“เรื่องนี้” ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งถอนหายใจ
จากนั้น เขาก็ยืนขึ้นแล้วก้าวไปที่หน้าต่างด้านข้าง เขาจ้องไปที่กระเรียนเซียนเมฆาด้านนอกหน้าต่างแล้วมองไปยังที่พักของจิ่วเซียนทั้งเก้า
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนงุนงงเช่นกัน และยังคงถามต่อไปว่า “มีอะไรระหว่างคู่บำเพ็ญเต๋าหรือไม่? ไยเจ้าถึงกังวลมากนัก?”
“ขอบอกผู้อาวุโสตามตรงว่า ข้าอาจไม่คู่ควรจะมีคู่บำเพ็ญเต๋า…”
ไม่คู่ควร?
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในหอโอสถแห่งยอดเขาหยกน้อย บัดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ยิ่งตกใจมากจนเกือบพลัดตกเก้าอี้
มันเรื่องบ้าบออันใดกันนี่?
หรือว่า ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งฝึกวิธีบำเพ็ญเพียรที่คล้ายกับคัมภีร์ทานตะวัน[1]?
ไม่ถูกต้อง แม้จะฝึกคัมภีร์ทานตะวันจริงๆ ผู้ฝึกบำเพ็ญก็สามารถใช้วิธีการต่างๆ ทุกประเภทเพื่อฟื้นฟูร่างเต๋าของพวกเขา นอกจากนี้ วิธีฝึกบำเพ็ญของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินยังเน้นไปการแสวงหาอิสรภาพและความสมบูรณ์แบบ ซึ่งย่อมเป็นไปไม่ได้…
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนหยุดนิ่งไปชั่วครู่ขณะถือไม้เท้าและทำเสียงกระแทกตึ้งตั้งสองครั้ง
ผู้อาวุโสว่านกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “หากเจ้ามีปัญหาก็บอกข้ามา! ข้าไม่เก่งเรื่องอื่น แต่ยังพอรู้เรื่องยาบางอย่าง!”
“เฮ้อ” ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งถอนหายใจช้าๆ “มันไม่เกี่ยวอะไรกับโอสถหรือร่างเต๋า”
“โอ้? แล้วมันคืออะไร?”
ดูเหมือนว่า ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งลังเลที่จะกล่าวบางอย่าง ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนจึงยืนขึ้นและก้าวไปข้างหน้าสองก้าวด้วยไม้เท้าของเขา
“ฟู่กุ้ย ข้าเองก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโสในสำนัก และเจ้าก็เป็นเสาหลักของสำนัก เจ้ามีความหวังมากที่สุดที่จะทะลวงผ่านเซียนจินได้ หากเจ้ามีปัญหาใดซ่อนอยู่ก็จงบอกข้า แล้วข้าจะช่วยเจ้าอย่างเต็มที่”
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสว่าน… ได้ขอรับ!”
ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งโค้งคำนับแล้วผายมือเชื้อเชิญพลางกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโส โปรดตามข้าไปศึกษาด้วยกัน”
“ได้”
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนพยักหน้าช้าๆ และเดินตามปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งไปศึกษาข้างๆ เขา
เมื่อเข้าไปศึกษาดู ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนก็ขมวดคิ้วทันที
หลี่ฉางโซ่วที่แอบส่งสัมผัสเซียนรับรู้ผ่านตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ ก็ได้เห็นสิ่งของสะดุดตา ซึ่งแขวนอยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด ตรงกลางของการศึกษา…
“ตำราสมบัติชุดคู่บ่าวสาวใหม่”!
*แค่กๆ*
ทันใดนั้น บนยอดเขาหยกน้อย หลี่ฉางโซ่วก็ปิดปากแล้วกระแอมไอออกมาอยู่ครู่หนึ่ง
ยากนักที่จะได้เห็นผู้ยิ่งใหญ่สองคนของสำนักเผชิญหน้ากับภาพวาดสมบัติที่เขาวาดขึ้นมานั้น… ช่างน่าอายจริงๆ
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนจับจ้องมองมันใกล้ ๆ แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางกล่าวว่า “หว่างฉิง เจ้ากำลังล้อข้าเล่นอยู่หรือ?”
“ท่านผู้อาวุโส ข้าจะกล้าเช่นนั้นได้อย่างไร?”
ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งยิ้มแหยแล้วกล่าวว่า “ข้ายังทึ่งกับการการฝึกบำเพ็ญด้วยวิธีนี้เมื่อไม่นานมานี้เอง”
“วิธีการฝึกบำเพ็ญหรือ?”
“วิธีการฝึกบำเพ็ญหรือ?”
