ตอนที่ 451 ตลาดสดก่อนวันเทศกาล

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 451 ตลาดสดก่อนวันเทศกาล

หลินม่ายออกมาจากโรงงานเสื้อผ้าแล้วก็ไปที่ตลาดสดฝูตัวตัวของตัวเอง

เมื่อชนะความแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำอาหารอร่อยๆ ให้เต็มโต๊ะ กินเลี้ยงฉลองกับพวกคุณปู่ฟางให้เต็มที่สักรอบ

ทังชุ่นอิงยืนอยู่ตรงหน้าต่างของห้องทำงาน มองแผ่นหลังของหลินม่ายที่เดินไกลออกไป ในใจรู้สึกกระวนกระวาย

ที่โรงงานได้รับสมัครนักบัญชีคนใหม่แล้ว ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้หัวหน้าโรงงานหลินจะให้หล่อนเก็บของออกไปเลยหรือไม่

ในสองวันที่ไม่ได้มาตลาดสดฝูตัวตัว หลินม่ายพบว่าพวกของสดในตลาดดูหลากหลายมากมายกว่ายามปกติ แถมปริมาณยังมากขึ้นด้วย

ทว่าถึงจะเป็นเช่นนี้ ก็ยังมีลูกค้าไม่น้อยที่กำลังแก่งแย่งผลิตภัณฑ์อาหารทะเลจำพวกสาหร่ายทะเล รวมทั้งสัตว์ปีกและไข่สัตว์ปีกชนิดต่างๆ

พนักงานขายไข่สัตว์ปีกสองสามคนขายของไปพลาง เอ่ยตะโกนไปพลาง “ทุกๆ ท่านไม่ต้องแย่งกันค่ะ ตลาดสดของเราไม่ได้จำหน่ายไข่สัตว์ปีกต่างๆ จำนวนมากแค่วันนี้วันเดียว หลังจากนี้ก็ยังจัดจำหน่ายอีกเป็นจำนวนมากเช่นกันค่ะ”

มาถึงคราวคุณป้าคนหนึ่งที่ต่อแถวมาถึงด้านหน้าแผงขายไข่เป็ดเค็ม เมื่อเอ่ยปากก็สั่งถึง 50 ฟอง ราวกับไข่เป็ดเค็มไม่ต้องจ่ายเงินซื้ออย่างไรอย่างนั้น

พนักงานขายพูดอย่างเอือมระอา “คุณป้า ไม่ได้ยินที่ฉันเพิ่งพูดไปเมื่อกี้เหรอคะ พรุ่งนี้ก็ยังมีไข่พวกนี้ขาย คุณไม่จำเป็นต้องซื้อมากมายขนาดนี้ในคราวเดียวหรอกค่ะ”

ลูกค้าที่ยืนต่อแถวอบู่ด้านหลังคุณป้าคนนั้นเองก็โน้มน้าวให้หล่อนซื้อน้อยลงสักหน่อย “คุณซื้อแค่ 12 ฟองก็พอแล้ว คุณจะซื้อทีเดียว 50 ฟอง นี่คุณยังจะให้พวกเราที่อยู่ด้านหลังได้ซื้อบ้างหรือเปล่า?”

แต่คุณป้าคนนั้นกลับไม่ยอมซื้อน้อยลง พลันพูดกับพนักงานขาย “ฉันจะซื้อมากเท่านี้นี่แหละ ตอนนี้พวกคุณก็พูดได้ฟังดูดีว่าจะมีสินค้าจำนวนมากมาขายทุกวัน ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ? หรือว่าฉันต้องแขวนคอประท้วงที่ประตูตลาดสดของคุณเพื่อไข่เค็มไม่กี่ฟองงั้นเหรอ?”

พนักงานคนนั้นยิ้มหยันอย่างหมดคำจะพูด “ป้าคะ คุณอย่าพูดให้มันน่ากลัวขนาดนั้นได้ไหม? ฉันรับประกันเลยว่าพรุ่งนี้จะมีไข่เป็ดเค็มอีกแน่นอน”

