บทที่440 ยอมแพ้ไม่ได้
ตอนแรกเคธี่กำลังจะขับรถของตัวเองออกไป แต่หลังจากที่มีตัวขัดขวางคนนี้เข้ามา เธอก็โกรธขึ้นมาเป็นอย่างมาก
เคธี่หันมา พลางพูดด้วยความรำคาญใจ: “คุณลงไปจากรถซะ”
เมื่อได้ยินคำนี้ฟั่นเพ่ยกลับไม่เพียงไม่ลงจากรถ แต่ยังคาดเข็มขัดนิรภัยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มให้ตัวเอง หลังจากที่คาดเสร็จ เขาก็ไม่ลืมที่จะหันหัวมาหยอกเคธี่: “ฉันบอกแล้วไง ว่าผู้หญิงโกรธแล้วไม่สวยหรอก”
เมิ้ออีกฝ่ายพูดออกมา เคธี่ก็ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่
“คุณไม่เข้าใจภาษาคนเหรอ?”
ท่าทีของฟั่นเพ่ยยังทำเหมือนฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง เขาเบือนหน้าหนีเคธี่ พลางมองไปข้างหน้า และแน่นอนว่ารถไม่มีท่าทีจะขับออกไปเลย
เคธี่ทั้งตกใจทั้งไร้หนทางกับชายไร้ยางอายคนนี้ เธอตอนนี้อยากจะเรียกผู้รักษาความปลอดภัยให้มาเอาตัวชายไร้ยางอายคนนี้ออกไป แต่ว่าเมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ของอีกฝ่ายกับลี่จุนถิง สุดท้ายเลยพยายามอดทนเอาไว้
เธอไร้ทางเลือก สุดท้ายเคธี่เลยได้แต่พูดเพื่อโน้มน้าว: “บอกมาเถอะ คุณจะไปที่ไหน ฉันจะไปส่งคุณเอง”
เมื่อฟั่นเพ่ยได้ยินดังนั้น ในแววตาก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา เขาไม่เพียงแค่ไม่เกรงใจ แต่ยังบอกสถานที่มาอย่างไม่ลังเล
หลังจากที่บอกที่อยู่เสร็จ ฟั่นเพ่ยยังยิ้มพลางพูดหยอกล้อเคธี่ด้วย: “มีสาวสวยขนาดนี้มาส่งกลับบ้านนี่ถือเป็นเกียรติจริงๆ เลย”
นอกจากเคธี่จะอยากโยนฟั่นเพ่ยลงจากรถก็ไม่มีความคิดอื่นแล้ว ดังนั้นเธอเลยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะพูดคำพูดไร้ยางอายอะไรออกมา
เมื่อใส่สถานที่ลงในแผนที่นำทาง เคธี่ก็เริ่มขับรถออกไป แล้วเคธี่จอดรถ ก็พบว่าที่ที่ตัวเองมานั้นเป็นสวนสนุก เธอก็มีใบหน้าที่มืดมัวลง
“คุณอยากจะทำอะไรกันแน่?!”
จากนั้นฟั่นเพ่ยยังตอบอะไรที่ไร้ประโยชน์ออกมาเหมือนเดิม โดยการพูดแทรกขึ้นมา: “เห็นคุณอารมณ์ไม่ดี เลยอยากจะพาคุณมาสวนสนุกสักหน่อยน่ะ”
ถ้าเกิดฟั่นเพ่ยไม่ใช่เพื่อนสนิทของลี่จุนถิง ตอนนี้เคธี่จะต้องถีบอีกฝ่ายลงรถไปแล้วแน่นอน แต่นี่เป็นเขาเสียอย่างนั้น
แต่เขาเป็นเพื่อนของลี่จุนถิงเลยทำได้ยากมากกว่าเดิม
นั่นมันหมายความว่า เคธี่ไม่สามารถใช้วิธีแรงๆ กับฟั่นเพ่ยได้
เคธี่มองฟั่นเพ่ยด้วยความโกรธ จากนั้นก็มองไปทางด้านนอกของสวนสนุก ก่อนจะมีความคิดหนึ่งขึ้นมา
จากนั้นเธอเลยหันมา พลางมองไปทางฟั่นเพ่ยแล้วพูดว่า: “ได้ งั้นฉันจะลงรถไปกับคุณ”
ตอนแรกคิดว่าทั้งสองคนจะยึดยื้อกันอยู่บนรถสักพัก แต่ฟั่นเพ่ยคิดไม่ถึงเลย ว่าอีกฝ่ายจะยอมตอบตกลงอย่างง่ายๆ
เขามองเคธี่ด้วยความสงสัยเล็กน้อย พลางมีสัญชาตญาณบอกว่าอีกฝ่ายมีแผนอื่น
เคธี่เองก็ไม่ได้โง่ เธอแกล้งพูดไปว่า: “เข้าไปเล่นกับคุณสักพัก แล้วคุณก็กลับบ้านไป โอเคไหม?”
