เจ้าบ่าวตาย เจ้าสาวหายตัว
งานแต่งงานของทั้งสองคนยังเป็นงานพระราชทานอีก…
สาวรับใช้ที่พบศพจูจื่ออวี้ตกใจจนเกือบเป็นบ้า พอได้สติก็ไปรายงานให้องค์หญิงใหญ่หรงหยางทันที
องค์หญิงใหญ่หรงหยางตะลึงงันครู่ใหญ่ จากนั้นก็รีบเร่งไปยังจวนแม่ทัพ
เขากับชุยซวี่ไม่ได้อยู่ด้วยกันมาพักหนึ่งแล้ว
มีบ่าวรับใช้จวนแม่ทัพน้อมทักทายองค์หญิงใหญ่หรงหยางตลอดทางเดิน
“ท่านแม่ทัพของพวกเจ้าล่ะ”
“แม่ทัพกำลังซ้อมดาบอยู่ที่สนามขอรับ”
องค์หญิงใหญ่หรงหยางเดินตรงมาถึงสนามซ้อมที่ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจวน มองแวบเดียว ก็เห็นบุรุษกำยำกำลังร่ายดาบอย่างองอาจใต้แสงตะวัน
“ชุยซวี่…” นางตะโกนเรียก
ชุยซวี่หยุดลง ถือดาบใหญ่เดินเข้ามา
เมื่อเห็นสีหน้านิ่งของชุยซวี่ องค์หญิงใหญ่กัดฟันกล่าว “ท่านยังมีเวลาว่างมาซ้อมดาบอยู่อีกรึ เกิดเรื่องแล้ว!”
“เกิดสิ่งใดขึ้นรึ” ชุยซวี่เก็บดาบแล้วปาดเหงื่อ
องค์หญิงใหญ่หรงหยางตอบเสียงต่ำ “จูจื่ออวี้ตายแล้ว!”
ท่าเช็ดเหงื่อของชุยซวี่หยุดลงกระทันหัน “แล้วหมิงเย่ว์ล่ะ”
“หายตัวไป…” องค์หญิงใหญ่หรงหยางจับข้อมือชุยซวี่ ขวับ “ชุยซวี่ เจ้าว่าควรทำอย่างไรดี”
ชุยซวี่ดึงมือออกเบาๆ พลางกำดาบแน่น “จะทำอย่างไรได้อีก ก็ไปหาคนสิ!”
“แต่ว่า…” องค์หญิงใหญ่หรงหยางอ้ำอึ้ง น้ำเสียงประหลาด “ใครเป็นคนฆ่าจูจื่ออวี้…”
ในคืนสมรส เจ้าบ่าวตาย เจ้าสาวหายตัวไป ใครๆ ก็ต้องสงสัยว่าการตายของเจ้าบ่าวต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าสาว
บุตรสาวในความทรงจำที่เป็นคนใจกว้าง รู้เดียงสา เวลานี้องค์หญิงใหญ่กลับรู้สึกแปลกหน้า
จูจื่ออวี้ถูกฆ่าโดยหมิงเย่ว์หรือไม่…ใจของนางเริ่มสั่น และไม่กล้าคิดอีก
เสียงของชุยซวี่ดังขึ้น “หมิงเย่ว์เคยเรียนศิลปะการต่อสู้กับข้าอยู่หลายปี ปะทะกับคนทั่วไปคนสองคน ไม่ใช่ปัญหาอะไร”
“ชุยซวี่ เจ้าหมายความถึงสิ่งใด”
ชุยซวี่มององค์หญิงใหญ่หรงหยางไม่ขยับ น้ำเสียงเรียบนิ่ง “ข้าหมายความว่า ไม่ว่าความจริงคืออะไร หาคนให้เจอก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
องค์หญิงใหญ่หรงหยางถอนหายใจ
ชุยซวี่พูดถูก ไม่ว่าใครเป็นคนฆ่า ต้องหาหมิงเย่ว์ให้เจอก่อน
“ข้าพาคนออกไปหาหมิงเย่ว์ก่อน ส่วนเจ้านำเรื่องนี้ไปทูลแก่ฝ่าบาทในวัง”
องค์หญิงใหญ่หรงหยางชะงัก “จะให้บอกเสด็จพี่รึ”
“ยังไงเขาก็ต้องรู้ในไม่ช้าไม่เร็ว” ชุยซวี่ทิ้งท้ายเอาไว้แล้วก้าวเท้ากว้างเดินออกไป
จิ่งหมิงฮ่องเต้เพิ่งเสร็จจากการว่าราชกิจ ก็ได้ยินพานไห่รายงานว่าองค์หญิงใหญ่หรงหยางขอเข้าเฝ้า
เกิดเรื่องแผลงๆ อีกแล้ว?
