บทที่ 305 แลกเสบียงอาหาร 2

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 305 แลกเสบียงอาหาร 2

ถ้าไม่ได้นาง เขากับลูกชายคนเองคงจะหิวตายไปตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนแล้ว ไหนเลยจะยังสามารถรอดมาจนถึงตอนนี้ อีกอย่าง ในขณะทุกคนกำลังกังวลเรื่องอาหาร เขากับลูกยังคงไม่อดตาย ก็ต้องขอบคุณโจวกุ้ยหลานเช่นกัน

โจวกุ้ยหลานมองเขาด้วยสายตารู้สึกทึ่ง ในความคิดของนาง หลิวเกาเป็นคนที่หัวโบราณมาก แต่ตอนนี้กลับเข้าใจนาง

“ทำไมหรือ” หลิวเกาเห็นนางเอาแต่จ้องมองตนเอง จึงถามอย่างประหลาดใจ

โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า จากนั้นก็ยิ้มเยาะออกมา “ข้าแค่รู้สึกว่าให้ลูกๆเรียนกับท่านดีที่สุดแล้ว ”

คำพูดนี้ทำเอาหลิวเการู้สึกกระดากอายอยู่บ้าง พูดจาถ่อมตัวอยู่หลายประโยค

หลังจากที่ขนเสบียงอาหารออกมา ตอนค่ำจึงต้มข้าวสวย ให้ทุกคนกินกันอย่างอิ่มท้อง เพียงแต่ตอนนี้แม้แต่เสบียงอาหารก็ไม่มีแล้ว อย่าพูดถึงกับข้าวเลย

แต่แค่ข้าวเปล่าเท่านั้น ทั้งครอบครัวของโจวกุ้ยหลานและครอบครัวของโจวต้าซานต่างก็กินกันอย่างพอใจมาก สุดท้าย ระหว่างที่หลี่ซิ่วยิงกำลังกินข้าวอยู่ดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมา

โจวชิวเซียงเอาแต่ก้มหน้ากินข้าว และหันมาดูลูกสาวตนเองบ้างเป็นบางครั้ง ไม่พูดจาสักคำ ดูนางแก่ลงไปไม่น้อยเลยทีเดียว

ในเมื่อนางไม่ก่อเรื่อง กินข้าวเงียบๆ และเห็นแก่หน้าของโจวต้าซาน โจวกุ้ยหลานก็ไม่อยากจะสนใจนาง

กลุ่มคนที่ไป๋ยี่เซวียนให้อยู่ต่อที่นี่ หลายวันมานี้ก็ยากมากที่จะได้กินข้าวสวยสักมื้อ แต่ละคนกินกันชามโตๆ ปริมาณน่าตกใจมาก

เมื่อกินข้าวอิ่มแล้ว ทุกคนต่างก็เข้านอนแต่หัวค่ำ

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่จัดการธุระส่วนตัวและกำลังเปิดประตูนั้น ก็พบว่าได้มีคนมารออยู่เต็มไปหมดแล้ว แต่ละคนใบหน้าซีดเหลืองและผอมโซ บางครั้งก็มองมาในบ้านอย่างมีความหวัง

เมื่อเห็นโจวกุ้ยหลานออกมา หวังโหยวเกินและผู้อาวุโสในหมู่บ้านที่ยืนอยู่ด้านหน้าก็รีบเดินเข้าไปหา ทักทายกับโจวกุ้ยหลาน

เมื่อเห็นพวกเขามีท่าทีระมัดระวังมาก โจวกุ้ยหลานก็รีบเชิญพวกเขาเข้าไปในบ้าน

ก่อนจะเดินเข้าไป หวังโหยวเกินได้หันกลับไป ทำท่ากดมือลงให้คนที่ยืนอยู่ทางด้านนอก “พวกเจ้ารอก่อนนะ”

คนเหล่านั้นต่างพยักหน้า รออยู่ข้างนอกอย่างเชื่อฟัง

หลังจากที่เชิญพวกเขาเข้ามาในบ้านแล้ว เหล่าไท่ไท่กับโจวคายจือก็รีบยื่นน้ำให้พวกเขาดื่ม

ครั้งนี้ หวังโหยวเกินและผู้อาวุโสทั้งหลายต่างก็ลุกขึ้นด้วยท่าทีระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง รับน้ำไป กระทั่งเวลาพูดจากับพวกเขาก็ระวังเป็นพิเศษ

โจวกุ้ยหลานทำเหมือนมองไม่เห็นความผิดปกตินี้ ยังคงปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนแต่ก่อน ปรึกษาหารือเรื่องต่างๆกับพวกเขา แล้วจึงเอ่ยอย่างระอาใจว่า “หลิวเกายังไม่มาเลย ให้คนไปเรียกเขาดีกว่า ”

