บทที่ 439 คุณฝันไปเถอะ

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่439 คุณฝันไปเถอะ

ลี่จุนถิงไม่ได้มองเคธี่ที่กำลังเดินเข้ามาหาตัวเองเลย แต่กลับเป็นฟั่นเพ่ยตอนที่เคธี่เดินเข้ามาหานั้น สายตาของเขามองไปทางเคธี่อย่างเต็มสองลูกตา

ถ้าเกิดลี่จุนถิงไม่รู้ว่าฟั่นเพ่ยเป็นคนที่ตัวเองจัดหามา เขาเองก็คงเข้าใจเหมือนกัน ว่าอีกฝ่ายคงจะตกหลุมรักเคธี่ตั้งแต่แรกพบ

เห็นเพียงฟั่นเพ่ยที่มองเคธี่ด้วยสายตาทั้งสองข้าง อย่างไม่ละสายตา ในแววตามีแต่ความตะลึงในความสวยงามและหลงรัก

ตั้งแต่เริ่มแรกจนตอนนี้ แววตาของเคธี่มัวแต่มองลี่จุนถิง แต่ว่าเธอเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เห็นว่ามีคนอื่นที่จับตามองเธออยู่ เพราะความอิจฉาในความสวยนั้นถึงทำให้เธอรู้สึกพอใจ

เห็นได้ชัด ว่าแววตาที่หลงใหลของฟั่นเพ่ยนั้นเองก็ถูกเคธี่มองเห็นเหมือนกัน

มันทำให้เคธี่ยิ่งรู้สึกมั่นใจเข้าไปใหญ่

เคธี่เดินเข้ามาหาลี่จุนถิง ก่อนจะทักทายอีกฝ่ายโดยการยื่นมือหนึ่งออกไป。

“ไฮ สวัสดี ฉันชื่อฟั่นเพ่ยเป็นผู้จัดการการขายคนใหม่ของบริษัท”

ฟั่นเพ่ยเข้ามาอยู่ระหว่างลี่จุนถิงกับเคธี่ด้วยตัวเอง จากนั้นก็ยิ้มแล้วมองไปทางคนด้านหลัง

ไม่พูดไม่ได้เลย ว่าถึงจะเป็นคนที่ทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ แต่จุดแข็งของฟั่นเพ่ยนั้นก็ไม่เลวเลยทีเดียว

เขาเตี้ยกว่าลี่จุนถิงนิดเดียว หน้าตาก็ดูดีมีชีวิตชีวาไม่น้อยเลย เวลายิ้มขึ้นมาก็เห็นเขี้ยวทั้งสองด้วย ทำให้ผู้หญิงชอบเป็นอย่างมาก

ถึงเคธี่จะไม่ได้สนใจมาก แต่เมื่อเห็นว่าเขาอยู่กับลี่จุนถิง เธอเองก็ทำตัวเย็นชาใส่เขาไม่ได้เท่าไหร่

ในสถานการณ์แบบนี้ถึงฟั่นเพ่ยจะเทียบกับลี่จุนถิงไม่ได้เท่าไหร่ แต่ว่าก็ถือเป็นคนที่เก่งและโดดเด่นไม่น้อยเลย ยิ่งคนที่โดดเด่นมาจีบตัวเองเท่าไหร่ สำหรับเคธี่ ถือว่าน่าพอใจเป็นอย่างมาก

ดังนั้นสำหรับสัญญาณดีๆ ของฟั่นเพ่ยที่เกิดขึ้น เคธี่เลยยิ้มให้ แต่กลับยังมีท่าทีเย่อหยิ่งอยู่เหมือนเดิม เธอยื่นมือออกไปจับมือของฟั่นเพ่ยเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น: “เคธี่ สวัสดี”

ตอนแรกเคธี่คิดจะจับมือทักทายแล้วปล่อย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าฟั่นเพ่ยจะยังจับมือของเธอไม่ยอมปล่อย

“เคธี่ คุณเป็นคนที่สวยที่สุดที่ฉันเจอเลยล่ะ”

ตอนแรกเคธี่ไม่ชอบใจที่ฟั่นเพ่ยมาจับมือของตัวเองไปเรื่อยแบบนี้ แต่จู่ๆ อีกฝ่ายออกปากชมตัวเองแบบนี้ เลยไม่ได้โกรธเท่าไหร่แล้ว

เคธี่พูดกับฟั่นเพ่ยว่า: “ขอบคุณ”

หลังจากที่เคธี่พูดกับฟั่นเพ่ยจบ ก็คิดจะคุยกับลี่จุนถิงต่อ กลับคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะวางแก้วไวน์ลงก่อนจะจากไป

เคธี่ถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจทันที: “คุณจะไปแล้วเหรอ?”

