บทที่ 390 จือเหวินถูกตบ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 390 จือเหวินถูกตบ

บทที่ 390 จือเหวินถูกตบ

“หึ ๆ ข้าได้ยินมาว่า คนผู้นี้เป็นลูกศิษย์ของหอหนังสืออวี้ ที่นั่นมีเด็กเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ตนเองเป็นคนเริ่มแท้ ๆ แต่พอแพ้ก็กลับไม่ยอมรับ เกรงว่าถ้าแม่นางผู้นั้นแพ้ เขาคงจะเอานางถึงตาย!”

“ใช่แล้ว ๆ เจ้าคนกลับกลอก นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว”

“คนไม่รักษาคำพูด ช่างไร้ยางอาย”

“…” เมื่อกู้จือเหวินเห็นว่าคนรอบข้างเขาเริ่มดูถูกเขา เขาจึงไม่สามารถเก็บสีหน้าได้อีกต่อไปและตะโกนเสียงดัง “ข้าไม่ขอโทษ ทำไมข้าต้องขอโทษด้วย”

“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่า การกลับกลอกไม่ใช่การกระทำของสุภาพบุรุษ? เจ้ากลับคำมาแล้วถึงสองครั้ง!” กู้เสี่ยวหวานยิ้ม หากแต่รอยยิ้มนั้นไม่ส่งไปถึงดวงตา มันเต็มไปด้วยความเย็นชา

“ทำไมข้าต้องขอโทษผู้หญิงชนบทอย่างเจ้าด้วย ข้า… ทำไมข้าต้องลดตัวลงไปขอโทษเจ้าด้วย!” กู้จือเหวินถูกคนรับใช้หลายคนขวางเอาไว้ สีหน้าของเขาเย่อหยิ่งมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยท่าทางที่ดูถูกเหยียดหยาม

ทันทีที่กู้จือเหวินกล่าวคำเหล่านี้ออกมา รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานก็หายไปในทันที

ดวงตาของฉินเย่จือหรี่ลง และมองไปที่กู้จือเหวินอย่างเย็นชา

คนผู้นี้มีค่าควรแก่การเรียนหนังสือ แต่ปากของเขาเป็นมลทินจริง ๆ

“เจ้าพูดอีกครั้งสิ!” กู้เสี่ยวหวานก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วพลางชี้ไปที่กู้จือเหวินและกล่าวอย่างเย็นชา

“พูดอะไรล่ะ? ข้าพูดเป็นสิบครั้งก็ยังได้! ทำไมคนต่ำต้อยเช่นเจ้าถึงกล้าชี้นิ้วมาที่ข้า อ๋อ ครอบครัวของเจ้าก็คงต่ำต้อยเหมือนนกันหมดสินะ” กู้จือเหวินยังคงเย่อหยิ่งและก่นด่าอย่างชั่วร้าย

เพียะ!

กู้เสี่ยวหวานยื่นมือของนางออกไป แล้วฟาดลงใบหน้าของเขาอย่างไร้ความปรานี

แก้มซ้ายของกู้จือเหวินเจ็บแปลบ เขาหันหน้าไปข้างหนึ่ง แก้มซ้ายของเขาร้อนผ่าว และเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตนเองจะถูกตบ

เขามีสีหน้าไม่เชื่อ “กู้เสี่ยวหวาน เจ้ากล้าตบข้า!”

เพียะ!

กู้เสี่ยวหวานตบอีกครั้งด้วยแรงทั้งหมดที่มี นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว แต่แรงก็ไม่ตกลงเลย

“ขอโทษข้าเดี๋ยวนี้!…” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างเย็นชา

ไม่มีความอบอุ่นในดวงตาของนาง

“ข้าจะไม่มีวัน…” กู้จือเหวินกัดฟันกรอด เขาเกลียดกู้เสี่ยวหวานจนอยากจะฉีกร่างของนางออกเป็นหมื่นชิ้น

เพียะ!

