บทที่ 421 ใครหลอกใคร

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 421 ใครหลอกใคร?

บทที่ 421 ใครหลอกใคร?

ซูอันพูดไม่ออก นี่ข้าเจอโจรตอนกำลังอยู่กับผู้หญิงงั้นเหรอ? นี่มันโชคชะตาบ้าอะไรเนี่ย?!

อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มไม่ได้กังวลอะไรมาก การเดินทางสำรวจมิติลับหยกจรัสได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขาอย่างมาก ตราบใดที่ตัวเองไม่ได้เจอศัตรูที่แข็งแกร่งจนเกินไป ย่อมไม่มีปัญหาในการเอาตัวรอด

ขณะที่เขากำลังจะปลอบชิวฮัวเล่ย จมูกของเขาก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวาน นางได้มาอยู่ข้าง ๆ เขาแล้ว

“นายน้อยไม่จำเป็นต้องกลัว ข้าจะปกป้องท่านเอง!” ชิวฮัวเล่ยเอาตัวบังเขาไว้ กริยาที่อ้อนแอ้นและเย้ายวนของนางก่อนหน้านี้ไม่มีให้เห็นอีกต่อไป

ซูอันอ้าปากค้าง

นี่เราแลกบทกันอยู่หรือเปล่า?

ผ้าม่านถูกฉีกกระชากออก และชายสวมหน้ากากหลายคนก็บุกเข้ามา

เมื่อเห็นรูปร่างที่น่าหลงใหลของชิวฮัวเล่ย พวกมันทั้งหมดต่างก็ผิวปาก และจ้องมองด้วยความหื่นกระหาย

ชิวฮัวเล่ยเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “พวกเจ้าเป็นใครกัน? เจ้ากล้าดียังไงถึงประพฤติตัวเช่นนี้ในเมืองจันทร์กระจ่าง? หอสุขนิรันดร์ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะสามารถรุกรานได้! ถ้าเจ้าออกไปตอนนี้ ข้าจะแสร้งทำเป็นว่าไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น!”

ซูอันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม นางยังคงสงบนิ่งได้เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้! เห็นได้ชัดว่านางแตกต่างจากสาวงามทั่วไปอย่างชัดเจน

ชายสวมหน้ากากตกตะลึงไปกับคำพูดของนาง แต่ก็ได้สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว

“หอสุขนิรันดร์? โอ้ เรากลัวมาก!”

“เมื่อไปถึงค่ายเมฆาทมิฬของเรา หอสุขนิรันดร์ของเจ้าจะสามารถทำอะไรได้?”

“เรามารับเจ้าออกจากหอสุขนิรันดร์ด้วยตัวเองเชียวนะ!”

ค่ายเมฆาทมิฬ!

การแสดงออกของชิวฮัวเล่ยเปลี่ยนไปชั่วขณะ นางเคยได้ยินเรื่องค่ายเมฆาทมิฬมาก่อน พวกมันเป็นกลุ่มโจรที่อยู่ในป่าในเขา มีผู้นำคือจอมโจรเฉินเซวียนที่คอยปล้นขบวนพ่อค้าที่ผ่านไปมา อ๋องฉู่และเจ้าเมืองเซี่ยได้ส่งผู้บ่มเพาะที่มีฝีมือและกองทัพออกไปปราบปรามพวกมันหลายครั้ง แต่ก็ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อย และยิ่งไปกว่านั้น บ่อยครั้งที่ทางกองทัพได้รับความเสียหายอย่างหนักกลับมาด้วยซ้ำ

“พวกเจ้าทั้งหมดมาจากค่ายเมฆาทมิฬ?” ซูอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งพบกับเฉินเซวียน ดังนั้นจึงยังคงจำได้ว่าลูกน้องของอีกฝ่ายมีลักษณะเป็นอย่างไร

แม้ว่าคนเหล่านี้จะสวมหน้ากาก แต่เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่กลุ่มคนที่เฉินเซวียนพาเข้าไปในหอสุขนิรันดร์ เมื่อกี้พวกคนที่เหลือมันกำลังซุ่มรอโจมตีอยู่ข้างอีกใช่ไหม?

“ทำไม? กลัวล่ะสิ?”

คนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำกลุ่มโจรหัวเราะเยาะ “ส่งผู้หญิงของเจ้ามา ถ้าพี่น้องเราอารมณ์ดีหลังจากที่สนุกแล้ว เราก็อาจจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตต่อไป!”

“รีบหนีไปนายน้อย! ข้าจะขวางไว้ให้เอง!” ชิวฮัวเล่ยรีบผลักเขาไปที่ทางออก

ซูอันพูดไม่ออก เราอยู่กลางแม่น้ำ! แล้วข้าควรจะออกไปไหน? อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มยังคงพยักหน้าและพูดกับนางว่า “เอาล่ะ ถ้างั้นเจ้าระวังตัวด้วยก็แล้วกัน!”