ฟั่นเพ่ยเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อได้ฟังเคธี่พูดดังนั้น ในใจพลางคิดว่าเธอมีความคิดแบบนี้นี่เอง จากนั้นเลยยอมตอบตกลงไป
แต่เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด ฟั่นเพ่ยเลยให้เคธี่ลงจากรถก่อน
เคธี่เองก็เล่นไปตามน้ำ จากนั้นเลยลงจากรถไปอย่างไม่ลังเล
เมื่อฟั่นเพ่ยเป็นแบบนั้น ก็คิดว่าอีกฝ่ายยอมตัวเองเพราะทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ เลยลงรถตามไป
ใครจะไปคิดว่าหลังจากที่ฟั่นเพ่ยลงจากรถแล้วปิดประตูด้านข้างคนขับ เคธี่ที่อยู่อีกฝั่งจะรีบขึ้นรถมา จากนั้นก็รีบปิดประตู พลางเร่งเครื่องยนต์ แล้วขับออกไปไกล
หลังจากที่รถขับออกไปแล้ว ฟั่นเพ่ยถึงจะมีสติขึ้นมา
คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกผู้หญิงคนนี้หลอกเอาได้ ฟั่นเพ่ยมองดูรถที่ขับออกไปไกล จากนั้นก็ยิ้มขึ้นอย่างมีนัย
แต่ไม่เป็นไร เพราะพวกเขายังมีโอกาสจะได้เจอกันอีก
ยังมีโอกาสอีกมาก
หลังจากที่เคธี่กลับไป ก็คิดว่าฟั่นเพ่ยแค่เป็นบ้าขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
ถึงอย่างไรก็เป็นเพื่อนของลี่จุนถิง ตัวเองเลยไม่ได้สับสนหรือคิดมากอะไร คงต้องรอให้เธอกลายเป็นผู้หญิงของลี่จุนถิงก่อน ถึงจะมีความเป็นไปได้แล้วล่ะ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ อารมณ์ของเคธี่ก็ดีขึ้นมา
หลังจากที่ฟั่นเพ่ยกลับไปแล้ว ก็คิดแผนของตัวเองต่อ ว่าควรจะปรากฏตัวต่อหน้าเคธี่ เพื่อแสดงความรักที่มีอย่างไรดี
จากนั้น ฟั่นเพ่ยก็ใช้วิธีมากมาย เพื่อยุ่มย่ามกับเคธี่ช่วงหนึ่ง
เคธี่หงุดหงิดเป็นอย่างมาก แต่ว่าเมื่อคิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นเพื่อนของลี่จุนถิง แถมลี่จุนถิงยังดูเหมือนจะใส่ใจเขามากอีกด้วย ดังนั้นเคธี่เลยไม่กล้าแสดงท่าทีเกลียดมากจนเกินไป มีเพียงแค่ใบหน้าที่แสดงความเกลียดออกมาเท่านั้น
ฟั่นเพ่ยจะมองไม่ออกได้อย่างไร แต่ว่าฟั่นเพ่ยเองก็ไม่กล้าเข้าใกล้มากเกินไป จึงทำได้เพียงค่อยๆ ตะล่อมเข้าหาเท่านั้น
วันนี้ไม่รู้ว่าเคธี่ไปรู้ได้อย่างไรว่าวันนี้ลี่จุนถิงจะมีการคุยธุรกิจกับลูกค้า ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
เคธี่มีความคิดที่อยากจะสร้างสถานการณ์เพื่อให้ได้เจอโดยบังเอิญผุดขึ้นมา
ดังนั้นเลยมาที่ร้านกาแฟแห่งนี้