ป้าคนนั้นกลอกตาแล้วพูด “ต่อให้พรุ่งนี้จะมีขายอีกจำนวนมากแล้วมันยังไงล่ะ? ทั้งเจียงเป่ยก็มีตลาดสดเอกชนของพวกคุณแห่งเดียว ไม่เพียงชนิดสินค้ามากมายหลากหลาย นอกจากนี้ราคายังยุติธรรมด้วย ตอนนี้มีเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว อย่าว่าแต่คนที่อาศัยอยู่ในเจียงเป่ยจะแห่กันมาซื้อของที่ตลาดสดของคุณเลย ฉันว่านะ คนในเจียงหนานต่อให้ต้องนั่งเรือข้ามฟากหรือข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแยงซี ก็ยังโร่กันมาซื้อสินค้าและวัตถุดิบสำหรับวันเทศกาล ต่อให้ตลาดของคุณจะจัดหาสินค้ามามากแค่ไหน จะสามารถรับประกันว่าจัดหามาเพียงพอกับคนในฮั่นโข่วอู่ชางทั้งสองเขตได้เหรอ? ถึงยังไงฉันก็ไม่ฟังพวกเธอขี้โม้จนลิงหลับหรอก ซื้อของมาอยู่ในมือได้แล้วถึงจะปลอดภัย พูดอีกอย่าง ใกล้จะถึงวันเทศกาลแล้ว คนซื้อก็เยอะ ยากจะยืนยันได้ว่าพวกคุณจะไม่ขึ้นราคา ฉันซื้อเอาไว้ตอนนี้ก็ยังสามารถประหยัดเงินได้อีกหน่อยด้วย”

พนักงานขายเอาไข่เค็ม50ฟองที่ป้าคนนั้นต้องการใส่ลงในตะกร้าให้หล่อน

ป้าคนนั้นจ่ายเงินเสร็จ ก็ไปบุกตะลุยที่แผงสินค้าอื่นอีกครั้ง

ลูกค้าจำนวนไม่น้อยได้ยินคำพูดของป้าคนนั้น ต่างก็ยอมรับในสิ่งที่หล่อนพูด

ทุกคนจึงซื้อของกันอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม บางคนเดิมทีแล้วคิดจะซื้อแค่ไก่หนึ่งตัวรับเทศกาล ตอนนี้เองก็เปลี่ยนความคิด พอได้ซื้อก็ซื้อถึงสองตัว

หลินม่ายซื้อวัตถุดิบและผลไม้ไปไม่น้อยแล้วจึงไปที่ห้องทำงานของจ้าวเลี่ยง

คำพูดของคุณป้าคนเมื่อกี้นี้เธอเองก็ได้ยินทั้งหมด

ความกังวลใจของป้าคนนั้นใช่ว่าจะไร้เหตุผล และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจ้าวเลี่ยงได้พิจารณาถึงสถานการณ์เหล่านี้แล้วหรือยัง

ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เธอก็ไม่ได้นึกถึงสถานการณ์ที่นอกจากผู้คนที่อาศัยอยู่รอบๆ ตลาดสดฝูตัวตัวที่มาซื้อของแล้ว ผู้คนที่จากที่ต่างๆ เองก็อาจมาซื้อสินค้าและวัตถุดิบที่ตลาดสดฝูตัวตัวด้วยเช่นกัน

ถึงอย่างไรฝูตัวตัวของเธอนั้นก็มีราคาที่สมเหตุสมผล ทั้งยังมีบริการอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ฆ่าสัตว์ปีกฟรีและสับซี่โครงฟรีเป็นต้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาจะดึงดูดลูกค้าที่มาจากระยะไกล

ตอนที่หลินม่ายเดินเข้าไปในห้องทำงาน จ้าวเลี่ยวเพิ่งจะโทรศัพท์เสร็จ

เมื่อเห็นว่าเธอมา เขาก็ตื่นเต้นสุดๆ

ทั้งเชิญหลินม่ายนั่ง พลางเปิดน้ำอัดลมในเธอพร้อมกับพูดขึ้น “ประธานหลินมาแล้ว ถ้าคุณยังไม่มา ผมก็จะไปหาคุณอยู่เลย”

หลินม่ายวางผลไม้และวัตถุดิบที่ซื้อมาในมือลงบนพื้น แล้วนั่งลงที่โซฟา

เธอรับน้ำอัดลมที่จ้าวเลี่ยงยื่นมาให้ดื่มสองสามอึก

ในวันที่อากาศร้อน ได้ดื่มน้ำอัดลมเย็นๆ สักขวด ช่างเย็นสดชื่นและซาบซ่าจริงๆ

“ทำไมเหรอคะ ที่ตลาดสดเกิดเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”

จ้าวเลี้ยงส่ายหน้า “มีผมคอยสั่งการ ตลาดสดจะไปเกิดเรื่องอะไรได้? เมื่อเช้าแฮมกระป๋องกับคุกกี้ลูกอมที่วางจำหน่ายในตลาด ขายหมดเกลี้ยงทันทีที่วางบนชั้นเลย ผมกำลังจะถามคุณว่า ยังขายแฮมกระป๋องกับคุกกี้ลูกอมต่อได้ไหมครับ?”

