ตอนที่ 462 ตระเวนขอบคุณ

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 462 ตระเวนขอบคุณ

หลินม่ายและเหรินเป่าจูออกจากร้านหลังจากนั้น

พวกเธอแยกกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง คนหนึ่งไปติดต่อทำป้าย ส่วนอีกคนไปตามหาเจิ้งซวี่ตง เพื่อขอให้เขาทำงานล่วงเวลาในวันนี้ และจัดหาคนมาตกแต่งหน้าร้านใหม่ที่เพิ่งเช่า

ตกแต่งที่ว่าคือทาสีผนังร้านชั้นหนึ่งใหม่ให้เป็นสีขาว ปูกระเบื้องบนพื้น ติดตั้งหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์บนเพดานสองสามหลอด ทั้งหมดนี้ควรเสร็จงานภายในไม่กี่ชั่วโมง

ส่วนชั้นสองตั้งใจว่าจะใช้เป็นโกดังกับห้องพักสำหรับคนที่มาเฝ้ายามในตอนกลางคืน ไม่จำเป็นต้องตกแต่ง แค่ทำความสะอาดก็พอ

เจิ้งซวี่ตงดำเนินการทันทีหลังจากได้รับคำสั่ง

ร้านเปาห่าวซือและร้านเสื้อผ้า Unique ทุกสาขาต่างก็ตกแต่งภายในด้วยการทาสีและปูกระเบื้องสำเร็จรูปในรูปแบบคล้าย ๆ กัน การมอบหมายงานจึงเสร็จสิ้นภายในไม่กี่นาที

หลินม่ายไปบอกให้ฝ่ายบุคคลช่วยประกาศจ้างงานคนที่พอมีทักษะในการทำผักดองจำนวนห้าคน จากนั้นก็ขี่จักรยานตรงไปที่ตลาดฝูตัวตัว

เธอคว้าถุงของขวัญขนาดใหญ่ที่บรรจุแฮมกระป๋องนำเข้า รวมถึงลูกกวาดและบิสกิต แล้วเดินทางไปที่หน่วยงานของหลิวเสวี่ย

พอไปถึงเธอก็พบว่าหลิวเสวี่ยเข้างานแล้ว หลินม่ายจึงลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ด้านหน้า แล้วตรงไปหาหล่อนถึงในสำนักงาน

ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ถือวิสาสะเดินเข้าไปข้างใน แต่ยืนอยู่หน้าประตูสำนักงาน แล้วเรียกชื่อหลิวเสวี่ย

พอเห็นว่าเป็นเธอ หลิวเสวี่ยก็รีบวิ่งออกมาอย่างยินดีทันที

ทั้งสองเดินออกมาจนถึงใต้ต้นหลิวใหญ่ต้นหนึ่งแล้วค่อยพูดคุยกัน

หลิวเสวี่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ทำไมจู่ ๆ เธอถึงได้แวะมาหาฉันล่ะ?”

หลินม่ายยื่นถุงของขวัญใบใหญ่ให้เธอ “ฉันเอาแฮมกระป๋องนำเข้ามาฝากค่ะ มีลูกกวาดกับบิสกิตด้วย พอเข้าฤดูใบไม้ร่วงเมื่อไหร่คุณจะได้เอาของพวกนี้ไว้ใช้รับรองแขก”

หลิวเสวี่ยยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิม ไม่ลืมชมเชยอีกฝ่าย “คุณช่างมีน้ำใจจริง ๆ”

หลินม่ายตอบกลับอย่างสุภาพสองสามคำ จากนั้นก็ขอตัวลากลับไป แล้วย้อนกลับไปที่ตลาดฝูตัวตัวอีกครั้ง

จากนั้นก็หยิบถุงของขวัญใบใหญ่ที่ยังเหลืออยู่อีกสองถุงออกมาหาซื้อผลไม้ที่ค่อนข้างหายากในเจียงเฉิงเพิ่มอีกนิดหน่อย แล้วขี่จักรยานกลับไปที่ร้านเปาห่าวซือ

สาเหตุที่เธอไม่เลือกหยิบถุงของขวัญออกมาพร้อมกันทั้งสามถุง และหาซื้อผลไม้พวกนี้ตั้งแต่แรก ก็เพราะเห็นแก่ใบหน้าของหลิวเสวี่ย

คงเป็นเรื่องที่น่ากระอักกระอ่วนสำหรับทั้งสองฝ่ายไม่น้อย ถ้าหญิงสาวเข้าใจว่าหลินม่ายมอบของเหล่านี้ให้หล่อนทั้งหมด

