บทที่ 440 กู้หวนเนี่ยนยอมรับ

“น้าฝาง นี่เป็นยารักษาแผลที่ข้าซื้อมาให้ท่าน ท่านได้โปรดรับเอาไว้ด้วย” ฝางเหมี่ยวไม่ต้องการให้มารดารับเอาไว้ แต่นางฝางกลับยื่นมือไปฉวยมา

นางหลี่และบุตรชาย กล่าวคำขอโทษอีกครั้งก่อนจากไป

นางฝางอารมณ์ดี ไม่ใช่เพราะได้รับคำขอโทษจากคนทั้งคู่ แต่เป็นเพราะนางรู้สึกว่าหลี่คงเป็นคนดีจริงๆ

แม้ว่านางหลี่เฉินซื่อมารดาของเขาจะหยิ่งยะโสไปบ้าง แต่ถ้าหากหลี่คงไม่ได้ยอมเห็นแก่นางไปเสียทุกเรื่อง ชีวิตของบุตรสาวในสกุลหลี่คงไม่แย่มากนัก

“ท่านแม่ ทำไมท่านถึงได้รับยาจากหลี่คงเจ้าคะ? ข้าจะไปซื้อยาให้ท่าน” ฝางเหมี่ยวถามมารดา นางมองบุตรสาวด้วยรอยยิ้ม

“ทำไม ท่านแม่มองข้าแบบนั้น?”

“เหมี่ยวเหมี่ยว…หลี่คงเป็นเด็กดีจริงๆ” นางฝางอดเอ่ยชมไม่ได้

“ก็ดี แต่…”

“ไม่ต้องแต่แล้ว…หากสกุลหลี่มาสู่ขอเจ้า แม่จะตอบตกลง”

ฝางเหมี่ยวตื่นตระหนก นางร้อนรนที่จะหาเหตุผลมาปฏิเสธ

“แต่นางหลี่เฉินซื่อดุร้ายมาก ข้า…”

“แค่หลี่คงดีต่อเจ้าก็พอแล้ว เหมี่ยวเหมี่ยวไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบหรอกนะ หากเจ้าได้แต่งงานกับหลี่คง แม่จะสบายใจ”

“ท่านแม่ ข้ายังไม่อยาก…” นางฝางจ้องหน้าบุตรสาว

“เหมี่ยวเหมี่ยวเจ้ามีคนที่ชอบแล้วหรือ?” ฝางเหมี่ยวไม่ตอบหาก ดวงตาของนางกะพริบ นางฝางจึงรับรู้ได้

“ลูกชอบใครหรือ?”

วันก่อนนั้นบุตรสาวแต่งตัวสวยงาม วิ่งออกจากบ้านไปอย่างงร่าเริง นางรู้สึกผิดสังเกตไม่น้อย

“ท่านแม่…” ฝางเหมี่ยวอายที่จะพูดขึ้นมา

“บอกแม่มาเถอะ” นางเกลี้ยกล่อมบุตรสาว

ฝางเหมี่ยวก้มหัวกระชิบบอกมารดาเบาๆ

“ใต้เท้ากู้เจ้าค่ะ” นางฟางตกใจเมื่อได้ยิน

ใต้เท้ากู้เป็นผู้พิพากษาของศาลต้าหลี่ สถานะและตัวตนของเขาแตกต่างจากฝางเหมี่ยวมากเหลือเกิน เขาเป็นคนที่ลูกสาวของนางไม่อาจปีนป่ายไปหาได้

“เหมี่ยวเหมี่ยว เจ้าอย่าได้อะไรให้เกินตัว คนอย่างเราย่อมไม่คู่ควร”

“ใต้เท้ากู้เหมือนดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า ลูกไม่อาจไขว่คว้าเขามาได้หรอก”

ฝางเหมี่ยวทายาให้มารดา นางรู้ว่าสิ่งที่มารดาพูดเป็นเรื่องจริง แต่นางยังคงอดเสียใจไม่ได้อยู่ดี

“เหมี่ยวเหมี่ยว เจ้าเลิกคิดเถอะ”

ฝางเหมี่ยวกัดฟัน ใบหน้าเล็กๆ ของนางส่อแววดื้อดึง ไม่ยอมรับชะตากรรมของตนเอง

นางยังเด็กไม่รู้ว่าช่องว่างระหว่างชนชั้นนั้นเป็นอุปสรรคที่กว้างใหญ่แค่ไหน

………………

สกุลกู้

ถังหลี่คุยกับมารดาอยู่พักใหญ่ เมื่อออกมาจากห้องนางจึงได้วิ่งไปหาพี่ชาย หลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้นเมื่อครั้งก่อนนางคุยกับพี่ชายถามไถ่เขาแล้ว แต่พี่ใหญ่ของนางไม่พูดไม่จาปิดปากเงียบ แม้แต่นางก็ไม่อาจง้างปากเขาให้พูดออกมาได้

หรือว่าพี่ชายจะไม่สนใจฝางเหมี่ยว?