แม้ว่าหลินม่ายจะพอคาดการณ์ได้ว่าแฮมกระป๋องคุกกี้ลูกอมจะขายดีแต่แรกแล้ว แต่ไม่นึกว่าจะได้รับความนิยมขนาดนี้ ในใจจึงรู้สึกปลื้มปิติขึ้นมาเช่นกัน

“สามารถขายต่อไปได้เลย แต่ต้องคำนวณสักหน่อยว่าจะขายวันละเท่าไหร่ อย่าขายเร็วเกินไป เดี๋ยวเทศกาลไหว้พระจันทร์กับวันชาติจะไม่มีขายเอา”

จ้าวเลี่ยงพยักหน้า

จากนั้นหลินม่ายจึงถามขึ้น “วันนี้ทำไมสินค้าที่ตลาดถึงหลากหลายขนาดนี้ แถมยังมากมายขนาดนั้นด้วยล่ะ? คงจะไม่ได้เอาสินค้าวัตถุดิบของช่วงเทศกาลมาวางตลาดล่วงหน้าใช่ไหม?”

“จะเป็นไปได้ยังไง!” จ้าวเลี่ยงนั่งลงตรงข้ามกับเธอ “ตอนนี้เราขนส่งสินค้าทางรถไฟ เราสามารถซื้อสินค้าได้มากเท่าที่ต้องการ ดังนั้นสินค้าจึงมีความหลากหลายและมีปริมาณมากขนาดนั้น ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ขนส่งด้วยรถบรรทุกและถูกจำกัดปริมาณสินค้าในรถบรรทุก จึงไม่กล้าจัดซื้อในปริมาณมาก ส่วนความหลากหลายของสินค้าก็เป็นเพราะผมส่งตัวแทนจัดซื้อไปทั่วทั้งประเทศ มีสินค้าหมดทั้งเหนือใต้ออกตก”

หลินม่ายพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันก็ว่าสิ ว่าทำไมตลาดสดของเราถึงมีแอปเปิ้ลจากเหยียนไถยันเมล่อนของหลานโจว ที่แท้คุณส่งตัวแทนจัดซื้อไปจัดหาสินค้ามาจากทั่วประเทศนี่เอง”

เธอดื่มน้ำอัดลมอีกสองสามคำ แล้วจึงถ่ายทอดสิ่งที่ป้าคนนั้นพูดให้จ้าวเลี่ยงฟัง

จากนั้นก็พูดว่า “ก่อนหน้านี้คุณบอกฉันว่า ในช่วงวันเทศกาลแต่ละวันจะมีหมูเป็นห้าตัว สัตว์ปีกห้าร้อยตัว… ตอนนี้ฉันกังวลว่าสินค้าแค่นี้คงไม่พอขาย เพราะตอนนั้นไม่ได้คำนึงถึงผู้คนจากพื้นที่อื่นๆ ที่อาจมาซื้อสินค้าสำหรับวันเทศกาลเลย คุณคิดว่า เราต้องเตรียมสินค้าเพิ่มขึ้นสักหน่อย เพื่อไม่ให้ลูกค้าจากระยะไกลต้องเดินทางมาเสียเที่ยวไหมคะ?”

จ้าวเลี่ยงตะลึงไปเล็กน้อย แล้วจึงหัวเราะขึ้นอีกครั้ง “ผมนึกว่ามีแค่คนในเจียงเป่ยของเราที่มาซื้อของในตลาดสดฝูตัวตัวของเราเสียอีก เลยเตรียมของแค่สำหรับคนในเจียงเป่ยเท่านั้น ในเมื่อคนจากเจียงหนานเองก็จากวิ่งมาด้วยเหมือนกัน งั้นผมจะให้คนจัดซื้อเพิ่มการซื้อสินค้าทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหารทะเลให้มากขึ้นอีก”

