ลี่หุยเป็นเพียงลูกนอกสมรสคนหนึ่งของตระกูลลี่ ปกติแล้ว เคธี่ก็ไม่มีทางเห็นเขาอยู่ในสายตาหรอก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าวันข้างหน้าลี่หุยคนนี้จะต้องเป็นศัตรูกับลี่จุนถิงแน่นอน ถ้าลี่จุนถิงรู้ว่าตัวเองเคยร่วมมือกับลี่หุย ไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังไงกับตัวเอง ดังนั้นเพราะเคธี่มีความกังวลเรื่องนี้จึงไม่เต็มใจตอบตกลงที่จะร่วมมือด้วย
แต่เมื่อถึงตอนนี้ เคธี่ก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ที่จะสามารถทำให้เจียงหยุนเอ๋อหายไปได้
เมื่อคิดไปคิดมา ก็เหมือนกับที่ลี่หุยพูดนั่นแหละ ทั้งสองคนลองร่วมมือกันดู ไม่แน่อาจจะช่วยได้
ยังไงก็ตาม ขอแค่ไม่ทำให้ตำแหน่งของลี่จุนถิงสั่นคลอน เพียงให้ลี่หุยได้ปักหลักอยู่ในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปสักหน่อยก็คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร อีกอย่าง ต่อไปเมื่อเธอกลายเป็นคุณนายตระกูลลี่แล้ว คิดจะกำจัดตัวอันตรายอย่างลี่หุยที่แฝงตัวอยู่นั้น ก็เป็นเรื่องง่ายดายไม่ใช่หรือไง?
ยังไงซะก่อนหน้านี้ก็ได้คิดดีแล้ว เพียงแค่ตอนนี้เคธี่อยากให้ตัวเองเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ขึ้นหน่อยเท่านั้นเอง ดังนั้นไม่นานเธอก็โทรศัพท์ไปหาลี่หุย
ที่จริงลี่หุยได้บันทึกเบอร์โทรศัพท์ของเคธี่เอาไว้นานแล้ว ถึงแม้ระยะนี้จะร้อนใจเฝ้ารอสายโทรเข้าจากเคธี่มาตลอด แต่ก็ไม่เคยไปเร่งเร้าอะไร เพื่อไม่ให้ผลลัพธ์กลับตาลปัตร แล้วทำให้เคธี่เกลียดขึ้นมา
เขาจึงได้แค่เดิมพัน รอให้เคธี่ทนต่อสถานการณ์ตอนนี้ต่อไปไม่ไหว
เคธี่ต้องอยากได้ตำแหน่งมาครองไว ๆ แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้ออำนวยให้เธอเป็นแบบนั้นได้เลย ขอแค่เธอรอต่อไปไม่ไหว เธอจะต้องโทรศัพท์มาหาตัวเองแต่โดยดีแน่นอน
ลี่หุยทายถูกแล้ว ดังนั้นจึงได้กดรับสายของเคธี่
“ฮัลโหล ฉันคือเคธี่นะ”
ถึงแม้จะตัดสินใจทำแบบนี้ แต่น้ำเสียงของเคธี่กลับไม่ค่อยผ่อนคลายเท่าไหร่ อีกทั้งยังเคร่งขรึมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“คุณเคธี่ ตอนนี้ที่คุณโทรหาผม คือเรื่องคราวก่อน……ในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้วใช่ไหม?
“อืม” เคธี่เงียบไปครู่หนึ่ง ถึงตอบออกมาเบา ๆ “พูดคุยในโทรศัพท์มันไม่ชัดเจน พวกเรามาคุยกันต่อหน้าแล้วกัน”
เป็นอย่างที่ลี่หุยต้องการพอดี ดังนั้นจึงไม่พูดพร่ำทำเพลงรีบตอบตกลงทันที
“ไม่มีปัญหาครับ ในเมื่อคุณลี่หุยยินดีพูดคุยกับผม ผมจะปฏิเสธได้ยังไงกันล่ะ?”
น้ำเสียงที่ฟังดูเหลาะแหละของลี่หุยทำให้เคธี่รู้สึกแปลกใจมาก เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจของตัวเองออกมา ได้แต่พูดว่า : “อืม”
หลังจากนั้น เคธี่ก็บอกสถานที่ไป แล้ววางสายทันที
ตอนที่ได้ยินชื่อสถานที่แห่งนั้น ลี่หุยก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เหตุผลมีเพียงหนึ่งเดียว คือโรงแรมไคเหมินเป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในย่านนี้ คนที่เข้าไปในนี้มีแต่พวกคนรวยหรือพวกคนใหญ่คนโตทั้งนั้น
ถึงแม้ลี่เจี้ยนหวาจะให้ทรัพย์สินเงินทองมากมายแก่ลี่หุยและแม่ของเขามาโดยตลอด แต่เพราะสถานะทางสังคมนั่นเอง ที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถเหยียบเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นได้
แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเคธี่ ราวกับว่าการได้เข้าไปที่นั่นเป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยสักนิด
ในใจของลี่หุยเริ่มเกิดความอิจฉาริษยาขึ้นมา ถ้าไม่ใช่เพราะลี่จุนถิงขัดขวางตัวเองในการเข้าบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป ขัดขวางตัวเองไม่ให้ได้รับการยอมรับจากคนอื่น ๆ ในตระกูลลี่ เขาก็คงจะได้รับอภิสิทธิ์แบบนั้นเหมือนกัน!
เป็นเพราะลี่จุนถิงแย่งชิงทุกอย่างไปจากเขา!
