บทที่ 422 ของจริงเจอของปลอม

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 422 ของจริงเจอของปลอม

บทที่ 422 ของจริงเจอของปลอม

เมื่อเห็นความลังเลของพวกโจร ซูอันก็พูดขึ้นเสริมว่า “แม้ว่าแม่นางชิวจะงดงาม แต่นางมีแค่คนเดียวไม่เพียงพอที่พวกเจ้าทุกคนจะแบ่งกันได้ครบ แต่ข้ามีตั๋วเงินหลายล้านอยู่ที่บ้าน ซึ่งมันสามารถทำให้พวกเจ้าไปหาผู้หญิงคนอื่นไม่ซ้ำหน้ากันได้ทุกวัน เจ้าคิดว่าแบบนั้นมันจะไม่ดีกว่าเหรอ?”

กู่เยว่อีลังเลอย่างหนัก เขาเหลือบมองชิวฮัวเล่ย และเมื่อเห็นว่านางพยักหน้าให้เขาเล็กน้อยอย่างแนบเนียน เขาก็ยอมตอบตกลงในท้ายที่สุด “ก็ได้!” แล้วก็พูดอย่างหงุดหงิด “แต่เจ้าอย่าเล่นอุบายจะดีกว่า มิฉะนั้น ไม่เพียงแต่เราทุกคนจะเล่นกับนาง เราจะฆ่าเจ้าด้วยอย่างแน่นอน!”

ซูอันได้สังเกตเห็นการแลกเปลี่ยนสัญญาณกันของหัวหน้าโจรและชิวฮัวเล่ย แต่เขาก็ยังคงเล่นตามน้ำและเอ่ยขึ้นว่า “อย่ากังวลไปเลย ข้านี่แหละกลัวตายมากยิ่งกว่าใคร ๆ”

อย่างไรก็ตาม ตัวชายหนุ่มไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมชิวฮัวเล่ยถึงสร้างเรื่องทั้งหมดนี้ นางอยากได้เงินของเขาจริงเหรอ?

แต่ด้วยเครือข่ายข้อมูลของหอสุขนิรันดร์ ไม่มีทางที่นางจะไม่รู้ว่าเงินส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของตั๋วหนี้ ซึ่งจะสามารถแลกเป็นเงินได้หรือไม่ก็ยังเป็นปัญหาอยู่ นางจะทำอะไรกับเรื่องนี้?

“ตกลง เราจะไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่!” กู่เยว่อีโบกมือให้ลูกน้องหันหัวเรือกลับเข้าฝั่ง

“พวกเจ้าสองคนอย่าคิดทำอะไรตุกติกเด็ดขาด!” ขณะที่พูด ลูกน้องของกู่เยว่อีสองคนก็ขยับมายืนข้างหลังซูอันและชิวฮัวเล่ย พร้อมกับเอากระบี่วางพาดที่คอของพวกเขา

“ข้าต้องขออภัยนายน้อยด้วยจริง ๆ ที่ทำให้นายน้อยต้องเสียเงินจำนวนมาก” ชิวฮัวเล่ยกล่าวขอโทษ

ซูอันเพิกเฉยต่อคำพูดของนาง “ข้าเป็นคนที่รักชีวิต และรักในความงาม เงินหาอีกเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป มันคงไม่มีอะไรมาแทนเจ้าได้!” แม้เขาจะพูดอย่างนี้ แต่ก็เยาะเย้ยอยู่ภายในใจ หลังจากไปถึงคฤหาสน์ตระกูลฉู่เมื่อไหร่ ข้าไม่กลับออกมาให้เจ้าด่าว่าโง่หรอก! เจ้าคงมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วยอยู่แล้ว ข้ารู้ทันเจ้านะ!

เมื่อชายหนุ่มปลอดภัยแล้ว เขาจะให้เยว่ซานนำกองกำลังออกมาจับและสอบสวนคนพวกนี้ให้หมดเพื่อค้นหาว่าจริง ๆ แล้วพวกมันกำลังวางแผนอะไรอยู่

ส่วนชิวฮัวเล่ย ข้าจะสอบสวนนางแบบตัวต่อตัวเอง!

เหตุผลหลักที่ซูอันยังไม่ได้เปิดโปงพวกโจร เพราะระดับการบ่มเพาะของกู่เยว่อีน่าจะอยู่ในระดับที่ห้า แน่นอน ถ้าเขาอยู่คนเดียว ซูอันจะไม่สนใจอะไรมาก

นอกจากนี้ ชิวฮัวเล่ยก็ยังอยู่ที่นี่เช่นกัน แม้ว่าภายนอกนางจะดูอ่อนแอ แต่ชายหนุ่มกลับมองระดับการบ่มเพาะของนางไม่ออกเลย

นี่หมายความว่าระดับการบ่มเพาะของนางนั้นสูงกว่าเขามาก หรืออาจเป็นได้ว่านางมีอุปกรณ์บางอย่างที่ช่วยปกปิดกลิ่นอายของนางเอาไว้

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหนก็ตาม ชายหนุ่มก็ไม่กล้าที่จะประมาท

แต่แล้วทันใดนั้นด้านนอกก็เกิดความโกลาหลอย่างกะทันหัน

“ฮ่า ๆ ในที่สุดข้าก็พบเรือของแม่นางชิวสักที!”