การให้ของขวัญต้องใส่ใจเรื่องรายละเอียดเป็นพิเศษ

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมหลินม่ายถึงลงทุนย้อนกลับมาเอาถุงของขวัญเป็นครั้งที่สอง

หลินม่ายฝากถุงของขวัญใบหนึ่งไว้กับรองผู้จัดการร้านเพื่อความปลอดภัย กำชับหล่อนว่านักข่าวสาวที่ชื่อหนิวลี่ลี่จะมารับมันในวันพรุ่งนี้

นอกจากนี้เธอยังบอกรองผู้จัดการร้านด้วยว่า ครั้งต่อไปถ้าหนิวลี่ลี่แวะมาซื้ออาหารที่ร้านอีก ไม่ต้องเรียกเก็บเงินจากเธอ

รองผู้จัดการร้านพยักหน้า ก่อนจะถามว่า “แล้วถ้าหล่อนพาเพื่อนมารับประทานอาหารที่ร้านล่ะคะ ต้องละเว้นให้พวกเขาด้วยไหม?”

หลินม่ายคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ลดให้พวกเขายี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้วกัน”

หนิวลี่ลี่ทุ่มเทความพยายามอย่างมากในการเอาชนะกวนหย่งหัว ไม่ว่าหล่อนจะเป็นผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษนั้นเอง หรือเพื่อน ๆ ของหล่อนจะได้รับส่วนลดก็ตาม ทั้งหมดไม่ใช่เรื่องสำคัญ

เธอเปิดร้านหารายได้เข้ากระเป๋าตัวเอง เธอจะมอบสิทธิพิเศษให้ใครก็ได้ตามที่ตัวเองพอใจ

หลินม่ายไม่กลัวว่าหนิวลี่ลี่จะถือโทษโกรธเคืองเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ เธอเป็นคนที่มีบรรทัดฐานเป็นของตัวเอง ไหนเลยจะเอาเปรียบคนอื่น

พูดถึงเรื่องการเอาเปรียบ สำหรับคนหนุ่มสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน หลินเพ่ยคือคนที่รักการเอาเปรียบมากที่สุด

สมัยที่สองพี่น้องเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นด้วยกัน หลินเพ่ยพยายามตัวทำสนิทสนมกับเพื่อนผู้ชายหลายคน และเป็นฝ่ายเข้าหาเพื่อนผู้หญิงที่พอมีฐานะและหน้าตาดีในชั้นเรียน โดยอาศัยบุคลิกที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาและน่าทะนุถนอมของตัวเองเป็นข้อได้เปรียบ

ใครก็ตามที่ไม่สะดุดตาพอ หล่อนไม่เคยคิดที่จะเข้าหาก่อน

แต่ถ้าอีกฝ่ายอยากเป็นเพื่อนกับตัวเองจริง ๆ คนคนนั้นก็ต้องเป็นฝ่ายเข้าหาหล่อนแทน ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนหล่อนก็ได้รับความนิยมอยู่วันยังค่ำ

ถึงในใจจะนึกดูถูกเพื่อนร่วมชั้นที่มีพื้นฐานทางครอบครัวแย่แค่ไหน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าแล้วหล่อนกลับเสแสร้งยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร

ถ้าเปรียบเทียบกับตัวละครโจวปาผี(1)ในหนัง หล่อนก็คงเป็นหลินปาผีในชีวิตจริง

ต่างก็ตรงที่โจวปาผีเป็นคนที่ร้ายแบบออกหน้าออกตา ในขณะที่หลินปาผีเสแสร้งทำตัวเป็นคนดีแต่ความจริงแล้วร้ายลึก

อย่าคิดว่าการที่หล่อนพูดจาฉอเลาะกับคนอื่นพร่ำเพื่อหรือทำตัวเจ้าชู้แบบนั้น เพราะหล่อนปรารถนาดีในตัวพวกเขาจริง ๆ

คุณคิดผิดแล้ว ทุกรอยยิ้ม ทุกคำพูดที่ออกจากปากหล่อนล้วนเป็นเพราะหวังผลประโยชน์ตอบแทนทั้งนั้น แม้แต่เพื่อนร่วมชั้นที่มิตรภาพอันดีกับหล่อน หรือแม้แต่นักเรียนที่มาจากครอบครัวยากจนก็ตาม

ครั้งหนึ่งในวันเกิดของหลินเพ่ย หล่อนจงใจพูดเสียงดังขึ้นในชั้นเรียน หวังว่าเพื่อนร่วมชั้นทุกคนจะแห่กันเอาของขวัญมามอบให้หล่อน