เมื่อคิดอย่างนี้ ลี่หุยก็แทบจะรอไม่ไหวอยากรีบกำจัดลี่จุนถิงไปให้พ้นทาง เพื่อตัวเองจะได้ครอบครองทุกอย่างในเร็ววัน
เคธี่ไม่รู้ถึงความคิดเหล่านี้ของลี่หุยเลยสักนิด เธอเพียงแต่คิดอย่างไร้เดียงสาว่าลี่หุยอยากเข้ามาทำงานในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ได้ระแวดระวังเท่าไหร่นัก
ไม่นานทั้งสองคนก็ได้พบหน้ากันที่โรงแรมไคเหมิน ครั้งนี้ลี่หุยสำรวมกิริยาวาจาอย่างเห็นได้ชัด เพราะเขาไม่เคยมาสถานที่หรูหราอย่างนี้มาก่อน
สำหรับปฏิกิริยาเหล่านี้ของเขา เคธี่ได้สังเกตมาโดยตลอด ในใจก็ยิ่งรู้สึกดูถูกเหยียดหยามเขามากขึ้นไปอีก
เหอะ แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นพวกกบในกะลา ไม่รู้ไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้กล้าจะต่อกรกับจุนถิง…..
เคธี่แอบคิดในใจ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นชำเลืองมองลี่หุยแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยถาม : “พูดมาสิ นายมีเงื่อนไขอะไร?”
ลี่หุยก็ไม่ใช่คนโง่ กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ ก็ฉลาดพอตัวอยู่บ้าง ดังนั้นจึงมองออกเช่นกันว่าเคธี่รู้สึกดูถูกเหยียดหยามตัวเองอยู่บ้าง
เพราะการมีอยู่ของลี่จุนถิง ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองถูกคนอื่นเหยียบย่ำมาโดยตลอด เขาทะนงตนเป็นอย่างมาก เมื่อตอนนี้ถูกเคธี่ปฏิบัติอย่างนี้ใส่เขา ในใจจึงมีไฟโกรธลุกโชนขึ้นมา
แต่เพื่ออนาคตของตัวเอง ลี่หุยจึงได้แต่อดทน ยังไงซะสภาพของตัวเองในตอนนี้ ก็ถือว่า เคธี่เป็นพวกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อคิดได้อย่างนี้ ลี่หุยก็ยิ้มออกมา แล้วพูดกับเคธี่ว่า : “คุณเคธี่ คุณยินดีพิจารณาข้อเสนอของผม ผมก็รู้สึกดีใจมาก ในเมื่อคุณมาแล้ว ผมก็ไม่อยากอ้อมค้อม ผมอยากเข้าไปทำงานในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป รบกวนคุณช่วยผมหน่อยนะครับ”
“ฉันจะช่วยนายได้ยังไง? ถึงแม้ฉันจะชอบลี่จุนถิงมาก แต่ตอนนี้ฉันยังไม่ใช่คนในตระกูลลี่ ไม่ใช่ว่าอยากช่วยนายแล้วจะทำให้นายเข้าไปอยู่ในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปได้เลยนะ?”
เคธี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าคำพูดของลี่หุยฟังแล้วแปลก ๆ ยังไงไม่รู้
ลี่หุยยิ้มมุมปาก แล้วอธิบายให้เคธี่ฟังอย่างใจเย็น : “ตอนนี้สถานการณ์เป็นแบบนี้ ถึงแม้คุณไม่สามารถตัดสินใจได้ตรง ๆ แต่สามารถใช้อำนาจของคุณช่วยผมได้”
ได้ยินดังนั้น เคธี่ก็พอจะเข้าใจความหมายของลี่หุยขึ้นมาบ้างแล้ว เอาเป็นว่าก็คือใช้เส้นสายที่มีอยู่ช่วยให้ลี่หุยมีผลงานเล็ก ๆ น้อย ๆ จากนั้นก็ทำให้คนของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปมองเห็นความสามารถของเขาก็พอ
“ความหมายของนาย ฉันพอจะเข้าใจแล้วล่ะ” เคธี่เอ่ยพูดเสียงเบา “แต่เรื่องนี้อาจจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”
ถึงแม้เคธี่อยากรีบทำความร่วมมือกับลี่หุยให้สำเร็จในทันที และถึงแม้เธอจะมีอำนาจอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับพ่อของเธอ สิ่งที่เธอพอจะพูดได้มีไม่มากนัก
หากต้องการพูดหว่านล้อมพ่อของตัวเอง ที่จริงเคธี่ก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่
“คุณเคธี่ ผมรู้ว่าคุณกำลังกังวลอะไรอยู่ แต่ผมก็ไม่ได้อยากให้คุณลำบากใจ เอาเป็นว่าถึงเวลาคุณพยายามให้เต็มที่ก็พอแล้ว” ลี่หุยเอ่ยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ถึงแม้ว่าเขาต้องการความช่วยเหลือจากเคธี่อย่างมาก แต่จะไปบังคับขู่เข็ญไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย
“ฟังแล้วอาจจะซับซ้อนไปหน่อย แต่ในความเป็นจริง ผมก็ต้องการให้คุณช่วยเหลือผมให้ผมมีตำแหน่งที่มั่นคงในบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป และช่วยแนะนำโครงการให้ผมหลาย ๆ โครงการ เพื่อให้คนอื่นรู้สึกทึ่งในตัวผมก็พอแล้ว”
“ฉันรู้แล้วล่ะ” เคธี่พยักหน้าเล็กน้อย “แล้วฉันจะได้รับผลประโยชน์อะไรล่ะ?”
ลี่หุยเผยรอยยิ้มมีเลศนัยออกมา : “แน่นอนว่าต้องเป็นสิ่งที่คุณเคธี่คาดหวังจะเห็นมันมากที่สุด เจียงหยุนเอ๋อไงล่ะ ผมต้องช่วยคุณกำจัดให้สิ้นซากแน่นอน”