ในหมู่บ้านนี้มีซิ่วฉายแค่คนเดียวเท่านั้น จึงเหมาะที่จะทำเรื่องนี้มากที่สุด

หวังโหยวเกินรีบลุกขึ้นยืน บอกว่าเขาจะเป็นคนไปเรียกหลิวเกาเอง โจวกุ้ยหลานก็ไม่ได้ห้าม เดินตามโจวต้าไห่ไปจัดการยกโต๊ะไปวางไว้ด้านนอก เตรียมพวกเก้าอี้ให้พร้อม

คนที่ไป๋ยี่เซวียนทิ้งไว้ให้เหล่านั้นตอนนี้ไม่ได้มีท่าทีพูดยากเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ถึงกับช่วยโจวกุ้ยหลานจัดเตรียมของเหล่านั้นด้วยตนเอง ผ่านไปชั่วครู่ สิ่งที่ควรจัดเตรียมก็ถูกเตรียมเอาไว้พอสมควรแล้ว

ตอนที่ทำงานเหล่านี้อยู่ นอกลานบ้านกลับไม่มีคนเข้ามาเลยแม้แต่คนเดียว

ผ่านไปครู่ใหญ่ หลิวเกาก็มาถึง ยังมีตาชั่งที่หวังโหยวเกินนำมาด้วย

ตอนนี้ทุกคนยังไม่มีใครกินข้าวเช้า แต่ว่าข้างนอกมีคนมารออยู่แล้ว จะให้พวกเขารออยู่อย่างนี้ไมได้ โจวกุ้ยหลานจึงได้แต่ให้ทุกคนเริ่มทำงานทันที

กลับไปที่เรือน โจวกุ้ยหลานให้เหล่าไท่ไท่กับโจวคายจือต้มโจ๊กผักป่าเป็นอาหารเช้า

หลิวเกานั่งอยู่บนเก้าอี้ ถือพู่กันเอาไว้ รอที่จะเขียนข้อตกลงในการยกที่ดินให้ หวังโหยวเกินและเหล่าพวกอาวุโสต่างก็นั่งอยู่ข้างๆเขา รอให้คนที่เข้าแถวอยู่เดินเข้ามาทีละคน บอกว่าตนเองต้องการจะแลกเปลี่ยนที่น่าเท่าไหร่ จากนั้นโจวต้าไห่กับโจวต้าซานช่วยกันจินเสบียงอาหาร

และที่นาที่คนคนนั้นพูดถึงคือผืนไหน หวังโหยวเกินและเหล่าผู้อาวุโสปรึกษากันชั่วครู่ ก็สามารถรู้ได้แล้ว จากนั้นก็เป็นพยาน แล้วก็ประทับลายนิ้วมือไว้บนหนังสือข้อตกลงยกที่ดินให้โจวกุ้ยหลาน

ส่วนคนอื่นๆ ต่างก็เฝ้าอยู่หน้าประตู กำหนดไว้ว่าสามารถเข้าออกได้ครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น

คนคนนั้นมองดูพวกข้าวเปลือกที่บรรจุลงในถุงให้เขา ก็รู้สึกดีใจมาก

มีข้าวกินแล้ว สามารถมีชีวิตรอดต่อไปได้แล้ว

กระทั่งทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว โจวกุ้ยหลานให้ทุกคนไปกินข้าวด้วยกัน

ตอนที่หวังโหยวเกินและเหล่าผู้อาวุโสได้กินโจ๊ก คนจำนวนไม่น้อยต่างก็ตื่นเต้นมาก

ยังมีผู้อาวุโสอีกสองคนถามว่าจะขอห่อโจ๊กกลับไปให้หลานตนเองกินได้หรือไม่ โจวกุ้ยหลานส่ายหน้าอย่างจนใจ ให้พวกเขากิน ถึงเวลาจะให้ข้าวพวกเขาอีกคนละสองจิน ผู้เฒ่าเหล่านี้จึงกินข้าวอย่างสบายใจ

เมื่อโจ๊กร้อนๆถูกกลืนเข้าไปในท้อง ในที่สุดท้องที่หิวโซมานานของพวกเขาก็อิ่มซะที พวกเขาต่างก็ดีใจมาก

เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว ทุกคนต่างก็ทำงานกันต่อ

คนเหล่านั้นยังคงมาแลกเปลี่ยนเรื่อยๆ บางคนก็แลกเปลี่ยนมาก บางคนก็แลกเปลี่ยนน้อย

โดยเฉพาะพวกคนอายุสูงเหล่านั้น ต่างก็ไม่กล้าแลกขายที่นาของตนเอง แค่แลกเปลี่ยนหนึ่งแปลงเท่านั้น และส่วนใหญ่ก็เป็นที่ดินที่มีแต่ทราย ที่นาที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ยังคงเก็บเอาไว้เอง