ลี่จุนถิงพยักหน้า ก่อนจะจากไป เคธี่อยากจะรั้งเขาไว้ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่ามือของตัวเองจะถูกฟั่นเพ่ยจับเอาไว้ โดยที่สะบัดไม่ออกเลยแม้แต่น้อย

เคธี่ร้อนใจขึ้นมาทันที พลางคิดว่าชายคนนี้ไม่รู้เวลาเลยแม้แต่น้อย

“คุณจับฉันทำไม?ไม่รู้จักมารยาทขั้นต้นเหรอ?” เคธี่คงจะร้อนใจจริงๆ เลยเปิดปากขึ้นพูดอย่างไม่ไว้หน้าเท่าไหร่ทันที

แต่ฟั่นเพ่ยที่ถูกต่อว่าไม่เพียงไม่โกรธ ไม่แสดงสีหน้าท่าทางไม่พอใจ แถมยังยิ้มขึ้นมาอีก

เคธี่เห็นอีกฝ่ายยิ้มอย่างประหลาดใจ เลยถามขึ้นด้วยความแปลกใจ: “คุณยิ้มอะไร?”

ฟั่นเพ่ยยังคงจับมือเคธี่อยู่ไม่ปล่อย พลางพูดขึ้น: “คุณอยากจะตามประธานลี่ไปเหรอ?”

เคธี่มองฟั่นเพ่ยด้วยความแปลกใจ ก่อนจะพูดด้วยความรำคาญ: “เกี่ยวอะไรกับคุณด้วยล่ะ?”

ฟั่นเพ่ยยิ้มขึ้นมาในทันที: “ผู้หญิงโกรธก็ไม่สวยแล้วน่ะสิ ประธานลี่ติดธุระเลยต้องไปก่อน คุณตามไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก”

เคธี่สงสัย: “คุณรู้ได้อย่างไรว่าเขามีธุระ?”

ฟั่นเพ่ยยิ้มขึ้นอย่างลึกซึ้ง: “ประธานลี่บอกฉันน่ะ”

“ทำไมเขาถึงบอกคุณล่ะ?”

“เพราะฉันกับประธานลี่เป็นเพื่อนสนิทกัน”

“เพื่อนสนิทงั้นเหรอ?” เคธี่ไม่ค่อยเชื่อคำพูดของฟั่นเพ่ยอย่างเห็นได้ชัด ถึงเขาจะดูดีไม่น้อย แต่ว่าคนที่จะได้เป็นเพื่อนกับลี่จุนถิง จะเป็นพนักงานของเขาได้อย่างไร แถมยังเป็นแค่หัวหน้าผู้จัดการแผนกหนึ่งเอง

แววตาของเคธี่นั้นไม่เชื่อเป็นอย่างมาก ฟั่นเพ่ยเองก็ไม่ใช่ว่าจะมองไม่ออก แต่สำหรับฟั่นเพ่ยมันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องสนใจเท่าไหร่ เพราะตัวตนนี้ก็เป็นตัวตนปลอมอยู่แล้ว ทุกอย่างก็ใช้เพียงคำพูดเท่านั้นเอง

ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ แต่ว่าฟั่นเพ่ยก็เข้าใจเคธี่มากขึ้น ผู้หญิงคนนี้เสียหน้าไม่ได้ สำหรับชายที่แพรวพราวในเรื่องผู้หญิงอย่างฟั่นเพ่ยนั้น ผู้หญิงแบบนี้ได้มาครอบครองยากแต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถ

ฟั่นเพ่ยพูดขึ้น: “มีอะไรให้ไม่น่าเชื่องั้นเหรอ?ถ้าไม่ใช่เพราะประธานลี่ขอร้องฉัน ฉันก็ไม่อยากไปช่วยเขาดูแลแผนกเล็กๆ ของบริษัทเขาหรอก!”