เป้าหมายของหล่อนสำเร็จจริง ๆ

ในวันเกิดของหล่อน เพื่อน ๆ หลายคนต่างก็ซื้อของขวัญที่มีมูลค่ามากกว่าสามหยวนให้หล่อนกันเป็นส่วนใหญ่ ถือว่าหล่อนโชคดีมากในบรรดานักเรียนบ้านนอกด้วยกัน

เหตุผลที่เป็นแบบนั้นก็เพราะหลินเพ่ยชุบตัวเก่ง แถมยังมีนิสัยใช้เงินฟุ่มเฟือยเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะของใช้หรืออาหารการกินก็ไม่ชอบของถูก ๆ

ที่สำคัญหล่อนไม่เคยต้องทำสวนทำไร่ จึงมีผิวพรรณดี ขาวผุดผาด และแต่งตัวดีกว่าเด็กผู้หญิงคนอื่น

นักเรียนหลายคนต่างก็คิดว่าหล่อนต้องมาจากครอบครัวที่ดีแน่ จึงซื้อของขวัญดี ๆ ให้เพื่อเอาอกเอาใจ

แต่เมื่อถึงวันเกิดของเพื่อน ๆ ในชั้นเรียนบ้าง ของขวัญที่พวกเขาได้รับจากหลินเพ่ยกลับมีมูลค่าต่ำกว่าครึ่งต่อครึ่ง บางชิ้นยิ่งโกโรโกโสสิ้นดี

เพื่อนหลายคนไม่สนใจเรื่องนี้ เพราะพวกเขาเองก็มีฐานะที่ดีอยู่แล้ว

แต่ใช่ว่าทุกคนจะไม่ถือสาไปซะหมด

ในชั้นเรียนมีเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อจิ่วเยว่ ในวันเกิดของหลินเพ่ย หล่อนให้ของขวัญหล่อนเป็นปากกาอย่างดีราคาสามหยวน

แต่พอถึงวันเกิดของจิ่วเยว่ หลินเพ่ยกลับให้แค่คำอวยพรเท่านั้น

ถึงจิ่วเยว่จะมาจากครอบครัวที่ดี แต่หล่อนค่อนข้างอ่อนไหวกับเรื่องของขวัญมาก

พอเห็นว่าหลินเพ่ยตอบแทนความหวังดีของตัวเองอย่างน่าเกลียดแบบนี้ หล่อนก็โกรธมาก ถึงกับเตะหลินเพ่ยออกจากกลุ่มเพื่อนทันที

นอกจากหล่อนแล้ว ยังมีเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ซื้อที่คาดผมอันละสามหยวนให้หลินเพ่ยในวันเกิดของหล่อน

พอถึงคราววันเกิดของเขาบ้าง หลินเพ่ยกลับซื้อกบเหลาดินสอราคาแค่สามเหมาให้เขา

พอเห็นว่าหล่อนตระหนี่ถึงขนาดนี้ เด็กชายคนนั้นก็ดูถูกหล่อนอย่างออกหน้าออกตา ถึงขั้นเยาะเย้ยหล่อนสองสามประโยคต่อหน้าทุกคนในชั้นเรียน

หลินเพ่ยตอบกลับไปแค่ว่าอีกฝ่ายไม่เข้าใจความหวังดีของตัวเอง การที่หล่อนซื้อของขวัญคืนให้ก็ดีแค่ไหนแล้ว

เด็กชายแทบจะอาเจียนออกมาเมื่อรู้ว่าทัศนคติของหล่อนย่ำแย่แค่ไหน จากนั้นก็บอกเลิกหล่อนทันที

จากเหตุการณ์นี้ ทำให้นักเรียนหลายคนต่างพากันรังเกียจหลินเพ่ย จนทุกคนค่อย ๆ ทำตัวเหินห่างจากหล่อนมากขึ้น

ตอนนั้น ในฐานะที่หลินม่ายเป็นน้องสาวของหลินเพ่ย เธอรู้สึกละอายใจมากกับนิสัยเอาเปรียบคนของหล่อน

พอนึกถึงหนิวลี่ลี่แล้วก็นึกย้อนไปถึงหลินเพ่ยเสียอย่างนั้น หลินม่ายก็ชื่นชมว่าตัวเองเชื่อมโยงเรื่องราวเก่งจริง ๆ

เธอขอใช้โทรศัพท์ในร้านเพื่อโทรหาหนิวลี่ลี่

บอกอีกฝ่ายว่าเธอได้เตรียมของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ เอาไว้ให้หล่อนด้วย โดยฝากของขวัญที่ว่าไว้ในร้านเปาห่าวซือ วันพรุ่งนี้ถ้าหล่อนแวะมาซื้ออาหารเช้าที่นี่ก็ให้มารับไปได้เลย