คนหนุ่มสาวกลับมีการเอาที่นาสองผืนมาแลกเปลี่ยน แต่ก็เป็นส่วนน้อยอยู่ดี

การแลกเปลี่ยนเสบียงอาหารวันแรกก็จบลงเช่นนี้ ยากมากที่จะไม่มีคนมาก่อกวน ทุกคนต่างก็โล่งใจมาก

ในคืนวันนั้น คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านต้าสือต่างก็ก่อไฟ ต้มโจ๊ก เมื่อโจ๊กที่ไม่ได้กินมานานเข้าไปในปาก คนไม่น้อยต่างก็ร้องไห้โฮออกมา

หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน วันที่สองก็มีคนน้อยลง พอถึงวันที่สาม ก็มีมากขึ้น เพียงแต่คนที่มาครั้งนี้ เป็นคนจากหมู่บ้านใกล้เคียง

คนในหมู่บ้านต้าสือต่างก็พูดต่อๆกันไป ได้ยินเรื่องนี้เข้า ต่างก็มาห้อมล้อมบ้านของโจวกุ้ยหลานเอาไว้ ไม่ให้พวกเขาเข้าไป คนจากหมู่บ้านอื่นไม่ใช่คนสองคน ทันใดนั้นก็เกิดโกลาหลขึ้นมา

แต่คนของหมู่บ้านต้าสือก็ไม่ยอมถอยเลยแม้แต่ก้าวเดียว

รอจนกระทั่งพวกหวังโหยวเกินได้ยินข่าว ทุกคนก็ปะทะกันอย่างดุเดือดแล้ว

ทุกคนต่างก็รีบออกไปดู ก็พบว่าบนภูเขาเต็มไปด้วยผู้คน

หวังโหยวเกินได้ปรึกษากับคนที่มาจากหมู่บ้านอื่นว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร แต่ก็ไม่มีบทสรุปเลย

เมื่อเห็นว่าเรื่องราวกำลังจะบานปลายใหญ่โต โจวกุ้ยหลานจึงต้องออกมา

“พวกเราก็มีที่นา พวกเราจะเอาที่นามาแลกเปลี่ยนเสบียงอาหาร ทำไมพวกเจ้าจึงไม่แลกให้พวกเรา”ชายหนุ่มจากต่างหมู่บ้านตะโกนเสียงดัง คนอื่นๆต่างก็ร้องตะโกนตามไปด้วย

“ใช่แล้ว ทำไม พวกข้าไม่ได้จะมาปล้นเสบียงอาหารสักหน่อย”

คำพูดนี้ราวกับเป็นน้ำมันที่ราดลงไปบนกองไฟ ทำให้ทุกคนแตกฮือขึ้นมาทันที

โจวกุ้ยหลานทำท่าให้ทุกคนหยุดลง แต่ฝั่งนั้นไม่มีทีท่าจะหยุดลงเลยแม้แต่น้อย

รอบๆเกิดชุลมุนขึ้นมา คนในหมู่บ้านต้าสือเริ่มพูดขึ้นว่า “นี่คื่อเสบียงอาหารของหมู่บ้านเรา พวกเราก็ยังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อเหมือนกัน”

“ใช่แล้ว นี่คือเสบียงอาหารที่ใช้ช่วยชีวิต จะให้พวกเจ้าทำไม พวกเจ้ายังอยากจะมีชีวิตอยู่อีกหรือไม่”

โจวกุ้ยหลานกัดฟัน รีบดึงตัวพวกผู้ใหญ่บ้าน ให้พวกเขาไปควบคุมลูกบ้านของตนเอง

เมื่อเห็นเจ้าของเสบียงอาหารพูดเช่นนี้ ผู้ใหญ่บ้านเหล่านั้นก็ไม่รีรอ รีบไปปลอบใจลูกบ้านของตนเอง

หวังโหยวเกินเห็นดังนั้น ก็รีบดึงโจวกุ้ยหลานไปอีกฝั่ง พูดกับนางเสียงเบาว่า “กุ้ยหลาน อย่าตอบตกลงให้พวกเขาอย่างเด็ดขาด”

“ท่านลุง ถ้าหากวันนี้ไม่แลกเปลี่ยน คนหมู่บ้านอื่นจะต่อสู้กับคนในหมู่บ้านเราแน่ ถึงตอนนั้นเกรงว่าเสบียงของพวกเราก็จะปกป้องไว้ไม่ได้เหมือนกัน ”โจวกุ้ยหลานพูด มองดูผู้คนมากมายที่รออยู่ด้านนอก