“ช่วยงั้นเหรอ?” เคธี่มองไปทางฟั่นเพ่ยในแววตาเต็มไปด้วยความงุนงง

ฟั่นเพ่ยเห็นว่าอีกฝ่ายติดกับแล้ว ก็แอบยิ้มขึ้นมาด้วยความน่าค้นหา

รอยยิ้มของฟั่นเพ่ยนั้น ดึงดูดความสนใจของเคธี่เป็นอย่างมาก

“คุณเป็นใครงั้นเหรอ?” เคธี่ถามขึ้น

แต่ฟั่นเพ่ยกลับไม่ได้ตอบอะไรเคธี่แล้ว

เคธี่เห็นดังนั้น ก็หงุดหงิดขึ้นมา เธอเลยไม่อยากจะสนใจอีกฝ่ายอีก พลางชักมือของตัวเองกลับมาจากมือของอีกฝ่าย

ครั้งนี้ฟั่นเพ่ยกลับไม่ได้รั้งมือของเคธี่เอาไว้ แต่กลับปล่อยไปง่ายๆ

เมื่อเป็นแบบนี้ เคธี่กลับรู้สึกแปลก เธอมองฟั่นเพ่ยด้วยความแปลกใจอยู่สักพัก พลางคิดว่าอีกฝ่ายแค่วางท่าเท่านั้นเอง

แต่ขณะที่เคธี่กำลังจะตามลี่จุนถิงไปนั้น จู่ๆ ฟั่นเพ่ยก็เปิดปากพูดขึ้นอีกครั้ง: “ไม่ต้องตามไปหรอก น่าจะไปไกลแล้วล่ะ”

เคธี่ไม่เชื่อ แล้วก็ไม่ได้สนใจฟั่นเพ่ยอีก แต่ยังจะอยากตามไปเหมือนเดิม

ฟั่นเพ่ยมองหญิงใส่ส้นสูงที่กำลังจะเดินออกไป ก็ยิ้มขึ้นอย่างมีนัย

แต่เธอดูไม่มีท่าทีตึงเครียดเลย เพราะเห็นฟั่นเพ่ยค่อยๆ วางแก้วไลน์ลง จากนั้นก็เดินออกไปโถงเต้นรำด้านนอกอย่างไม่รีบร้อน

แต่เรื่องจริงก็ปรากฏอยู่เต็มตา ดังนั้นความมั่นใจของฟั่นเพ่ยนั้นไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล เมื่อเขาเดินออกไปจากงานเต้นรำ ก็เห็นผู้หญิงที่ยืนโกรธอยู่ตรงประตูโรงแรมอย่างที่คิดเอาไว้

ฟั่นเพ่ยเอามือกอดอก ก่อนจะเดินไปหาเคธี่ที่กำลังโกรธอยู่

เมื่อเคธี่เห็นฟั่นเพ่ยเดินมา ก็เปิดปากพูดขึ้นอย่างเย็นชา: “คุณมาทำไม?”

ฟั่นเพ่ยยิ้มขึ้น: “เห็นได้ชัดเลยว่าประธานลี่ไม่สนใจคุณเลย คุณไปกับฉันดีกว่าไหม?ฉันจะพาคุณไปที่ที่สนุกสักหน่อยน่ะ?”

ตอนแรกเคธี่โกรธเพราะลี่จุนถิงจากไป ตอนนี้ฟั่นเพ่ยพูดแทงใจดำอีก มันยิ่งทำให้เธอโยนความโกรธใส่อีกฝ่ายเข้าไปใหญ่

“คุณฝันไปเถอะ!”

เมื่อเคธี่พูดจบ ก็กำลังจะเดินออกไปพร้อมกันรองเท้าส้นสูงคู่เดิม

แต่เคธี่เพิ่งจะเดินออกไปเพียงสองก้าว ฟั่นเพ่ยก็รีบตามไป

เมื่อเห็นฟั่นเพ่ยจะจับมือของตัวเองอีกครั้ง เคธี่ก็รีบหลบ ก่อนจะรีบขึ้นรถของตัวเองไป

แต่ว่าใครก็คิดไม่ถึง ว่าตอนที่เคธี่ขึ้นรถไปนั้น ฟั่นเพ่ยกลับขึ้นมานั่งด้านข้างคนขับของเธออย่างหน้าไม่อาย

เคธี่โตมาในสภาพแวดล้อมที่ดี ตัวตนของเธอกับใบหน้าก็สะสวยและโดดเด่นไม่น้อย มีคนเข้ามาจีบเธอไม่ขาดสาย แต่ในบรรดาคนที่มาจีบเธอนั้น มีพวกที่ไม่ยอมแพ้ไม่น้อยเลย

ในเมื่อเป็นแบบนี้ คนที่ไม่ยอมถอยง่ายๆ แถมยังหน้าไม่อายเหมือนฟั่นเพ่ยนั้น เคธี่เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก