ตอนที่ 423 อยากกินคุณมากกว่า

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 423 อยากกินคุณมากกว่า

ไม่กี่นาทีต่อมา เสียงกริ่งเลิกเรียนของโรงเรียนอนุบาลก็ดังขึ้น

เหล่าผู้ปกครองที่มารับลูกหลานต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอ

ไม่นานนัก คุณครูก็นำเพื่อนตัวน้อยในชั้นของตนเดินขบวนเรียงแถวกันออกมาอย่างเป็นระเบียบ

เหล่าผู้ปกครองพากันกรูเข้าไป เพื่อที่จะจูงลูกหลานของตัวเองไป แต่ถูกคุณครูขวางเอาไว้ จำเป็นต้องรับเด็กๆ ไปทีละคน นอกจากนี้ยังต้องให้เด็กๆ พูดออกมาว่าผู้ปกครองที่มารับเขานั้นเป็นอะไรกับเขาถึงจะปล่อยไปได้

แม้ว่าจะมากเรื่องไปสักหน่อย แต่เหล่าผู้ปกครองกลับไม่มีใครคัดค้าน

พวกเขาเองก็รู้ว่าที่โรงเรียนอนุบาลทำเช่นนี้ก็เพื่อตัวเด็กเอง ไม่อย่างนั้นคนชั่วอาจฉวยโอกาสลักพาตัวเด็กๆ ไปได้อย่างง่ายดาย

โต้วโต้วกับฉีฉีจูงมือกันต่อแถวอยู่ในขบวน เขย่งเท้า เบิกดวงตาดำกลมแป๋วแหวว สายตาสอดส่องไปมาในกลุ่มผู้ปกครองเหล่านั้น เมื่อเห็นพวกของหลินม่าย เด็กน้อยทั้งสองก็ทั้งโบกมือทั้งตะโกนเรียกด้วยความตื่นเต้น

หลังจากคุณครูยืนยันตัวตนของคนทั้งสองบ้านแล้ว ก็ปล่อยให้เด็กๆ ทั้งสองคนไปกับผู้ใหญ่ของแต่ละบ้าน

เด็กทั้งสองดูราวกับนกนางแอ่นตัวน้อย ถลาเข้ามาหาผู้ปกครองของแต่ละคน

คุณปู่ฟางนึกได้ว่าโต้วโต้วนั้นเป็นโรคหัวใจ ขยับเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงไม่ได้ จึงรีบวิ่งเข้าไปอุ้มหล่อนขึ้นมา พลันตีก้นน้อยๆ ของหล่อนสองสามที เอ่ยตำหนิอย่างเข้มงวด “ไม่รู้ว่าบอกหนูตั้งกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่งอย่ากระโดด ไม่ยอมฟังเข้าหัวเสียบ้างเลย!”

เจ้าตัวน้อยหัวเราะฮี่ๆ โดยไม่ได้เก็บไปใส่ใจ

หล่อนเอี้ยวตัวออกมาจากอ้อมแขนของคุณปู่ฟางไปดึงเสื้อของหลินม่าย เสียงเล็กพูดเจื้อยแจ้ว

“แม่ขาๆ หนูบอกกับฉีฉีแล้วว่าหอยโข่งผัดเซียงล่าที่ขายที่ร้านเซาเข่าของบ้านเราอร่อยมาก หนูอยากพาฉีฉีไปกินหอยโข่งผัดเซียงล่าได้ไหมคะ?”

หลินม่ายพยักหน้าอย่างอ่อนโยน “ได้สิจ๊ะ!”

เถาจืออวิ๋นยิ้มอย่างขอโทษ “ฉันเอาแต่พูดอยู่ตลอดเลยว่าพอฉันย้ายกลับไปแล้ว จะเชิญเธอกับศาสตราจารย์ฟางแล้วก็น้องเขยของเธอมากินข้าว แต่จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้รักษาสัญญาเลย ไม่สู้พรุ่งนี้พวกเธอมากินข้าวที่บ้านฉันเลยดีกว่า”

หลินม่ายคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ย “ค่อยไปกินข้าวบ้านพี่หลังเทศกาลไหว้พระจันทร์กันเถอะค่ะ ตอนนี้ฉันงานยุ่งเกินไปน่ะ”

เถาจืออวิ๋นพยักหน้าตกลง

เมื่อจับเด็กน้อยทั้งสองนั่งบนจักรยานแล้ว หลินม่ายก็เข็นจักรยาน และเดินไปยังร้านเซาเข่าเหรินเจียนเยียนหั่วด้วยกันกับคุณปู่คุณย่าฟางพร้อมกับครอบครัวของเถาจืออวิ๋น

