หลู่อ๋องตื่นเต้นมากจนสำลักน้ำชากระเด็นใส่ไท่จื่อ
ไท่จื่อหน้าดำสะบัดแขนเสื้อ “เจ้าห้า เจ้าจะสุภาพสักหน่อยไม่ได้เชียวรึ”
หลู่อ๋องยิ้มเจื่อน “ข้าขออภัยพี่รอง ข้าตื่นเต้นไปหน่อย”
สายตาของทุกคนก็หันไปทางเซียวอ๋องอีกครั้ง
ฉีอ๋องกล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วง “น้องแปด เสด็จพ่อพระราชทานงานแต่งงานให้คุณหนูชุยกับจูจื่ออวี้จริงหรือ”
เซียงอ๋องกับฉีอ๋องมีความสัมพันธ์ดีต่อกันมาเสมอมา จึงพยักหน้าที่หม่นหมอง หงึกๆ
“ยินดีด้วยนะน้องแปด” เสียงใสเสียงหนึ่งดังขึ้น
เซียงอ๋องหันหน้ามอง
อวี้จิ่นยกจอกขึ้นให้กับเขา
“พี่เจ็ดกำลังล้อเล่นอยู่รึ” เซียงอ๋องถามนิ่งๆ
หากว่าเขาชกต่อยในวันนี้ เสด็จพ่อคงจะเข้าใจ
อวี้จิ่นยักคิ้วยิ้มจาง “ข้าไม่ชอบเรื่องล้อเล่นที่สุด แต่ข้ายินดีกับน้องแปดจากใจจริง”
เส้นเอ็นปลายหน้าผากเซียงอ๋องกระตุก มันเป็นความพลุ่งพล่านของอาการอยากต่อยคนที่ใกล้จะควบคุมไม่ไหว
“ไหนพี่เจ็ดลองว่ามา ความยินดีของน้องนั้นมาจากที่ใด”
อวี้จิ่นหมุนจอกสุราในมือแล้วกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบเร่งและไม่รีรอ “แม้คลื่นลมในวันนี้จะทำให้น้องแปดเสียหน้า แต่ก็ดีกว่าไปเกิดขึ้นในภายหลัง เช่นนั้นถึงเสียหน้ายิ่งกว่า น้องแปดว่าใช่หรือไม่”
เซียงอ๋องลังเลครู่หนึ่ง แล้วหยิบจอกสุราขึ้นดื่มมันจนหมดจอกในคราเดียว
เจ้าเจ็ดพูดถูก การได้สลัดหญิงชั่วช้าแซ่ชุยก่อนไหว้ฟ้าดินเป็นเรื่องที่ควรยินดีกับเขา
เหล่าองค์ชายเห็นดังนั้นจึงพากันยกจอกตาม
“ใช่ น้องแปดอย่าได้เก็บมาใส่ใจ เรามาดื่มฉลองด้วยกัน…”
อวี้จิ่นขยับจอกใกล้ริมฝีปากแล้วจิบไปหนึ่งทีพร้อมกับยิ้มจางๆ
ระหว่างทางกลับ อวี้จิ่นบากหน้าเบียดเข้าไปยังรถม้า กอดเจียงซื่อไว้แล้วเอ่ยถาม “อาซื่อ เจ้าว่างานแต่งงานของชุยหมิงเย่ว์กับจูจื่ออวี้จะราบรื่นดีหรือไม่”
เจียงซื่อเอียงหัวหลบกลิ่นฉุนของสุรา นางยิ้มและกล่าว “ย่อมหวังให้มันราบรื่นอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
เดิมทีนึกว่าตัดหนทางการขึ้นเป็นพระชายาเอกของชุยหมิงเย่ว์ได้ก็ถือว่าได้ชัยชนะแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าฮ่องเต้จะมีการแต่งแต้มเรื่องราวให้กลายเป็นเช่นนี้
การจับชุยหมิงเย่ว์กับจูจื่ออวี้ให้อยู่ด้วยกัน เหมือนเป็นการจับคนประเภทเดียวกันมาอยู่ด้วยกันจริงๆ สมกับการเป็นคู่สร้างคู่สม!