เคธี่มองดูคนในร้านกาแฟ แต่ก็ไม่เห็นลี่จุนถิงเลย
จากนั้นก็คิดอย่างละเอียด พลางคิดว่าในเมื่อเป็นการคุยทางธุรกิจ จะต้องจองห้องส่วนตัวเองไว้แน่นอน
ดังนั้นถามพนักงานที่ยืนอยู่ตรงประตู
“พี่สุดหล่อ ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?” เคธี่กะพริบตาปริบๆ ให้พนักงานชาย
พนักงานชายเห็นเคธี่ก็ตาลุกวาว หญิงที่อยู่ตรงหน้านั้นสวยไม่น้อยเลย เธอมีผมสีทองยาว แถมยังดัดลอนอีกด้วย บนหัวมีแว่นกันแดดอยู่ ดูเข้ากับตาสีฟ้าอ่อน กะพริบตาทีก็ดึงดูดใจชายได้หลายคนเลยล่ะ
พนักงานชายยิ้มขึ้นเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น: “สาวสวย คุณอยากรู้อะไรก็ถามได้เลย ฉันจะช่วยตอบให้คุณเอง”
“วันนี้มีผู้ชายมาที่นี่หรือเปล่า เขาตัวสูง น่าจะ……” เคธี่ใช้นิ้วจิ้มแก้มของตัวเอง พลางมองไปรอบๆ จู่ๆ ก็เห็นป้ายโฆษณาด้านตรงข้ามถนน บนนั้นลี่จุนถิงกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังมีคุณภาพตัวหนึ่ง พลางเอนตัวไปด้านหลัง มือทั้งสองวางอยู่ตรงที่วางแขน พลางมองไปด้านหน้าด้วยความทระนง ดูหล่อเหลาเป็นพิเศษเลยล่ะ
ผู้หญิงที่เดินผ่านไปมาต่างต้องมอง
“เขาไง!” เคธี่ชี้ไปทางป้ายโฆษณานั้น
พนักงานมองตามทางที่เคธี่ชี้ไป ก็เห็นว่าเป็นลี่จุนถิง เลยรู้สึกตกใจ ก่อนจะพูดขึ้น: “อือ คุณชายลี่เคยมาที่นี่”
“งั้นคุณรีบบอกฉันเถอะ ว่าเขาอยู่ในห้องรับรองห้องไหน?” เคธี่พูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
พนักงานชายก้มหน้าลง: “คุณผู้หญิง ขอโทษด้วยจริงๆ นะ คุณชายลี่เป็นคนระดับvipของฉัน หัวหน้าร้านเคยบอกว่าไม่ให้เปิดเผยข้อมูลของเขา ไม่อย่างนั้นฉันจะถูกไล่ออก
ถึงแม้ว่าพนักงานชายจะหลงความงามของเคธี่เป็นอย่างมาก แต่ว่าในใจก็กลัวตัวเองจะตกงานเหมือนกัน
เคธี่บ่นพึมพำ: “ใจแคบ”
พนักงานชายเงียบไป
เคธี่คิดว่าไม่ได้ จะยอมแพ้ไม่ได้: “งั้นคุณบอกว่าเขาอยู่ทางไหนก็พอแล้วล่ะ ฉันไม่เข้าไปในห้องส่วนตัวหรอก”
พนักงานชายคิดอยู่สักพัก แบบนี้ไม่ถือว่าเป็นการเปิดเผยข้อมูล จากนั้นเลยใช้ช่วงที่เพื่อนร่วมงานไม่เห็น เพื่อชี้บอกให้ไปทางด้านขวา
เคธี่มองไปสักพัก หลังจากรู้ว่าคือที่ไหนแล้ว ก็ยิ้มขึ้น: “โอเคพี่สุดหล่อ ฉันรู้แล้วล่ะ ถ้ามีโอกาสก็มากินข้าวด้วยกันนะ”
เคธี่ผิวปากให้พนักงานชาย จากนั้นก็เดินไปตามทางนั้น
พนักงานชายอึ้งอยู่ตรงนั้น พลางรู้สึกตื่นเต้นขึ้นในใจ