หลินม่ายเดินไปคุยไปกับเถาจืออวิ๋น อยากจะไหว้วานให้หล่อนช่วยทำเสื้อผ้าให้กับคุณปู่คุณย่าฟางสักสองสามตัว

แม้ว่าที่ห้างสรรพสินค้าจะมีเสื้อผ้าสำเร็จรูปขาย แต่มันจะไปพอดีตัวเท่าของที่เถาจืออวิ๋นทำได้อย่างไร นอกจากนี้สไตล์เสื้อผ้ายังดูดีอีกด้วย

คุณปู่คุณย่าฟางพูดคุยกับพ่อเถาแม่เถาตามอยู่ด้านหลัง

คุณย่าฟางได้ยินคำพูดเหล่านั้นของหลินม่าย ก็รีบพูดขึ้น “ยังจะทำเสื้อผ้าอะไรอีกน่ะ? เสื้อผ้าของย่ากับปู่ของเธอไม่ได้ไม่พอใส่เสียหน่อย อย่าไปรบกวนเสี่ยวเถาเลย”

เถาจืออวิ๋นยังไม่ทันอ้าปาก พ่อเถาแม่เถาก็พูดด้วยรอยยิ้มพริ้ม “ไม่รบกวนหรอก ไม่รบกวนเลยสักนิดเดียว! จืออวิ๋นของเราทำเสื้อผ้ารวดเร็วมากเลย อีกอย่างหลังจากเลิกงานเธออยู่ที่บ้านก็ว่างมากจนไม่มีอะไรทำ ได้ทำเสื้อผ้าให้ผู้อาวุโสทั้งสอง ก็เป็นการฆ่าเวลาพอดีเชียว”

หลินม่ายเองก็พูดขึ้น “ก็ฉันจะจัดการเลี้ยงขอบคุณอาจารย์กับงานหมั้นไม่ใช่เหรอคะ ยังไงก็ต้องตัดเสื้อผ้าสำหรับใส่ในงานเลี้ยงให้คุณปู่คุณย่าอยู่ดี”

เมื่อพ่อเถาแม่เถาได้ยินดังนั้น ก็อยากจะร่วมงานเลี้ยงขอบคุณอาจารย์กับงานหมั้นของหลินม่ายด้วยเช่นกัน

คุณย่าฟางพยักหน้าตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม

สองครอบครัวพูดคุยหัวเราะกันไปจนถึงร้านเซาเข่าเหรินเจียนเยียนหั่ว

ในร้านเซาเข่า หลายคนต่างก็สั่งหอยโข่งผัดเซียงล่า กินกันอย่างเอร็ดอร่อย

โต้วโต้วชี้ไปยังหอยโข่งผัดเซียงล่าบนโต๊ะอาหารของลูกค้าเหล่านั้นแล้วพูดกับฉีฉี “นี่ไงหอยโข่งผัดเซียงล่า มันอร่อยมาก!”

ฉีฉีมองด้วยแววตาเป็นประกาย แถมยังกลืนน้ำลายไม่หยุด

หลินม่ายสั่งหอยโข่งผัดเซียงล่าชามใหญ่ชามหนึ่ง และอาหารเลิศรสจำพวกเซาเข่าอื่นๆ อีกจำนวนมาก พร้อมทั้งน้ำอัดลมและน้ำหวานให้กับคุณปู่คุณย่าฟางดื่มด่ำกับอาหารด้วยกันกับครอบครัวของเถาจืออวิ๋น

แล้วเธอจึงกลับไปเตรียมอาหารเย็นที่วิลล่า

ขณะที่เธอกำลังง่วนอยู่ในห้องครัวจนไฟแทบลุก ฟางจั๋วหรานก็เลิกงานกลับมาแล้ว

ทันทีเข้ามาในห้องครัวเขาก็ถามขึ้น “พวกคุณปู่คุณย่ากับโต้วโต้วล่ะ?”