หลินม่ายไม่ลืมอธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ส่งของขวัญที่ว่าไปให้หล่อนถึงสำนักงานหนังสือพิมพ์ด้วยตัวเอง ก็เพราะกลัวจะสร้างภาพลักษณ์ในทางลบให้กับหล่อน

หนิวลี่ลี่หัวเราะเสียงใสมาตามสาย “เรามาทำความเข้าใจกันใหม่ ก่อนหน้านี้ฉันเคยห้ามไม่ให้คุณติดต่อกับฉันอย่างเปิดเผย เพราะฉันกลัวว่ากวนหย่งหัวอาจเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นโจมตี ว่าเราสองคนสมรู้ร่วมคิดกันสร้างเรื่องขึ้นมาโจมตีเพื่อทำลายชื่อเสียงของเขา แต่ตอนนี้คดีจบไปแล้ว ความจริงก็ปรากฏแล้วด้วย เราสามารถติดต่อกันตามปกติได้แล้วล่ะ ต่อให้เขาจับผิดพวกเราไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา รอบหน้าถ้าคุณอยากมาหาฉันก็แวะมาได้เลย”

หลินม่ายตอบรับไปตามสาย จากนั้นก็หยิบถุงของขวัญใบสุดท้ายพร้อมกับผลไม้หายากอีกจำนวนหนึ่ง แล้วปั่นจักรยานไปที่บ้านพักของผอ.เขตโอวหยาง

ผอ.เขตโอวหยางช่วยอำนวยความสะดวกให้เธอในหลาย ๆ เรื่อง

ถึงแม้ว่าเขาจะทำเพราะเป็นหน้าที่ แต่หลินม่ายก็ยังต้องการขอบคุณเขาอยู่ดี บุญคุณต้องทดแทน แค้นก็ต้องชำระ

ใครก็ตามที่ปฏิบัติต่อเธออย่างดี เธอย่อมแสดงความขอบคุณเขาจากใจจริง

หลินม่ายไปที่สำนักงานเขตก่อนเป็นอันดับแรก แล้วสอบถามที่อยู่บ้านพักของผอ.เขตโอวหยางจากพนักงานเสมียน

เขตชุมชนของข้าราชการแตกต่างจากที่พักอาศัยของพนักงานทั่วไป คล้ายกับหอพักบุคลากรทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยการแพทย์ผู่จี้ เป็นอะพาร์ตเมนต์แบบสองห้องนอนต่อหนึ่งครัวเรือน

ครอบครัวของผอ.โอวหยางอาศัยอยู่บนชั้นสาม

หลินม่ายถือของขวัญไว้ในมือทั้งสองข้าง ในไม่ช้าก็มาถึงหน้าประตูบ้านของผอ.เขตโอวหยาง

เธอวางถุงผลไม้ลงกับพื้น ก่อนจะเคาะประตูบ้านของหัวหน้าเขตโอวหยาง

ประตูบ้านของผอ.เขตโอวหยางยังไม่ทันจะเปิดออก ประตูบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกลับเปิดออกมาแทน ตามด้วยศีรษะของหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่โผล่ออกมา

หญิงวัยกลางคนแอบจ้องไปที่ของขวัญในมือหลินม่าย

หลินม่ายเหลือบมองอีกฝ่ายแค่แวบเดียว ปล่อยให้หล่อนมองต่อไปโดยไม่ปิดบัง

ผลไม้กับอาหารแค่ไม่กี่อย่าง ไม่ถือว่าเป็นของสำหรับติดสินบนเสียหน่อย

ที่ผ่านมาคนอย่างผอ.เขตโอวหยางก็ไม่เคยใช้อำนาจของตัวเองละเมิดระเบียบวินัยเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวเลยสักครั้ง เพราะฉะนั้นหลินม่ายจึงไม่กลัวสายตาสอดรู้สอดเห็นของคนอื่น

ขณะนั้นเอง ประตูบ้านของผอ.เขตโอวหยางก็เปิดออก หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีและสวยสมวัยก็ปรากฏตัวต่อหน้าหลินม่าย

ตอนแรกหญิงวัยกลางคนไม่ได้มองหน้าหลินม่ายเลย แต่มองผ่านไปมองผู้หญิงอีกคนที่ทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ตรงประตูฝั่งตรงข้าม

ผู้หญิงคนนั้นทำเป็นทักทายหล่อนด้วยรอยยิ้ม “มีแขกมาหาถึงบ้านน่ะ”

หญิงวัยกลางคนตอบรับเบา ๆ

จากนั้นอีกฝ่ายก็หดคอกลับเข้าไป แล้วปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว

หญิงวัยกลางคนหันกลับมาถามหลินม่ายด้วยน้ำเสียงใจดี “สาวน้อย เธอมาหาใครเหรอจ๊ะ?”