เพียะ!

เพียะ!

กู้เสี่ยวหวานตบหน้าเขาและบอกให้เขากล่าวขอโทษอย่างเย็นชา มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของกู้จือเหวิน แต่กู้จือเหวินยังคงปากแข็งและปฏิเสธที่จะกล่าวมันออกมา

เมื่อเห็นเลือดที่มุมปากของกู้จือเหวิน กู้ซินเถาก็กรีดร้องและพุ่งไปข้างหน้า นางต่อสู้กับคนใช้ที่ล้อมกู้จือเหวิน และตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “ปล่อย ปล่อยเดี๋ยวนี้ อย่าตบพี่ชายข้า อย่าตบพี่ชายของข้า!”

จากนั้นก็หันศีรษะมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างชั่วร้ายและตะโกนว่า “กู้เสี่ยวหวาน เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่ นี่คือพี่ชายของเจ้านะ! ถ้าเจ้ายังมีความเป็นคนอยู่ เจ้าจะตบพี่ชายของเจ้าได้อย่างไร? เหตุใดเจ้าถึงโหดร้ายเช่นนี้!” หลังจากกล่าวจบ คำพูดของนางราวกับว่านางกำลังพยายามเอาชนะใจคนรอบตัว น้ำตาก็ไหลออกมา และกล่าวอย่างน่าสงสารว่า “ลุง ป้า น้า อา ทุกท่าน อย่าถูกกู้เสี่ยวหวานหลอก นางเป็นคนเลว นางทำให้แม่ของข้าถูกคุมขัง และตอนนี้ยังมาทำร้ายพี่ชายของข้าอีก ดังนั้นพวกท่านอย่าถูกคำพูดของนางหลอก”

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินเรื่องนี้ นางก็หัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ในใจ

กู้ซินเถาผู้นี้ ในหัวของนางเต็มไปด้วยของเหลวหรืออย่างไร? พูดไม่เก่งก็หุบปากไปเสีย ไม่มีใครคิดว่าเจ้าเป็นใบ้หรอก!

และก็ได้ยินกู้จือเหวินตะโกน “หุบปาก!”

กู้ซินเถาไม่คาดคิดว่าการที่นางอ้อนวอนเพื่อพี่ชายจะทำให้นางถูกพี่ชายดุด่า นางเก็บสีหน้าไม่อยู่และตะโกนใส่กู้จือเหวิน อย่างไม่พอใจ “ท่านพี่ ท่านดุข้าทำไม!”

มีการถกเถียงกันอย่างดุเดือดมากขึ้นด้านหลัง คราวนี้แทนที่จะดูสถานการณ์นี้เฉย ๆ พวกเขาก็ชี้ไปที่ครอบครัวของกู้จือเหวินโดยตรง

“โอ้ ข้ารู้แล้ว แม่นางผู้นี้คือคนที่ยื่นฟ้องร้องที่เมืองรุ่ยเสียนในครั้งล่าสุด พวกเจ้าเคยได้ยินหรือไม่ว่า ป้าของนางไปที่ที่ว่าการอำเภอเพื่อเอาโฉนดที่ดินปลอมมาครอบครองเป็นที่ดินของนาง ต่อมา เมื่อทั้งสองขึ้นโรงศาล โชคดีที่ผู้พิพากษาตัดสินคดีอย่างยุติธรรม และพบว่าป้าของนางโลภมาก ต่อมาหญิงผู้นั้นจึงถูกจำคุกหนึ่งเดือน!”

“โอ้ ข้าก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน เป็นพวกเขาเองหรือนี่! พวกเขาคือลูกชายและลูกสาวของหญิงผู้นั้น หึ แม่เป็นเช่นไรลูกก็เป็นเช่นนั้น!”

“พวกเจ้ารู้ไหมว่าแม่นางกู้เป็นคนดีแค่ไหน!”

“คนดี? คนดีอะไรกัน?”