“กำลังกินหอยโข่งผัดเซียงล่ากับครอบครัวของฉีฉีอยู่ที่ร้านเซาเข่าเหรินเจียนเยียนหั่วน่ะค่ะ”

ฟางจั๋วหรานกอดเธอจากข้างหลัง และซุกไซ้ที่ข้างหูของเธอ “ผมยังไม่เคยกินหอยโข่งผัดเซียงล่าเลย”

หลินม่ายผลักเขาออกด้วยศอก แต่เขาไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย

เธอจึงได้แต่ผัดกับข้าวไปพร้อมกับจี้ห้อยรูปคนตัวเบ้อเริ่ม

“ในเมื่อคุณอยากกินขนาดนี้ พรุ่งนี้ฉันจะทำให้คุณด้วยตัวเองเลย”

ฟางจั๋วหรานงับหูของเธอเบาๆ “ผมอยากกินคุณมากกว่าหอยโข่งผัดเซียงล่าเสียอีก”

พูดจบ เขาก็จูบลงที่ใบหน้าและลำคอของเธอ

ถึงอย่างไรก็เป็นเตาถ่าน นอกจากนี้ที่ต้มอยู่ในหม้อก็เป็นซี่โครงหมู ถึงปลอดภัยอย่างมาก

ในอ้อมแขนของฟางจั๋วหรานนั้น หลินม่ายยกริมฝีปากชมพูเรื่อของตนขึ้นมอบให้ด้วยความเขินอาย…

ในขณะที่ทั้งสองกำลังพลอดรักกันอย่างหวานชื่นนั้น ฟางจั๋วเยวี่ยก็ชะโงกหน้าเข้ามาข้างใน “พี่สะใภ้ทำของอร่อยอะไรอยู่เหรอ? หอมจังเลย!”

ยังพูดไม่ทันขาดคำ ตัวเขาก็แข็งทื่อทันที

ฟางจั๋วหรานกำลังกดหลินม่ายลงบนโต๊ะ และจูบหลินม่ายอยู่

ทว่าเขาในตอนนั้นเองก็แข็งเป็นหินเพราะการทะเล่อทะล่าเข้ามาของฟางจั๋วเยวี่ยเช่นกัน

สองพี่น้องสบตากันไปมาอยู่หลายวินาที ซึ่งฟางจั๋วหรานเป็นคนแรกที่ได้สติ พลันออกคำสั่งเสียงต่ำ “ไสหัวออกไป!”

ฟางจั๋วเยวี่ยราวกับตกตะลึงพรึงเพริด พลันสะดุ้งโหยงแล้วหมุนตัววิ่งหนีไป ปากก็ยังร้องตะโกน “ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น พวกพี่ต่อกันได้เลย!”

ท่านศาสตราจารย์ที่ยังไม่หนำใจ มองยอดดวงใจใต้ร่าง

ครั้นเห็นใบหน้าเล็กของเธอขวยเขินจนแดงผ่าว ทั้งยังใช้มือเล็กๆ นั้นผลักแผ่นอกของเขา ปากก็บ่นพึมพำ “ไม่เอา~” ก็รู้ได้ว่าคงต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่ปล่อยเธอไปแล้วหมุนตัวออกจากห้องครัว

หลินม่ายรู้สึกเขินอายสุดขีด ต้องโทษที่ทั้งสองคนหมกมุ่นเกินไป ขนาดฟางจั๋วเยวี่ยกลับบ้านมาก็ยังไม่ได้ยินเสียง

เธอล้างหน้าด้วยน้ำเย็นให้ตัวเองสงบลง จากนั้นจึงทำอาหารต่อ

แต่กลับได้ยินเสียงร้องโหยหวนและขอความเมตตาของฟางจั๋วเยวี่ยดังออกมาจากในห้องรับแขก

นี่เป็นเพราะเขาทำลายเรื่องดีๆ ของท่านศาสตราจารย์ก็เลยถูกตีอย่างนั้นเหรอ?

หลินม่ายยิ่งรู้สึกว่าใบหน้าร้อนระอุ

เมื่อทำอาหารเย็นเสร็จ คุณปู่คุณย่าฟางทั้งสองเองก็พาโต้วโต้วกลับมาแล้ว

ทั้งสามคนไม่ได้กลับบ้านมามือเปล่า แต่ยังเอาหอยโข่งผัดเซียงล่าชามใหญ่กับเซาเข่ามาด้วย

หลินม่ายแสร้งทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วจัดอาหารเย็นขึ้นโต๊ะอย่างเรียบเฉย

มีคำกล่าวหนึ่งที่ว่าได้ดี ขอแค่ตนไม่รู้สึกอึดอัด คนที่อึดอัดก็จะเป็นคนอื่น

ตามคาด เธอแสดงท่าทางอย่างผ่าเผย แต่ฟางจั๋วเยวี่ยกลับไม่กล้าที่จะเข้าหน้ากับเธอเท่าไรนัก