จิ่งหมิงฮ่องเต้นึกทวนอย่างตั้งใจ
เมื่อวาน งานแต่งของหมิงเย่ว์กับจูจื่ออวี้ได้ข่าวว่าราบรื่นดี…
“เชิญองค์หญิงใหญ่ไปที่ห้องทรงพระอักษร”
จิ่งหมิงฮ่องเต้กลับมาถึงห้องทรงพระอักษร ก้นยังไม่ทันได้นั่งนิ่ง องค์หญิงใหญ่หรงหยางก็เดินเข้ามา
“ถวายบังคมเสด็จพี่เพคะ”
“เกิดอะไรขึ้นรึ” เมื่อทอดพระเนตรเห็นดวงตาที่แดงก่ำขององค์หญิงใหญ่ จิ่งหมิงฮ่องเต้เริ่มปวดพระเศียรทันที
“เสด็จพี่ หมิงเย่ว์หายตัวไป…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้นั่งตัวตรง “อะไรนะ!”
องค์หญิงใหญ่หรงหยางคุกเข่า “น้องมารับโทษเพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ตัดสินใจยืนขึ้น “รับโทษด้วยการใด เจ้าลุกขึ้นมาพูดให้ชัดก่อน!”
องค์หญิงใหญ่ลุกขึ้นตามคำสั่ง พร้อมกับบอกเล่าเรื่องราวคร่าวๆ
“เจ้าหมายถึงหมิงเย่ว์หายตัวไปและจูจื่ออวี้เสียชีวิตแล้ว?” จิ่งหมิงฮ่องเต้ฟังจนทรวงอกสั่น
เขาคิดแล้วว่าต้องเกิดเรื่องแผลงๆ เดาไว้ไม่ผิดจริงๆ!
องค์หญิงใหญ่หรงหยางพยักหน้าเบาๆ
จิ่งหมิงฮ่องเต้หลับตาลง ผ่านไปครู่หนึ่งถึงลืมตาขึ้น ดวงตาที่นิ่งลึกทำให้เดาความคิดไม่ออกเลยแม้น้อย
“แล้วน้องคิดว่าอย่างไร”
องค์หญิงใหญ่หรงหยางน้ำตาไหลพราก “เสด็จพี่เพคะ น้องรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก ต้องมีคนพุ่งเข้าไปฆ่าจูจื่ออวี้ แล้วจับตัวหมิงเย่ว์ไปแน่ๆ…”
“ตระกูลจูรู้เรื่องแล้วหรือยัง”
“ตอนนี้ยังไม่รู้เพคะ”
“ข้าจะสั่งให้เจินซื่อเฉิงมาตรวจสอบเรื่องนี้ ส่วนหน่วยองครักษ์จิ่นหลิน ข้าจะให้หันหรานเป็นคนช่วยเหลือชุยซวี่ออกตามหาหมิงเย่ว์…”
สีหน้าขององค์หญิงใหญ่หรงหยางเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เสด็จพี่เพคะ ให้หน่วยราชการเข้ามามีส่วนร่วมเกรงว่าคงไม่เหมาะกระมังเพคะ”
จะว่าไป เรื่องของหมิงเย่ว์กับจูจื่ออวี้ถือว่าเป็นเรื่องภายใน หากตรวจพบสิ่งใดขึ้นมา ชื่อเสียงของราชวงศ์ย่อมได้รับผลกระทบ
จิ่งหมิงฮ่องเต้ไม่คิดเช่นนั้น “ตรวจสอบลับๆ ก็ได้ เจินซื่อเฉิงรู้ว่าต้องทำอย่างไร”
ตาแก่นั่นขอเพียงมีคดีให้สืบก็พอ ดีกว่าพวกประกาศตนว่าเป็นผู้รับใช้จงรักภักดี
องค์หญิงใหญ่หรงหยางจำใจยอมรับ
จิ่งหมิงฮ่องเต้ทอดมองนางหนึ่งทีพร้อมตรัสกำชับ “ฝั่งเสด็จแม่ทางนั้น อย่าเพิ่งส่งข่าวไป ส่วนฝั่งตระกูลจูก็ให้ทำใจก่อน”
“เสด็จพี่วางใจได้เพคะ น้องทราบดี”
“ถ้าเช่นนั้น เจ้ากลับไปเถอะ”
หลังจากรอองค์หญิงใหญ่หรงหยางกลับไปแล้ว จิ่งหมิงฮ่องเต้ประทับข้างหน้าต่างไม่พูดจา
“พานไห่…”
“กระหม่อมอยู่ตรงนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าว่าตาซ้ายกระตุกทรัพย์ตาขวากระตุกภัย หรือว่ากลับกัน”
พานไห่ปาดเหงื่อที่ไหลกระซิบ “ฝ่าบาท กระหม่อม…”
“เอาเถอะ คนไม่ได้ดั่งใจ ต่อให้เป็นตาข้างไหนก็กระตุกภัย”
พานไห่แอบโล่งใจ
หากฮ่องเต้ตั้งคำถามให้เขาลำบากใจเช่นนี้อีก เขาคงอยู่ต่อไม่ได้แล้ว
“พานไห่ เจ้าว่าใครเป็นคนฆ่าจูจื่ออวี้”
พานไห่ “…”
“ฝ่าบาท เหอฮวานวลผ่องออกนวนิยายเรื่องใหม่ จะลองอ่านดูหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
……
เจินซื่อเฉิงกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันทีที่ได้รับสาส์นลับ
เร็วๆ นี้ เมืองหลวงไม่มีคดีเกิดขึ้นมาพักหนึ่งแล้ว งานในศาลาว่าการพระนครก็ล้วนแต่เป็นคดีหยุมหยิมอาทิ‘เถาวัลย์ของบ้านหวังซานเลื้อยข้ามไปบ้านหลี่ซื่อ ผลถูกภรรยาชองหลี่ซื่อเด็ดไป หมูในบ้านจ้าวลิ่วหายไป ถูกคนจับได้แต่ไม่คืน สะใภ้เล็กบ้านซุนหนีตามคนอื่น…’
เจินซื่อเฉิงรู้สึกว่างจนดอกเห็ดใกล้ผุด
จนกระทั่งมีคดีใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้ง ยังเป็นคดีใหญ่ที่มีคนตายหนึ่ง หายตัวหนึ่ง!