กู่เยว่อีหันกลับมา “เกิดอะไรขึ้น?”

วินาทีถัดมาเสียงกรีดร้องที่อู้อี้และน่าสังเวชหลายเสียงก็ดังขึ้นให้คำตอบกับคำถามของเขา

สีหน้าของกู่เยว่อีมืดลง เขาชักดาบออกมาทันทีและวิ่งออกด้านนอก แต่จากนั้นแค่เวลาผ่านไปเพียงเสี้ยววินาที ร่างของกู่เยว่อีก็กระเด็นกลับเข้ามา ราวกับว่าถูกกระสุนปืนใหญ่โจมตี

ผนังของห้องโดยสารถูกทำลายด้วยคลื่นพลังอันทรงพลัง เผยให้เห็นเหตุการณ์ภายนอก

ขณะนี้เรือของพวกเขาถูกล้อมด้วยเรือลำเล็กหลายลำ และหนึ่งในเรือลำเล็กพวกนั้นมีชายผมแดงยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ด้วย เขายืนอยู่ที่หัวเรือด้วยท่าทางที่โดดเด่น สายตาของเขาเลื่อนไปที่ซูอันอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากของเขาค่อย ๆ ฉีกออกเป็นรอยยิ้มที่โหดเหี้ยม

“พวกเจ้าเป็นใคร? กล้าดียังไงถึงเข้ามายุ่งกับพวกเราชาวค่ายเมฆาทมิฬ!” กู่เยว่อีค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นจากพื้นด้วยความอับอายพร้อมกับเช็ดเลือดที่มุมริมฝีปากของเขา

จากการปะทะสั้น ๆ เมื่อครู่นี้ เขาเข้าใจชัดเจนว่าระดับการบ่มเพาะของอีกฝ่ายนั้นสูงกว่าของเขามาก โอกาสเดียวของเขาคือการยกชื่อค่ายเมฆาทมิฬมาอ้าง และหวังว่าจะทำให้อีกฝ่ายกลัว

“ค่ายเมฆาทมิฬ?” ดวงตาของชายผมแดงเบิกกว้าง เขามองไปรอบ ๆ พี่น้องรอบตัวเขาและหัวเราะออกมา “เมื่อกี้ข้าได้ยินไม่ผิดใช่ไหม? ไอ้เวรนั่นมันเพิ่งพูดถึงค่ายเมฆาทมิฬจริง ๆ ใช่ไหม?”

คนอื่น ๆ ต่างพากันหัวเราะ ดวงตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและความสมเพช

กู่เยว่อีสาปแช่งอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าปัญหาอยู่ที่ไหน

ซูอันส่ายหัว มันน่าอายจริง ๆ ที่เห็นของปลอมเจอเข้ากับของจริง

ชายผมแดงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฉินเซวียน ซึ่งชายหนุ่มได้พบในหอสุขนิรันดร์

เขาแอบมองชิวฮัวเล่ยที่อยู่ด้านข้าง นางแสดงท่าทางตื่นตระหนก แต่ก็ไม่มากมายเท่าไหร่นัก

เฉินเซวียนหันหน้ามาอีกครั้งและพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าก็สงสัยอยู่ตั้งนานว่าทำไมช่วงนี้ชื่อเสียงของค่ายเมฆาทมิฬดูเหมือนจะตกต่ำลง ที่แท้มันกลับกลายเป็นว่ามีใครบางคนสวมรอยเป็นพวกข้าและทำลายชื่อเสียงของพวกข้าอยู่นี่เอง!”

ใบหน้าของกู่เยว่อีซีดลงทันที “เจ้า…เจ้าคือ…”

“จงดีใจที่ได้รู้ก่อนตาย ข้าคือ เฉินเซวียน แห่งค่ายเมฆาทมิฬ!” ชายผมแดงประกาศอย่างภาคภูมิใจ

กู่เยว่อีกลืนน้ำลายลงคอ เขากันไปมองชิวฮัวเล่ยโดยไม่รู้ตัว

ชิวฮัวเล่ยขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่านางก็ไม่คาดคิดว่าเฉินเซวียนจะเข้ามาในเมืองอย่างเปิดเผยต่อหน้าต่อตาพวกเขา

“ศิษย์พี่ ท่านควรถอยไปก่อน” นางพูดกับเขาผ่านการส่งเสียงผ่านพลังชี่

“แล้วเจ้าล่ะ!” กู่เยว่อีลังเล สำหรับเขา ศิษย์น้องของเขางดงามเกินไป ถ้าทิ้งนางไว้ที่นี่คนเดียว มันจะไม่เป็นเหมือนการทิ้งลูกแกะไว้หน้าถ้ำเสือหรอกเหรอ? ถ้าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีทางที่เขาจะอภัยให้ตัวเองไปตลอดชีวิต

“ข้ามีวิธีที่จะจัดการกับเรื่องนี้ในแบบของข้า” ชิวฮัวเล่ยตอบอย่างรวดเร็ว นางเร่งให้เขาออกไปเป็นครั้งที่สอง

“ข้าว่ามันไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว!”