หลังจากพูดจบ ซูอันก็หันหลังกลับและหนีในทันที

ชิวฮัวเล่ยจ้องมองด้วยสายตาว่างเปล่า

นางคาดหวังว่าเขาจะปฏิเสธ จากนั้นก็พยายามช่วยนางหลบหนี ใครจะรู้ว่าเขาไม่ลังเลเลยที่จะเอาตัวรอดไปก่อน โดยทิ้งให้สาวน้อยอย่างนางรั้งพวกโจรเอาไว้คนเดียว?

กลุ่มโจรพากันหัวเราะคิกคัก “สาวน้อยคนงาม ผู้ชายที่เจ้าเลือกนี่ช่างขี้ขลาดจริง ๆ! ทำไมเจ้าไม่มากับพี่ชายคนนี้แทนล่ะ? เราให้คำสาบานกับเจ้าเลยตอนนี้ก็ได้ว่าเราจะไม่มีทางปล่อยให้เจ้าต้องอดอยากแน่นอน!”

ซูอันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เมื่อไปถึงหน้าเรือ เขาก็มองไปรอบ ๆ นอกจากเรือลำเล็กที่อยู่ข้าง ๆ พวกเขาแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่เห็นโจรคนอื่นอีก เรือของหอสุขนิรันดร์ลำอื่น ๆ ยังคงแล่นไปตามแม่น้ำอย่างสบาย ๆ ทิวทัศน์โดยรอบยังคงคึกคักเต็มไปด้วยชีวิตชีวาแตกต่างจากสถานการณ์ในเรือของเขาอย่างสิ้นเชิง

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลับเข้าไปในห้องโดยสารอีกครั้ง

เมื่อเห็นเขากลับมา ชิวฮัวเล่ยก็แสดงสีหน้าประหม่าทันที “ทำไมนายน้อยซูถึงกลับมาอีก?”

ซูอันไม่ได้ตอบกลับ แต่ดวงตาของหัวหน้ากลุ่มโจรเป็นประกายทันที “โอ้ แซ่ของเจ้าคือซูงั้นเหรอ? นี่คือลูกเขยของตระกูลฉู่ ซูอัน?”

“เอ๊ะ? นี่ข้ามีชื่อเสียงขนาดนี้เลยเหรอ?” ซูอันเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ แต่เสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความพอใจในตนเอง

ชิวฮัวเล่ยจ้องมองเขาจากด้านข้าง ทำไมเขายอมรับง่ายจัง?

หัวหน้าโจรอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้รับรางวัลเจ็ดล้านตำลึงจากบ่อนโกยเงิน แล้วจึงชนะอีกล้านจากการเดิมพันที่บ่อนอื่น มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”

ซูอันพยักหน้า “จะว่ายังไงได้? โชคของข้านั้นยอดเยี่ยมเสมอ การได้รับเงินจำนวนเล็กน้อยแบบนี้ไม่มีค่าพอที่จะพูดถึงเลย”

ชิวฮัวเล่ยก่ายมือบนหน้าผาก สีหน้าของนางแสดงออกชัดเจนว่านางยอมแพ้เขาแล้ว

หัวหน้าโจรหัวเราะเสียงดัง “คืนนี้ดูเหมือนว่าข้าจะโชคดีสองเด้ง! ไม่เพียงแค่ได้สาวงามมานอนกอดเท่านั้น ข้ายังจะได้รับเงินล้านอีกด้วย! มา! ส่งเงินที่เจ้ามีมาให้หมด แล้วข้าจะลองคิดดูว่าจะปล่อยเจ้าไปดีไหม!”

ซูอันยักไหล่ “วันนี้ข้าไม่ได้นำเงินมาด้วย เอาเป็นว่าเจ้าปล่อยข้ากลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่ก่อนได้หรือเปล่า ข้าจะได้ไปขอเงินจากภรรยาของข้ามาให้เจ้าดีไหม?”

หัวหน้าโจรเยาะเย้ย “เจ้าอย่าคิดว่าข้าจะกลัวอ๋องฉู่! เมื่อถึงค่ายเมฆาทมิฬเมื่อไหร่ ข้าก็ไม่มีอะไรให้กลัวแล้ว!”

ซูอันมองเขาด้วยความสงสัย “เจ้าพูดด้วยความมั่นใจเช่นนี้ ข้าล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าเจ้ามีตำแหน่งอะไรในค่ายเมฆาทมิฬ?”

“แน่อยู่แล้วว่าข้าต้องเป็นมหาโจรเฉินเซวียน! ฮ่า ๆ เป็นไงล่ะ กลัวจนขี้ขึ้นสมองแล้วสิ ใช่ไหม?” หัวหน้าโจรหัวเราะเสียงดัง “แค่เป็นเด็กดีว่าง่าย ๆ แล้วเขียนจดหมายถึงตระกูลฉู่เพื่อจ่ายค่าไถ่มา ไม่เช่นนั้นข้าจะตัดแขนขาของเจ้าออกก่อนที่จะส่งเจ้ากลับบ้าน!”

ซูอันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เจ้าน่ะเหรอคือเฉินเซวียน?”