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนและหลี่ฉางโซ่วต่างตะลึงงัน
ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ท่านลองดูนี่สิ ของสิ่งนี้ เรียกว่าตำราสมบัติคู่บ่าวสาวใหม่ ข้าได้รับมาจากศิษย์คนที่ห้าของข้า เสี่ยวอูเคยพูดว่า ตำราสมบัตินี้เป็นวิธีที่ต้องฝึกฝนสำหรับคู่บำเพ็ญเต๋าคู่ใหม่ ข้าใคร่ครวญอย่างรอบคอบมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว และตระหนักว่า มันมีหลักการแห่งสวรรค์และปฐพีที่ค่อนข้างลึกลับ และต้องให้คู่บำเพ็ญเต๋าสองคนดำเนินงานพร้อมกัน เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าจะฝึกฝนวิธีการนี้อย่างไรและมีพลังเซียนชนิดใดอยู่ในนั้น ท่านผู้อาวุโส โปรดดูเถิด กระบวนท่าที่สามไม่เกี่ยวอะไรกับกระบวนท่าที่สี่… ผู้อาวุโส ท่านผู้อาวุโสว่าน?”
“เจ้า!” ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนกระแทกไม้เท้าของเขาอย่างแรง “เจ้ากลายเป็นเจ้าโง่เพราะการฝึกฝนแล้ว!”
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซวที่กำลังจะหมดสติเพราะการหัวเราะก็ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเช่นกัน…
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนเข้าใจอย่างน่าประหลาดใจ เขาได้ยินผู้อาวุโสว่านหลินหยุนกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “ข้าเคยเห็นวิธีการฝึกบำเพ็ญเช่นนี้มาสองสามครั้ง มันเป็นวิธีการฝึกบำเพ็ญคู่หยินหยาง! สิ่งสำคัญที่สุดคือชายหญิงต้องทำพร้อมกัน! แล้วหากเจ้าต้องครุ่นคิดคิดอยู่หลังประตูที่ปิดมิดชิดอยู่ที่นี่คนเดียว แล้วมันจะเกิดอันใดขึ้นได้เล่า? ชายหญิงล้วนแตกต่างกัน กระทั่งโอสถบางชนิด ยังต้องแบ่งแยกเฉพาะชายหรือหญิงที่จะกินได้!”
“นั่น…จริงหรือ?”
ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และยังคงยิ้มอย่างขมขื่นต่อไป “ตอนแรกข้าคิดว่า หลังจากไตร่ตรองเทคนิคนี้แล้ว ข้าก็ไปหาสหายลัทธิเต๋า ก่อนหน้านี้ ข้ายังคิดว่า ไม่สมควรจะมีคู่บำเพ็ญเต๋าเลย เพราะทุกคนล้วนสามารถเข้าใจวิธีการนี้ได้ แต่ข้ากลับไม่เข้าใจ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเป็นเพราะข้าละเลยความแตกต่างระหว่างหยินและหยาง ต้องขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ให้ความกระจ่างแก่ข้าด้วย!”
“ดี เจ้าเข้าใจแล้วก็ดี”
“ข้าเข้าใจแล้ว…หลังจากนี้ ข้าจะไปศึกษาค้นคว้ากับหลินเอ๋อร์”
ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินออกไปโดยไม่ดูภาพวาดสมบัติอีก
ทันทีหลังจากนั้น ผู้อาวุโสว่านก็ทำตามคำแนะนำของหลี่ฉางโซ่วโดยทิ้งเม็ดโอสถเอาไว้ข้างหลังก่อนจะกล่าวอำลา แล้วออกจากที่พำนักของปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งไป
ทว่าก่อนที่ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนจะจากไป เขาก็แค่นเสียงย้ำเตือนอีกสองสามครั้งว่า เขาจะกินยานั้นได้ก็ต่อเมื่ออยู่กับคู่บำเพ็ญเต๋าของเขาตามลำพังเท่านั้น แล้วหลังจากนั้น ก็ค่อยไปที่ยอดเขาตันติ่งเพื่อแจ้งผลจากการใช้โอสถกับเขาว่ามันมีประสิทธิภาพเพียงใด
ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งรับปากซ้ำแล้วซ้ำเล่าในขณะที่ส่งผู้อาวุโสว่านหลินหยุนออกไปก่อนที่เขาจะกลับไปศึกษาต่ออีกครั้ง
หลังจากลังเลอยู่สักพักหนึ่ง เขาก็นั่งเข้าฌานต่อเพื่อหยั่งรู้ถึง “วิธีการลึกลับ” ต่อไป
เขายังคงปรารถนาจะเข้าใจวิธีการนี้ก่อน แล้วค่อยสอนให้คู่บำเพ็ญเต๋าของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้นางล้อเลียนเขาได้
ครึ่งชั่วยามต่อมา จิ่วอูซึ่งได้รับข้อความของหลี่ฉางโซ่วจากกระเรียนเซียน ก็รีบเร่งไปหอโอสถแห่งยอดเขาหยกน้อย และเมื่อเขาเข้าไปค่ายกลใหญ่ หลี่ฉางโซ่วก็ยิงคำถามโจมตีเขาทันที
“ท่านอาจารย์ลุง เมื่อเสนอภาพวาดสมบัติชิ้นนั้น ท่านบอกเขาอย่างไรหรือขอรับ”
“ข้าบอกเขาอย่างไร…”
จิ่วอูกะพริบตาพลางยิ้มและกล่าวว่า “ก็แค่บอกตามที่เจ้าว่านั่นแหละ”
“ตรงตามคำพูดเดิม!” หลี่ฉางโซ่วกล่าวย้ำหนักแน่น “นี่เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง!”
