่ในทะเลแห่งความอิจฉาริษยาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ละคนปรารถนาอย่างแรงกล้าว่าพวกเขาอยากจะเป็นคนที่มีโอกาสเช่นนี้กับแม่นางชิวบ้าง