เจียงซื่อแทบจะจินตนาการออกว่าเกิดสิ่งใดขึ้นหลังจากนี้
จากความหยิ่งผยองของชุยหมิงเย่ว์ หากว่าจูจื่ออวี้ยังคงเป็นซู่จี๋ซื่อผู้มีอนาคตก้าวไกลอย่างเคยก็ดีหน่อย ให้นางแต่งงานกับผู้ชายไม่เต็มบาท ถูกวงศ์ตระกูลขับไสไล่ส่ง จากนี้ไป ไม่ต้องมีใครทำอะไร พวกเขาก็จะหาเหาใส่หัวเอง
เจียงซื่อเอนกายกับกำแพงรถม้าแล้วยิ้มอ่อน
เป้าหมายเล็กๆ นี้ดูเหมือนใกล้จะเป็นจริงแล้ว
ชุยหมิงเย่ว์นั่งในห้องด้วยสภาพเหี่ยวเฉา ชุดแต่งงานสีแดงสดยังไม่ถอดออก
ชุยอี้ผู้ไม่เคยเห็นกฎแห่งกรรมอยู่ในสายตา ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวข้ามประตู ได้แต่เดินวนไปมาอยู่ตรงทางเดินด้านนอกห้อง
“เจ้าทำอะไรอยู่ตรงนี้”
ชุยอี้เงยหน้าขึ้นเห็นเป็นองค์หญิงใหญ่หรงหยาง จึงตอบกลับด้วยสีหน้าขุ่นมัว “น้องอยู่ด้านในขอรับ”
“พ่อเจ้าล่ะ”
ชุยอี้ชี้ไปยังจุดมืดสลัว “ท่านพ่ออยู่ตรงนั้นขอรับ”
“ดูน้องสาวเจ้าไว้ให้ดี” องค์หญิงใหญ่หรงหยางทิ้งท้ายไว้ ไม่ได้เข้าไปหาชุยหมิงเย่ว์ทันที แต่เดินไปหาชุยซวี่แทน
ชุยซวี่ยืนใต้ต้นดอกกุ้ยฮวา พอได้ยินเสียงฝีเท้าก็ลืมตาขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าองค์หญิงใหญ่หรงหยางเดินมาก็เก็บสายตากลับและคงความเงียบต่อไป
องค์หญิงใหญ่หรงหยางเดินเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นสภาพของชุยซวี่เช่นนี้ อารมณ์พลันเดือดพลุ่ง
“ท่านไม่คิดจะถามสักหน่อยหรือว่าเสด็จพี่ตรัสว่าอย่างไร”
“ฝ่าบาททรงตรัสว่าอย่างไร”
“นี่ท่าน…”
ชุยซวี่มองนางอย่างจนใจ “ถึงเวลานี้แล้ว เรายังจะทะเลาะกันก่อนหรือ”
องค์หญิงใหญ่หรงหยางพลันระบายความรู้สึกออกมาในคราเดียว
“เสด็จพี่จะยกหมิงเย่ว์ให้กับจูจื่ออวี้!”