สิ่งที่ทำให้เจินซื่อเฉิงไม่พอใจที่สุดเพียงเรื่องเดียวคือ ผู้ถูกกระทำมีสถานะทางสังคมพิเศษ เขาจำเป็นต้องตรวจสอบโดยปกปิดสถานะตัวเอง ห้ามรบกวนคนรอบข้าง
สำหรับเจินซื่อเฉิงก็ทำได้ไม่ยาก ไม่นาน เขาก็เปลี่ยนเป็นชุดลำลองดุจแขกรับเชิญ ส่วนหญิงชันสูตรศพท่าทางสมกับเป็นสาวรับใช้ถือกล่องของกำนัลเต็มมือเดินตามหลัง
ส่วนในกล่อง นางกำนัลบรรจุไว้ด้วยสิ่งใด มีเพียงคนภายในเท่านั้นที่รู้
หลังจากสอบสวนและสอบทานอย่างละเอียดถี่ถ้วน เจินซื่อเฉิงค่อนข้างผิดหวัง
คดีนี้ง่ายกว่าที่เขาคิดไว้มาก
“เจินซื่อเฉิงขอเข้าเฝ้า?” จิ่งหมิงฮ่องเต้ปวดพระเศียรบ่อยกว่าเดิม กำลังหลับตาพักผ่อนก็ได้ยินเสียงรายงาน
เวลาผ่านไปไม่นาน เจินซื่อเฉิงก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพระพักตร์จิ่งหมิงฮ่องเต้
“เจินอ้ายชิง[1] ท่านตรวจเจอสิ่งใดบ้างรึ”
หากพูดถึงสิ่งที่ถนัด เจินซื่อเฉิงไม่ถ่อมตัว เขาทูลตอบทันที “กราบทูลฝ่าบาท สถานการณ์ได้ถูกตรวจอย่างกระจ่างแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
แววตาจิ่งหมิงฮ่องเต้แวววับ “เจินอ้ายชิง จงพูดให้ข้าฟังหน่อย”
“จากการตรวจสอบ เจ้าบ่าวน่าจะถูกเจ้าสาวแทงเข้าที่หัวใจจากด้านหลังจนเสียชีวิตทันทีพ่ะย่ะค่ะ”
หยกประดับในมือของจิ่งหมิงฮ่องเต้เกือบร่วงตก “เจินอ้ายชิงกำลังล้อข้าเล่นหรือไม่”
หลานสาวผู้เรียบร้อยสง่างามของเขาคนนั้น สามารถฆ่าบุรุษคนหนึ่งให้ตายได้ในคราเดียว?
เจินซื่อเฉิงเผยหน้านิ่งและกล่าวจริงจัง “กระหม่อมสืบคดีไม่เคยล้อเล่นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมสั่งให้เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพตรวจสอบศพของเจ้าบ่าว ดูจากทิศทางและความลึกของแผล รวมกับคราบเลือดบนเตียงแล้ว เดาได้ว่าเจ้าสาวน่าจะยกมีดสั้นขึ้นตอนถูกทับ เล็งไปตรงหัวใจด้านหลังแล้วแทงเข้าไปอย่างแรง…”
สีพระพักตร์ของจิ่งหมิงฮ่องเต้ตื่นเต้นอย่างที่สุด ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยถามอย่างลำบากใจ “เจินอ้ายชิงหมายความว่าเจ้าสาวฆ่าเจ้าบ่าว เพราะกลัวความผิดจึงหนี?”
เจินซื่อเฉิงเงยหน้าตอบ “ฝ่าบาทตรัสถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
[1] อ้ายชิง ขุนนางผู้เป็นที่รัก