หลินม่ายพยักหน้า และกำลังจะจากไป

จ้าวเลี่ยงเกาศีรษะแล้วพูดอย่างลำบากใจ “ตัวแทนจัดซื้อที่เดินทางไปซื้อสัตว์ปีกและไข่จากชนบทในมณฑลข้างเคียงบอกว่าเขาสั่งจองสัตว์ปีกหลายพันตัวเอาไว้แล้วเพื่อรับมือกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ แต่สัตว์ปีกมากมายขนาดนั้นฝากขนส่งทางรถไฟไม่ได้ ทำได้เพียงขนส่งกลับมาด้วยรถบรรทุก แต่ว่านี่ล้วนเป็นเรื่องเล็ก ที่ผมกังวลคือ สัตว์ปีกมากมายขนาดนี้ถึงตอนที่เชือดในตลาดแล้ว สถานการณ์นั้นทั้งสกปรกทั้งวุ่นวายมาก เรื่องนี้จะแก้ไขยังไงครับ?”

หลินม่ายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างเด็ดขาด “หลังจากใช้รถบรรทุกขนกลับมาแล้ว ให้จัดเตรียมคนงานมาเชือดตอนกลางคืนแล้วจัดการให้สะอาด จากนั้นแช่เย็นไว้ให้ตู้แช่แข็ง วันถัดมาให้เอาออกมาวางขาย ก็จะไม่ทำให้ตลาดสกปรกแล้ว ทั้งยังไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวายอีกด้วย”

เธออยากจะเปลี่ยนวิธีการวางจำหน่ายสัตว์ปีกอยู่นานแล้ว

การเชือดที่หน้างาน ต่อให้ลูกค้าจะสามารถซื้อสัตว์ปีกที่สดใหม่ที่สุดได้ แต่ก็มีอันตรายแฝงอยู่ไม่น้อย และก่อมลพิษปนเปื้อนแก่ตลาดสด

การเชือดสัตว์ปีกไว้ล่วงหน้าแล้วค่อยนำมาขายที่ตลาด จะดูสะอาดและถูกสุขลักษณะมากขึ้น

จ้าวเลี่ยงถามอย่างลังเล “เชือดไว้ล่วงหน้า… ถ้าลูกค้ารู้สึกว่าไม่สดใหม่จะทำยังไง? จะมีผลกระทบต่อยอดขายหรือเปล่า?”

“อธิบายกับพวกเขาว่า พวกเราเชือดไว้ตอนกลางคืน ก็จะไม่มีคำถามว่าสดหรือไม่สด ถึงจะมีลูกค้าบางคนที่รังเกียจว่าไม่สดใหม่ แต่ฉันเชื่อว่าลูกค้าส่วนมากจะซื้อ เพราะถ้าไม่ซื้อ ก็ไปซื้อที่ตลาดสดของรัฐไม่ได้ ไปซื้อที่ตลาดมืดก็แพงเกินไปนอกจากนี้ยังลดความวุ่นวายให้พวกเขาหลังเชือดเสร็จแล้วอีกด้วย”

จ้าวเลี่ยงพยักหน้า

หลินม่ายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “การเชือดที่ฉันบอก ไม่เหมือนกับการเชือดที่หน้างานอย่างก่อนหน้านี้ ที่แค่ถอนขนก็ได้แล้ว แต่ต้องควักเครื่องในออกมาให้หมด ลูกค้าซื้อกลับไป แค่สับตีนไก่สักหน่อยแล้วใช้น้ำล้างให้สะอาดอีกที ก็เอาไปทำอาหารได้เลย”

จ้าวเลี่ยงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูด “เชือดไก่แล้วค่อยขาย ก็เสียน้ำหนักไปไม่น้อยแล้ว ถ้าควักเครื่องในออกมาอีก ก็เสียน้ำหนักไปอีกเล็กน้อย ขายแบบนี้จะไม่ขาดทุนเหรอครับ?”

ตลาดสดฝูตัวตัวขายสัตว์ปีก ล้วนชั่งน้ำหนักก่อนแล้วค่อยเชือดให้ฟรี จึงไม่เคยเกิดการเสียน้ำหนักสินค้าขึ้น

“ไก่เป็นก็ราคาไก่เป็น ไก่เชือดก็ราคาไก่เชือด ราคาขายของไก่เชือดต้องสูงกว่าไก่เป็นอยู่แล้ว จะไปขายตามราคาไก่เป็นได้ยังไงกัน คุณต้องขึ้นราคาสิ!”