ชุยซวี่ชะงักครู่หนึ่ง ตามมาด้วยความเงียบที่ยาวนาน
“ชุยซวี่ พูดอะไรหน่อยสิ!” หลายปีมานี้ สิ่งที่องค์หญิงใหญ่หรงหยางเกลียดมากที่สุดก็คือความเย็นชาของผู้ชายคนนี้
ชุยซวี่ยิ้มขมขื่น “นี่เป็นพระราชดำริของฝ่าบาท ข้ายังพูดสิ่งใดได้อีกเล่า หรือว่าเจ้าจะฝ่าฝืนคำสั่ง”
หากฝ่าฝืนคำสั่งได้ เขาคงไม่ตกอยู่ในสภาพนี้หรอก
องค์หญิงใหญ่หรงหยางถูกถามกลับจนพูดไม่ออก
“ในเมื่อเป็นพระราชดำริของฮ่องเต้ เจ้าไปบอกหมิงเย่ว์เถอะ ให้นางเตรียมตัวเอาไว้” พอชุยซวี่พูดจบก็เอามือไขว้หลังแล้วเดินตรงไปยังประตู
“ชุยซวี่…” องค์หญิงใหญ่หรงหยางตะโกนเรียก
ชุยซวี่หยุดเดินพร้อมมองด้วยความสงสัย
มุมปากขององค์หญิงใหญ่หรงหยางสั่น
นางเรียกชุยซวี่ทำไมกัน
พระราชดำรัสสั่งนั้นยากที่จะขัดขืน เรื่องที่บุตรสาวต้องแต่งงานกับจูจื่ออวี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้แล้ว แน่นอนว่านางไม่ได้หมายความให้ชุยซวี่ฝ่าฝืน
แต่ในเวลาเช่นนี้ ในฐานะที่เป็นภรรยา ผู้เป็นสามีจะปลอบใจนางสักหน่อยไม่ได้เชียวหรือ
“ถ้าไม่มีอะไร งั้นข้าขอกลับก่อน” ชุยซวี่หันหลังแล้วจากไปทันที
องค์หญิงใหญ่หรงหยางเดินเข้าไปในห้อง
“ฮ่องเต้พระราชทานงานแต่งงานให้ลูกกับจูจื่ออวี้?” หลังจากที่ฟังคำพูดขององค์หญิงใหญ่หรงหยางจบ ชุยหมิงเย่ว์เอ่ยถามอ้ำอึ้ง
“พระราชโองการจะมาถึงในเร็วๆ นี้”
“เป็นไปไม่ได้!” ชุยหมิงเย่ว์ลุกขึ้น พรวด พร้อมกับดึงแขนเสื้อขององค์หญิงใหญ่หรงหยาง “ฮ่องเต้พระราชทานงานแต่งงานให้ลูกกับจูจื่ออวี้ได้อย่างไร ท่านแม่ ท่านมิได้ไปหาไทเฮาใช่หรือ…”
องค์หญิงใหญ่หรงหยางง้างมือขึ้นแล้วฟาดใส่ชุยหมิงเย่ว์ เพียะ
“เจ้ายังมีหน้าเอ่ยถึงไทเฮาอีกรึ! ถ้าไปรบกวนไทเฮาจนฮ่องเต้ไม่พอพระทัยขึ้นมาอีก แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถตั้งหลักที่เมืองหลวงได้อีกแล้ว!” องค์หญิงใหญ่หรงหยางยิ่งพูด ไฟโทสะก็ยิ่งเดือดพลุ่ง “ทั้งหมดนี้เกิดจากความโง่เขลาของเจ้าทั้งนั้น ตอนนั้น ทำไมเจ้าต้องไปมั่วสุมอยู่กับชายมีภรรยา!”
ชุยหมิงเย่ว์ปิดหน้าไว้ไม่สนใจคำตำหนิขององค์หญิงใหญ่หรงหยาง นางยังถามอย่างยืนกราน “ฮ่องเต้พระราชทานงานแต่งงานให้ลูกกับจูจื่ออวี้จริงๆ หรือ”
เวลานี้ ชุยอี้วิ่งเข้ามา “ท่านแม่ หมิงเย่ว์ กงกงผู้ประกาศพระราชโองการมาถึงแล้ว!”