ทว่าความสนใจทั้งหมดของเขาก็ถูกอาหารเลิศรสเต็มโต๊ะดึงดูดไปอย่างรวดเร็ว

เขายื่นมือออกไปหยิบหอยโข่งผัดเซียง “กลิ่นหอมจริงๆ! ขอลองลิ้มรสดูหน่อยว่าอร่อยไหม”

อุ้งมือของเขายังไม่ทันได้สัมผัสหอยโข่งผัดเซียงล่า ก็ถูกฟางจั๋วหรานยกหนีไปอย่างไร้ความปรานี “อันนี้ฉันจะกิน”

หลินม่ายรู้ว่าเขากำลังโจมตีแก้แค้นฟางจั๋วเยวี่ย จึงมองเขาอย่างหมดคำจะพูด “ชามใหญ่ขนาดนี้ คุณกินหมดเหรอคะ?”

เธอยกหอยโข่งผัดเซียงล่าวางไว้กลางโต๊ะเหมือนเดิม แล้วพูดกับฟางจั๋วเยวี่ยอย่างนุ่มนวล “นายกินไปเถอะ ไม่ต้องสนใจพี่นายหรอก”

ฟางจั๋วเยวี่ยพลันแย้มยิ้ม “พี่สะใภ้เป็นคนดีจริงๆ”

เมื่อได้หอยโข่งมาแล้วก็เริ่มกิน กินไปพลางตะโกนว่าอร่อยไปพลาง

หลินม่ายเองก็ชิมหอยโข่งผัดเซียงไปสองสามตัว รสชาติไม่เลวจริงๆ พ่อครัวทำหอยโข่งผัดเซียงล่าโดยเฉพาะคนนี้ที่วังเสี่ยวลี่จ้างมาฝีมือปรุงอาหารไม่เลวเลย

ทุกคนกินอาหารเย็นไปถามโต้วโต้วไป ว่าที่โรงเรียนอนุบาลสนุกไหม

โต้วโต้วพยักหน้าอย่างแรง “สนุกค่ะ สนุกมากเลย คุณครูสอนเต้นรำ สอนวาดรูป สอนร้องเพลง หนูตั้งใจเรียนมากเลยค่ะ!”

หลินม่ายถามด้วยรอยยิ้ม “โรงเรียนอนุบาลยังสอนให้รู้ตัวหนังสือกับเลขคณิตด้วย หนูเรียนเป็นยังไงบ้าง?”

โต้วโต้วรีบก้มหน้าน้อยๆ ลง แค่ดูก็รู้ว่าหล่อนไม่ได้สนใจต่อการอ่านตัวหนังสือและคณิตศาสตร์

หลินม่ายลูบศีรษะน้อยๆ ของหล่อน โดยไม่ได้ตำหนิหล่อนแต่อย่างใด

แต่ถามว่า “แม่บอกหนูแล้วใช่ไหม ถ้าหนูไปเรียนชั้นอนุบาล1ก็ต้องช่วยเหลือเพื่อนร่วมชั้นด้วย หนูได้ช่วยเหลือเพื่อนร่วมชั้นแล้วหรือยัง?”

ดวงตาของโต้วโต้วพลันเปล่งประกาย “หนูช่วยน้องๆ เพื่อนร่วมชั้นแล้ว มีน้องๆ เพื่อนร่วมชั้นหกล้ม หนูก็ช่วยพยุงขึ้นมาค่ะ หนูยังช่วยคุณครูแจกอาหารให้พวกน้องๆ เพื่อนร่วมชั้นด้วย คุณครูชมหนูด้วยล่ะค่ะ!”

หลินม่ายเอ่ยชมเชย “ทำได้ไม่เลวจ้ะ”

เมื่อกินข้าวเสร็จ หลินม่ายก็ต้องกลับบ้าน ฟางจั๋วหรานจึงขี่จักรยานของเธอมาส่งเธอกลับบ้าน

แต่ขี่ไปได้ครึ่งทาง จู่ๆ เขาก็หยุดลงกะทันหัน แล้วให้หลินม่ายลงจากรถ

หลินม่ายลงมาจากรถ ถามขึ้นอย่างงุนงง “ทำไมถึงให้ฉันลงรถล่ะคะ?”

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แล้ว

ว้ายยย บร้าาาา พี่หมอทำอะไรคะ อยากกินม่ายจื่อขนาดนั้นเลยเหรอ

สงสารจั๋วเยวี่ย จังหวะนรกมาก กลายเป็นสนามอารมณ์ของพี่เลย

ไหหม่า(海馬)