ชิวฮัวเล่ยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ดึงแขนเสื้อของเขา แล้วพูดเบา ๆ ว่า “นายน้อย ข้าคิดว่าเราไม่ควรทำให้พวกเขาโกรธจะดีกว่า”

ซูอันไม่ได้พูดอะไร เหตุการณ์ทั้งหมดนี้แปลกเกินไป หากเขาไม่รู้จักเฉินเซวียนตัวจริงจากระบบคีย์บอร์ด ก็อาจถูกโจรพวกนี้หลอกเอาง่าย ๆ เลย

นี่ไม่ใช่แค่แผนการเรียกค่าไถ่กระจอก ๆ ใช่ไหม?

ในชีวิตก่อนหน้านี้เขาเคยอ่านเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับคนบางคนซึ่งได้นัดพบกับสาวสวยผ่านทางแอปหาคู่ในที่ลับตา แค่สุดท้ายกลับจบลงด้วยการถูกขู่กรรโชกและแบล็กเมล์จากผู้ชายของนางนกต่ออีกทีหนึ่ง

นี่มันใช่สถานการณ์เดียวกันไหม?

“ทำไม? เจ้าคิดว่าข้าไม่ใช่หรือไง?” การแสดงออกของซูอัน ทำให้โจรกังวลใจ

ท่านยั่วยุกู่เยว่อีสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233!

กู่เยว่อี? เมื่อเห็นชื่อปรากฏขึ้นในการแจ้งเตือนของระบบ ซูอันก็ตกตะลึงชั่วขณะ ชื่อนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน

“อ๋อ เจ้าคือเฉินเซวียนเหรอ?” ซูอันไม่สามารถเก็บน้ำเสียงเยาะเย้ยของตัวเองได้ อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้เปิดโปงอีกฝ่าย เพราะต้องการดูว่าชายคนนี้ต้องการจะทำอะไรเป็นอย่างแรก

แม้จะสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าจนเกือบหมด ซูอันก็สามารถบอกได้ว่ากู่เยว่อียังเป็นเด็กหนุ่มอยู่

โจรขมวดคิ้ว มันรู้สึกได้ชัดเจนว่าน้ำเสียงของซูอันผิดปกติ “หยุดพูดเรื่องไร้สาระสักที รีบเขียนจดหมายถึงสมาชิกของตระกูลฉู่ ให้จ่ายค่าไถ่ชีวิตของเจ้าได้แล้ว!”

ซูอันส่ายหัว “ข้าคิดว่าการตัดสินใจของเจ้าดูไม่ฉลาดเอาซะเลย”

กู่เยว่อีขมวดคิ้ว “อะไร! นี่เจ้ากำลังพยายามสอนข้างั้นเหรอ?”

ซูอันหัวเราะคิกคัก “ข้าแค่ช่วยเจ้าวิเคราะห์สถานการณ์ ฟังนะ แม้ว่าข้าจะเขียนจดหมายส่งให้ตระกูลฉู่ แต่ด้วยศักดิ์ศรีของตระกูลฉู่ เจ้าคิดว่าเจ้าจะได้ค่าไถ่ง่าย ๆ งั้นเหรอ? ถ้าทำแบบนั้นคนอื่นจะมองตระกูลฉู่ยังไง?”

“ไม่เพียงเท่านั้น ทุกคนในเมืองจันทร์กระจ่างต่างก็รู้อยู่แล้วว่าสำหรับตระกูลฉู่ ข้าคือลูกเขยขยะที่พวกเขาจะทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ ใครจะไปรู้ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสอันดีที่พวกเขาจะเอามาเป็นข้ออ้างเพื่อกำจัดข้า และฮุบเอาเงินนับล้านของข้าไป”

“ด้วยวิธีนี้ ย่อมไม่มีใครตำหนิตระกูลฉู่ แถมยังจะโยนความผิดไปให้เจ้ามากกว่าเดิมอีกต่างหาก”

พวกโจรมีท่าทางผิดหวัง กู่เยว่อีเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย “แล้วเราควรทำยังไงดี?”

“เอาอย่างนี้เป็นไง? เราสองคนไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่พร้อมกัน และข้าจะเข้าไปเอาตั๋วเงินออกมาให้เจ้า” ซูอันตอบกลับ

กู่เยว่อีหัวเราะเยาะ “เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่เหรอ? เกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าไม่กลับออกมาหลังจากที่ข้าพาเจ้าไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่?

ซูอันชี้ไปที่ชิวฮัวเล่ย ซึ่งยังคงอยู่ข้าง ๆ เขา “เจ้ายังมีนางอยู่ไม่ใช่เหรอ? มีนางเป็นตัวประกัน ข้าก็ย่อมจะกลับมาพร้อมค่าไถ่แน่นอน! และนี่คือเหตุผลที่เจ้าต้องไม่ทำร้ายนางเด็ดขาด มิฉะนั้นข้าจะไม่ให้เงินเจ้าสักตำลึงเดียว!”