ชุยหมิงเย่ว์พลันทรุดตัวลงที่เก้าอี้
หลังจากขันทีส่งสาส์นกลับไปแล้ว ชุยหมิงเย่ว์กอดสาสน์ไว้อย่างเหม่อลอย
ทั้งๆ ที่นางจะได้เป็นพระชายาเอกในวันนี้แล้ว ทำไมเรื่องราวถึงกลับตาลปัตรเช่นนี้
ผู้ชายอย่างจูจื่ออวี้มีความกล้าหาญเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ชุยซวี่เห็นถึงความโกรธและความผิดหวังแล่นผ่านสายตาของบุตรสาว แต่สุดท้ายก็ล้วนมลายลงเป็นความจนใจ “หมิงเย่ว์ เจ้าไปเตรียมตัวสักหน่อยเถอะ…ไม่ว่าอย่างไร จากนี้ไปก็จงใช้ชีวิตกับจูจื่ออวี้ดีๆ…”
เมื่อเห็นชุยซวี่กลับไปแล้ว องค์หญิงใหญ่หรงหยางไม่มีกะจิตกะใจจะอยู่เช่นกัน แต่กลับถูกหมิงเย่ว์คว้าข้อมือไว้
“ท่านแม่ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ มีคนจ้องทำร้ายลูกแน่ๆ!”
องค์หญิงใหญ่หรงหยางชะงัก
ชุยหมิงเย่ว์เงยหน้าแล้วออกแรงบีบข้อมือองค์หญิงใหญ่หรงหยาง “ท่านแม่เจ้าคะ คนที่ผลักดันให้จูจื่ออวี้มาก่อเรื่องต้องเป็นพระชายาเยี่ยนอ๋องแน่ๆ!”
สีหน้าขององค์หญิงใหญ่หรงหยางเปลี่ยนไปทันใด “เจ้ามีหลักฐานหรือไม่”
“ลูกไม่มีเจ้าค่ะ แต่ลูกมั่นใจว่าเป็นนาง! ท่านแม่ ท่านต้องช่วยลูกนะ…”
หญิงชั่วช้าแซ่เจียง เล่นงานกลับเพราะเรื่องร้านลู่เซิงเซียงแน่ๆ!
หมากกระดานรอบนี้ นางแพ้ราบคาบ…
เมื่อคิดได้เช่นนี้ น้ำตาชุยหมิงเย่ว์ไหลพรากราวกับฝนตก รู้สึกคิดผิดอย่างที่สุด
นางใจร้อนมากเกินไป หากรอให้ได้เป็นพระชายาเซียงอ๋อง จัดการเสี้ยนหนามจูจื่ออวี้ให้เรียบร้อยแล้วค่อยจัดการหญิงชั่วแซ่เจียงต่อ ก็คงไม่แพ้ราบคาบถึงเพียงนี้
ไม่ ถึงนางจะแพ้จนไม่มีเหลือสิ่งใดอีก นางก็ไม่มีวันเป็นสามีภรรยากับจูจื่ออวี้แน่!
พระราชโองการอยู่ในมือ ชุยหมิงเย่ว์ขึ้นเกี้ยวบุปผาอีกครั้ง เสียงทำนองปัดเป่ายกเกี้ยวมาจนถึงเรือนๆ หนึ่ง
ที่นั่นเป็นพระมหากรุณาธิคุณจากฝ่าบาท เป็นเรือนอยู่อาศัยหลังใหม่ที่มอบให้จูจื่ออวี้ผู้ถูกลบชื่อออกจากวงศ์ตระกูลโดยเฉพาะ
ประชาชนที่มารอดูความคึกคักในครั้งนี้ มีมากกว่าพิธีอภิเษกของเซียงอ๋องมาก พวกเขายืนเบียดกันจนทางถนนแทบไม่มีช่องว่าง
สิ่งที่น่าเสียดายคืองานแต่งงานครั้งนี้ ผ่านไปอย่างราบรื่น ไม่มีเรื่องประหลาดใดๆ เกิดขึ้นอีก
แสงเทียนภายในห้องหอ กำลังร่ายรำและส่องแสงอย่างสว่างไสว
จูจื่ออวี้กำลังจ้องมองคนที่ถูกผ้ามงคลคลุมเอาไว้ แววตาเต็มไปด้วยความสับสน