กู่เยว่อีกัดฟัน ท้ายที่สุดแล้ว ชีวิตของเขาก็ยังคงสำคัญที่สุด นอกจากนี้ สาวน้อยคนนี้ยังเป็นปริศนาสำหรับเขาและคนอื่น ๆ ไม่มีใครสามารถมองระดับการบ่มเพาะของนางออกได้ ดังนั้นนางอาจมีกลเม็ดช่วยชีวิตบางอย่างซ่อนอยู่

เมื่อตั้งสติได้ เขาจึงกระโดดไปที่ที่นั่งของซูอันและชิวฮัวเล่ย เขาถือดาบไว้ตรงหน้าพวกเขา “อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้ ไม่งั้นข้าจะฆ่าพวกมันให้หมด!” เขาเตือนเฉินเซวียน

ซูอันยิ้มอ่อน ๆ ให้เขา “พี่ชาย เจ้าไม่ได้บอกว่าเจ้าเป็นเฉินเซวียนเหรอ? วันนี้เราได้พบกับคนสองคนที่มีชื่อเดียวกันได้ยังไง?”

“หุบปาก!” กู่เยว่อีรู้สึกทั้งโกรธทั้งอับอาย

ท่านยั่วยุกู่เยว่อีสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 345!

เขาไม่คิดว่าเฉินเซวียนจะแข็งแกร่งขนาดนี้ มีข่าวลือว่าการบ่มเพาะของอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ระดับที่ 5 แต่จากเหตุการณ์เมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่ามหาโจรอยู่ในระดับที่ 6!

เฉินเซวียนพ่นลมหายใจ “ข้าไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาแต่อย่างใด แต่เจ้ากลับใช้พวกเขามาข่มขู่ข้า?

“โดยเฉพาะไอ้ซูอัน ข้าอยากจะถลกหนังมันทั้งเป็นและกินเนื้อมันเข้าไปด้วย ข้าควรจะขอบคุณมากกว่า ถ้าเจ้าฆ่ามันจริง ๆ!”

กู่เยว่อีมองซูอันอย่างไม่คาดคิดมาก่อนว่าชายผู้นี้จะยั่วยวนผู้อื่นได้เก่งขนาดนี้ ขนาดเฉินเซวียนที่เป็นคนลึกลับ ซูอันมันยังอุตส่าห์ไปมีเรื่องด้วยได้ “แม้ว่าเจ้าจะเกลียดซูอันแล้ว แม่นางชิวล่ะ? นางเป็นคณิกาที่สวยที่สุดในหอสุขนิรันดร์ ข้าไม่เชื่อว่าหัวใจของเจ้าจะไม่หวั่นไหวไปกับนาง!”

เฉินเซวียนหัวเราะอย่างเต็มที่ “สิ่งที่เจ้าพูดนั้นถูกต้อง ผู้หญิงคนนี้ดีและสมบูรณ์แบบในทุก ๆ ด้าน ข้าชอบนางมาก”

ชิวฮัวเล่ยพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ตอบโต้

กู่เยว่อีรู้สึกปลาบปลื้ม “ถ้าอย่างนั้น ปล่อยพวกเราไป ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่านาง!”

สีหน้าของเฉินเซวียนมืดลง “ถามใครก็ได้ แล้วพวกเขาจะบอกเจ้าว่าเฉินเซวียนเกลียดการถูกคนอื่นข่มขู่ที่สุด! แม้ว่าเจ้าจะฆ่านางไปมันก็ไม่สำคัญสำหรับข้า ทั้งชีวิตของข้าไม่เคยประนีประนอมให้กับศัตรู อย่างแย่ที่สุด ข้าจะทำอย่างรวดเร็วในขณะที่ตัวนางยังอุ่นอยู่ และหลังจากนั้น ข้าจะแล่เนื้อของเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ!”

กู่เยว่อีจ้องอีกฝ่ายอย่างพูดไม่ออก ส่วนชิวฮัวเล่ยถึงกับหลบสายตาอย่างไม่รู้ตัว

ซูอันก็มึนงงเช่นกัน ขณะที่ยังอุ่นอยู่?

ผู้ชายคนนี้เป็นพวกวิปริตงั้นเหรอ?