หลินม่ายยิ้มตอบพลางถามว่า “ขอโทษนะคะ ที่ใช่บ้านของผอ.เขตโอวหยางหรือเปล่า?”

คุณนายโอวหยางพยักหน้า “ใช่ คุณคือ…”

หลินม่ายแนะนำตัวเองภายในสองสามประโยค แล้วอธิบายจุดประสงค์ที่ตัวเองมาที่นี่

คุณนายโอวหยางได้ยินแบบนั้นก็รีบเชื้อเชิญเธอให้เข้าไปในห้องอย่างเป็นกันเอง บอกว่า “นั่นเป็นหน้าที่ที่ผอ.โอวหยางควรทำแล้ว ของขวัญพวกนี้จากคุณนับว่าคุ้มค่าสำหรับการขอบคุณแล้วล่ะ”

หลินม่ายเห็นว่าผอ.เขตโอวหยางไม่อยู่ที่นี่ บางทีเขาอาจจะยังติดพันงานอื่น ๆ ในสำนักงานเขตอยู่ก็ได้ ในบ้านจึงมีแค่ภรรยาของเขา กับชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง

ตั้งแต่เธอเดินเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มไม่ได้พยายามระงับสีหน้าของตัวเองเลย แถมยังจ้องมองเธอด้วยสายตาร้อนแรงไม่หยุดหย่อน

พฤติกรรมของเขาทำให้หลินม่ายรู้สึกไม่สบายใจมาก หลังจากพูดคุยกับภรรยาของผอ.เขตโอวหยางอีกนิดหน่อย เธอก็วางของขวัญลงและขอตัวจากไป

ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืนทันที แล้วอาสากับเธอว่า “เดี๋ยวผมไปส่งคุณกลับบ้านเอง”

คุณนายโอวหยางหันขวับไปมองชายหนุ่มที่จับจ้องหลินม่ายไม่วางตา

หล่อนยิ้มก่อนจะแนะนำกับหลินม่าย “เจ้าหนุ่มคนนี้เป็นหลานชายฉันเอง ชื่อโอวหยางหรง นักศึกษาปีหนึ่งคณะวิศวกรรมการขนส่งทางทะเล”

หลินม่ายอดบ่นในใจไม่ได้ เธอไม่ได้มานัดบอดซะหน่อย ไม่เห็นต้องแนะนำละเอียดขนาดนี้เลย

คุณนายโอวหยางยังพูดต่อไปด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวหรงตามไปส่งถึงบ้านก็ดีเหมือนกัน เธอยังสาวยังสวยแบบนี้ ฉันกังวลว่าถ้าเธอกลับคนเดียวอาจไม่ปลอดภัย”

หลินม่ายรีบตอบกลับ “ไม่เป็นไรค่ะ พอดีแฟนฉันรออยู่ข้างล่าง เดี๋ยวจะกลับบ้านพร้อมกันน่ะค่ะ”

พอชายหนุ่มได้ยินแบบนั้น ความผิดหวังของเขาก็ท่วมท้นขึ้นมาทันที คุณนายโอวหยางเองก็ดูเสียดายไม่ต่างกัน

หลินม่ายรีบเดินลงไปชั้นล่าง คว้าจักรยานได้ก็ปั่นจากไป

เธอไม่รู้ตัวเลยว่าโอวหยางหรงยืนอยู่ตรงหน้าต่าง เฝ้าดูเธอปั่นจักรยานกลับบ้านตามลำพังด้วยแววตาขี้เล่นและรอยยิ้มเยาะ

เขาพูดพึมพำกับตัวเอง “คุณยังโสดแท้ ๆ แต่กลับโกหกผมว่ามีแฟนแล้ว!”

………………………………………………………………………………………………………………

โจวปาผี 周扒皮 ตัวละครวายร้ายที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากเรื่อง ‘ไก่กาตอนเที่ยงคืน’ มีชื่อจริงว่าโจวชุนฟู่ หนึ่งในเจ้าของที่ดินหน้าเลือด แบ่งชนชั้นว่าตัวเองสูงส่งกว่าพวกคนจน

สารจากผู้แปล

ไปนึกถึงนังพี่สาวเลวเสียได้ ตอนนี้สภาพเป็นไงบ้างแล้วนะ

แฟนเขาอยู่ที่บ้านน่ะพ่อหนุ่ม ถ้าไม่กลัวแฟนเขาเล่นงานก็ตามไปเลยค่ะ

ไหหม่า(海馬)