แต่หลังจากคิดทบทวนไปมา ถังหลี่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติออกไป

หลังจากที่นางถามพี่ใหญ่ถึงเหตุการณ์ในวันนั้น กู้หวนเนี่ยนเดินไปมาเอามือไพล่หลัง ท่าทางดูไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่นัก เหมือนว่าเขาไม่สนใจ หลังจากนั้นนางไม่ได้พบกับพี่ชายอีก นางจึงไม่ได้ถามไถ่เขา หากเจอเขาในวันนี้นางจะต้องถามเขาให้ได้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่?

“พี่ใหญ่” ถังหลี่เรียกเขา

กู้หวนเนี่ยนมองน้องสาวอย่างอ่อนโยน

“น้องเล็ก”

“พี่ชาย ท่านไม่ชอบฝางเหมี่ยวจริงๆ หรือ?” ถังหลี่โพล่งถามออกมาอย่างตรงไปตรงมา กู้หวนเนี่ยนกะพริบตา เม้มริมฝีปากไม่พูดอะไรออกมา ถังหลี่ไม่พลาดการแสดงออกของเขา

พี่ชายชอบนางหรือไม่? แต่แล้วดูเหมือนว่าบ่าวข้างกายของพี่ชายจะทำท่าบุ้ยใบ้ราวกับมีเรื่องจะพูดกับนาง

“อาฉี เจ้ามานี่สิ”

ถังหลี่เรียกอาฉีออกไปข้างนอก อาฉีเดินเข้าไปที่ข้างกายของถังหลี่ เขากระซิบว่า

“นายท่านชอบแม่นางฝาง” ช่างน่าอึดอัดยิ่งนัก เขากังวลแทบจะตายอยู่แล้ว

“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”

พี่ชายของนางต้องทำอาการบางอย่างให้อาฉีเห็น เขาถึงได้จับสังเกตได้

“เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้า มีชายหนุ่มมาหาแม่นางฟาง นายท่านเกิดอาการหึงหวง ขอให้บ่าวเรียกแม่นางฟางกลับไปทำงานที่ศาลต้าหลี่”

พอถังหลี่ได้ยินนางก็คิดได้ทันที ไม่ใช่ว่าพี่ชายของนางไม่ชอบฝางเหมี่ยว หากเป็นเพราะเขาไม่รู้จะแสดงออกอย่างไร เขาทั้งอายและขัดเขิน

เมื่อวันที่นัดพบกันในร้านอาหารวันนั้น พี่ชายของนางกระโดดออกจากหน้าต่างไปไม่ใช่เป็นเพราะเขาไม่ชอบฝางเหมี่ยว แต่เขาประหม่าเกินไปจนไม่รู้จะจัดการกับอารมณ์ของตนเองได้อย่างไรมากกว่า

ใต้เท้ากู้ผู้เฉลียวฉลาดเก่งกาจ แต่ในเรื่องของความรู้สึกละเอียดอ่อน เขากลับงุ่มง่ามตอบสนองได้อยางเชื่องช้า

ถังหลี่โกรธที่เขาทำให้ฝางเหมี่ยวเสียใจ แต่ก็ยังอดขำพี่ชายไม่ได้

“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” นางถามอาฉี

“บ่าวไปสอบถามมาแล้ว เขาเป็นช่างไม้ที่ชื่อหลี่คง”

ในฐานะที่เขาเป็นบ่าวติดตามนายท่านมานาน เขาย่อมไปหาข้อมูลของศัตรูหัวใจของนายท่านมาอย่างเรียบร้อย แต่นายท่านของเขาช่างน่าหงุดหงิด หากเขาแพ้ช่างไม้ผู้ขั้น อาฉีคงไม่รู้จะพูดอะไร

หลี่คง? ช่างไม้?