“นี่…”
จิ่วอูกระแอมไอ เมื่อเห็นว่าหลี่ฉางโซ่วดูจริงจังมากเพียงใด เขาก็กล่าวว่า “ตอนนี้เจ้าเป็นอาจารย์ของข้าแล้ว ดูสิว่าข้าจะพูดกับอย่างไร เหอะๆ …อาจารย์?”
“อืม” หลี่ฉางโซวตอบพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ศิษย์พบวิธีการฝึกบำเพ็ญลึกลับสำหรับท่านแล้ว” จิ่วอูกล่าวพร้อมกับหัวเราะ พลางหยิบศิลาวิญญาณออกมาจากแขนเสื้อแล้วแสร้งทำเป็นม้วนภาพวาด
จิ่วอูกล่าวต่อว่า “วิธีการฝึกบำเพ็ญนี้ เรียกว่า “ตำราสมบัติคู่บ่าวสาวใหม่” และคู่บำเพ็ญเต๋าที่เพิ่งแต่งงานใหม่ทุกคู่ล้วนต้องฝึกฝน
นี่คือสิ่งที่ผู้อาวุโสในสำนักขอให้ข้าส่งมา พวกเขาล้วนมีความสุขมาก เมื่อได้ยินเรื่องการสร้างสรรค์ของเจ้าในฐานะคู่บำเพ็ญเต๋า ท่านอาจารย์ ข้าทิ้งวิธีการนี้ไว้ให้ท่านดีหรือไม่? แล้วท่านค่อยดูเมื่อมีเวลาดีหรือไม่? นอกจากนี้แล้ว ยังมีม้วนภาพวาดเหล่านี้ซึ่งเป็นสมบัติสะสมล้ำค่าของศิษย์อีกด้วย วันนี้ข้าจะมอบให้ท่านอาจารย์ ”
จิ่วอูกะพริบตาแล้วกล่าว “ข้าก็พูดหมดแล้ว เมื่อข้าไปแล้ว ท่านอาจารย์ก็หยิบสิ่งที่ท่านวาดขึ้นมาดู! ไม่ต้องห่วง ข้าย่อมไม่พลาดแน่!”
หลี่ฉางโซ่วพูดไม่ออก
จริงๆ เลย เหตุใดเขาไม่พูดไปตรงๆ ให้มันชัดเจนเลยเล่า? ไฉนต้องเขินอายและอ้อมค้อมไปมาเช่นนี้ด้วย? โลกนี้ช่างอยู่ยากเย็นเสียจริงๆ…
โชคยังดีที่คำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ของท่านผู้อาวุโสว่านหลินหยุนน่าจะได้ผลอยู่บ้าง
ทว่าครึ่งวันต่อมา ในช่วงเวลาพลบค่ำ ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งก็ขี่เมฆจากยอดเขาพิชิตสวรรค์ตรงมาที่ยอดเขาหยกน้อยด้วยใบหน้าที่ดูไม่ดีนัก
…………………………………………………………..
[1] หนึ่งในสุดยอดคัมภีร์ยุทธ์ในนวนิยายกำลังภายในของกิมย้ง กระบี่เย้ยยุทธจักรหรือเดชคัมภีร์เทวดา ผู้ฝึกวิชานี้จะได้แต่ลมปราณสุดยอดมา แต่ไม่ได้กระบวนท่าร้ายกาจอะไร ยกเว้นจะไปฝึกวิชาอื่นด้วย โดยวิชานี้ฝึกได้เฉพาะผู้ชายเท่านั้น และผู้ฝึกต้องตอนตัวเองเสียก่อนมิเช่นนั่นจะถูกธาตุไฟเข้าแทรก ทำให้ผู้ฝึกวิชานี้กลายเป็นครึ่งหญิงครึ่งชาย