“เจ้ามาจากที่อื่นใช่หรือไม่ แม่นางผู้นี้มีที่ดินหนึ่งร้อยหมู่ในเมืองของเรา และเก็บค่าเช่าน้อยกว่าเจ้าของที่ดินคนอื่นถึงหนึ่งส่วน ทุกคนจึงต้องการเช่าที่ดินของนาง!”

“ว้าว ดีอะไรเช่นนี้ ค่าเช่าที่น้อยลงหนึ่งส่วน นั่นก็ถือว่าเก็บค่าเช่าน้อยมากแล้ว!”

“ใช่แล้ว ทุกคนต่างบอกว่าแม่นางผู้นี้ใจกว้าง ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอแม่นางในวันนี้และไม่คิดเลยว่าจะได้เจอลูกชายของหญิงหน้าด้านผู้นั้นในวันนี้เด้วย หึ ๆ ดูไม่เหมือนว่าเป็นครอบครัวเดียวกันจริง ๆ ครอบครัวเดียวกันแต่ช่างต่างกันยิ่งนัก!”

“ใช่แล้ว เขาช่างไม่รู้จักพอและไม่เข้าใจสถานการณ์ เขาเรียนหนังสืออยู่อย่างนั้นหรือ ดูเหมือนว่าคงจะเรียนไปอย่างเสียเปล่า แม้แต่สัญญาก็ยังรักษาไม่ได้!”

“หึ สมควรโดนตบแล้ว ถ้าเป็นข้า ข้าคงจะตบเขาให้ตาย! คนที่ชอบดูถูกและล้อเลียนคนอื่น คราวนี้ ดีที่ล้อเล่นไม่สำเร็จ คนเช่นนี้สมควรโดนตบแล้วจริง ๆ!”

มีการถกเถียงกันมากมายในหมู่คนรอบตัว ใบหน้าของกู้จือเหวินจะเขียวก็ไม่เขียว จะขาวก็ไม่ขาว และใบหน้าของเขาน่าเกลียดจะตาย

กู้ซินเถาตกใจกลัวจนหน้าซีด เมื่อครู่นางแค่อยากจะขอความเมตตาจากทุกคน แต่มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร

นางเหลือบมองกู้จือเหวินด้วยความหวาดกลัว กู้จือเหวินจ้องมาที่นางด้วยดวงตาเบิกกว้าง กู้ซินเถารีบถอยหลังไปสองสามก้าว ในตอนแรก นางเห็นใครบางคนยืนอยู่ข้างหลัง นางจึงคิดว่าเมื่อถอยไปจะไม่ล้ม แต่หลังจากถอยไปสองสามก้าว นางก็สะดุดล้มลงบนพื้นด้วยเสียงอันดัง

กู้ซินเถากัดฟันด้วยความเจ็บปวด

จ้าวเซิงมองดูอย่างเย็นชา เมื่อเห็นกู้จือเหวินเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการที่จะยกเลิกการเดิมพัน เขาเหลือบมองกู้จือเหวินอย่างไม่พอใจ เมื่อสักครู่เขาทำหน้าที่เป็นคนกลาง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาต้องให้แม่นางกู้ได้ดอกเบี้ยกลับมาบ้าง ไม่เช่นนั้นจะเป็นการดูถูกนาง

จ้าวเซิงตะโกนเสียงดัง “เจ้าจะไม่ขอโทษจริงหรือ?” สีหน้าของเขาดุดัน หัวใจของกู้จือเหวินแข็งไปเมื่อเขาได้ยิน แต่เขายังคงตะโกนว่า “ข้าจะไม่ขอโทษ ให้ตายอย่างไรก็จะไม่ขอโทษ! พวกเจ้าทุกคนรวมหัวกันรังแกข้า!”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

คำพูดไม่เป็นคำพูด นายเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่ากู้จือเหวิน สมกับเป็นแม่ลูกกันเหลือเกิน ว่าไหมคะ

ไหหม่า(海馬)