จ้าวเลี่ยงพูดอย่างกังวลใจ “ผมกลัวว่าถ้าขึ้นราคาแล้ว ลูกค้าจะรับไม่ได้น่ะ”

หลินม่ายพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ “ขอแค่เราขึ้นราคาอย่างสมเหตุสมผล ลูกค้าก็จะสามารถรับได้ ลูกค้าไม่ใช่คนโง่ที่จะคำนวณบัญชีไม่เป็น พวกเขาซื้อไก่เป็ดเป็นไป หลังจากเชือดแล้ว น้ำหนักก็จะลดลงด้วยเหมือนกัน”

จ้าวเลี่ยงพยักหน้า “งั้นเครื่องในที่ควักออกมาจะจัดการยังไง? จะวางขายในตลาดเหรอครับ?”

“ล้างให้สะอาด แล้วส่งขายตรงให้ร้านเซาเข่า”

หลังจากคุยเรื่องงานกับจ้าวเลี่ยงเสร็จ หลินม่ายก็ไปที่วิลล่า

ทันทีที่เข้าไปในบ้านเธอก็ตรงไปที่ห้องครัว พับแขนเสื้อขึ้นแล้วเริ่มทำอาหารเย็น

อาหารเย็นยังไม่ทันเสร็จดี พวกคุณปู่ฟางก็ทยอยพากันกลับมา

คุณปู่ฟางและคนอื่นๆ ได้กลิ่นหอมโชยออกมามาจากในห้องครัว พลันพูดออกมาเสียงดังว่า “หอมจัง!”

มีเพียงฟางจั๋วเยวี่ยเท่านั้นที่วิ่งเข้าไปในครัวทันที ราวกับเจ้าแมวตะกละตัวใหญ่เอื้อมอุ้งมือไปฉกอาหารกิน

โต้วโต้วเองก็ตามหลังเขาเข้าไปในครัวราวกับเงาตามตัว

เมื่อเห็นเขาฉกอาหารกิน เจ้าตัวน้อยก็รีบกระเด้งตัว พลางเอะอะโวยวายไม่หยุด “หนูก็อยากกินด้วย คุณอา หนูก็อยากกินด้วย!”

ฟาวจั๋วเยวี่ยเอาน่องเป็ดน่องหนึ่งให้หล่อนเคี้ยว

สองอาหลานขโมยกินอย่างเอร็ดอร่อยต่อหน้าหลินม่าย เมื่อคุณย่าฟางเข้ามาในครัว นางก็พลันดึงหูฟางจั๋วเยวี่ยแล้วลากออกไป

“ยังไม่เริ่มมื้ออาหารเลย แกก็ขโมยกินแล้ว แถมยังพาโต้วโต้วขโมยกินด้วยกันอีก นี่แกยังมีแบบอย่างของผู้ใหญ่อยู่อีกไหม?”

ฟางจั๋วเยวี่ยถูกดึงหูจนร้องโอดโอย พลางส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังฟางจั๋วหรานพี่ชายคนโต

ฟางจั๋วหรานไม่สนใจสายตาของเขา แล้วหยิบพัดใบปาล์มอันหนึ่งเข้าครัวไปพัดวีให้หลินม่าย

หลินม่ายกำลังทำอาหารจานสุดท้ายอยู่ เธอหันมาพูดกับเขา “ฉันไม่ร้อนค่ะ คุณไม่ต้องพัดให้ฉันหรอก”

“คุณเหงื่อออกเต็มหัวแล้ว ยังจะบอกว่าไม่ร้อนอีก!” ฟางจั๋วหรานพูดอย่างเป็นห่วง

ไม่กี่นาทีต่อมา อาหารอย่างสุดท้ายก็ถูกจัดลงบนจาน ทุกคนรีบนำอาหารกว่าสิบจานที่หลินม่ายทำมาที่โต๊ะกันคนละไม้คนละมือ

ขณะทุกคนเพิ่งจะนั่งลงเตรียมเริ่มงานฉลอง ก็เห็นอาหวงมีท่าทางตื่นตัว จากนั้นก็พุ่งไปที่ประตู เห่าอย่างดุร้ายไปทางด้านนอก

ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน ด้านนอกสวนก็มีเสียงของฟางเว่ยกั๋วดังขึ้นมา “พ่อ แม่ พวกเรามาเยี่ยมพวกท่านแล้ว!”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ตามหาปู่ย่าฟางกันเจอได้ไงเนี่ย ซวยแล้ว

ไหหม่า(海馬)