ถังหลี่จำได้ว่าในนิยายดั้งเดิมนั้นสามีของฝางเหมี่ยวเป็นช่างไม้ เขาเป็นคนดี แม้ว่าฝางเหมี่ยวจะไม่ชอบเขา แต่การที่ทั้งคู่ได้ลงเอยกัน กลับเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความทุกข์ของของฝางเหมี่ยว

ในนิยายนั้นฝางเหมี่ยวและพี่ชายของนางต่างมีใจให้แก่กัน แต่กลับไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ต่างเก็บความรู้สึกของตนเอาไว้ในใจ ฝางเหมี่ยวมีสถานะที่ด้อยกว่า นางย่อมซ่อนความรักไว้ในหัวใจของนาง แต่พี่ชายของนางกลับเป็นคนทื่อ เขาไม่รู้จะแสดงออกถึงความรู้สึกของตนได้อย่างไร?

พวกเขาจึงแคล้วคลาดกันไป

แต่ตอนนี้เป็นเพราะการเกลี้ยกล่อมจากถังหลี่ทำให้ฝางเหมี่ยวเริ่มที่จะเปิดใจของนาง แต่ปัญหากับอยู่ที่กู้หวนเนี่ยน หากพี่ชายยังไม่เริ่มต้นคิดสานสัมพันธ์กับนางแล้วละก็ พี่สะใภ้ของนางคงได้ตกไปเป็นของคนอื่นอย่างแน่นอน!

ถังหลี่และอาฉีกระซิบกระซาบกัน หลังจากนั้นจึงได้เดินกลับไปหาพี่ชาย

กู้หวนเนี่ยนจ้องอาฉี จนทำให้เขาต้องเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังของถังหลี่

“พี่ชาย อาฉีไม่ได้ทำอะไรผิด พี่อย่ามองเขาแบบนั้น”

เมื่อเห็นคุณหนูปกป้องเขา อาฉีจึงได้ยกหน้าอกขึ้นเดินไปอยู่ที่ข้างกายของกู้หวนเนี่ยนตามเดิม

“พี่ชาย ข้าเคยได้พูดคุยกับฝางเหมี่ยวมาก่อนหน้า นางชอบพี่ชายจริงๆ หลังจากวันที่พี่ออกไปโดยไม่ได้พูดจาอะไรกับนางเลย นางเสียใจจนแทบจะร้องไห้ออกมา” ถังหลี่พูดกับเขาตรงๆ

หากต้องรับมือกับคนอย่างกู้หวนเนี่ยนที่ไร้ประสบการณ์ในการเกี้ยวพาผู้หญิงแล้ว มีแต่ต้องพูดจากับเขาอย่างตรงไปตรงมาเขาถึงจะเข้าใจ

กู้หวนเนี่ยนขมวดคิ้ว ไม่น่าแปลกใจที่วันนั้นฝางเหมี่ยวจะเพิกเฉยไม่สนใจที่จะพูดจากับเขาในวันต่อมา เป็นเพราะเขาทำร้ายนาง…

เมื่อกู้หวนเนี่ยนหวนคิดถึงดวงตาสีแดงก่ำของนางที่จะร้องไห้แล้ว เขาหดหู่ไม่สบายใจขึ้นมาทันใด

“พี่ชาย หากพี่ชอบนาง พี่ต้องพูดเอ่ยปากตรงๆ กับนาง พี่ต้องหนังหนาบ้างไม่เช่นนั้นจะมีภรรยาได้อย่างไร?”

คงจะดีไม่น้อยหากมีตำราจีบหญิงในสมัยโบราณ พี่ชายของนางคงได้ใช้เป็นแน่

อาฉีพยักหน้าอย่างเห็นด้วยอยู่ข้างๆ

ใช่ต้องไร้ยางอายบ้าง ไม่เช่นนั้นจะมีเมียได้อย่างไร?

“ไม่เช่นนั้นนางจะกลายเป็นภรรยาของผู้อื่นไป” ถังหลี่ขู่เขา

เป็นภรรยาของผู้อื่น! เมื่อกู้หวนเนี่ยนคิดว่าฝางเหมี่ยวกำลังจะแต่งงานและจะกลายเป็นเจ้าสาวของชายอื่น เขารู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาพร้อมกับเศร้าใจ ในที่สุดกู้หวนเนี่ยนก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่อาจจะยอมรับให้ฟางเหมี่ยวให้แต่งงานกับผู้อื่นได้!