บทที่ 460 การมาเยือนของสาวงาม
บทที่ 460 การมาเยือนของสาวงาม
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเซวียนเกี่ยวกับใบอนุญาตค้าเกลือ หญิงสาวก็ขมวดคิ้วด้วยความสับสน
“แต่ใบอนุญาตค้าเกลือทั้งหลายต่างถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยราชสำนัก และออกให้ในปริมาณที่กำหนดทุกปีเท่านั้น มันจะเป็นไปได้ยังไง…” แต่แล้วมีบางอย่างกระทบใจนาง “เดี๋ยวนะ ข้าได้ยินมาว่านายน้อยของตระกูลหวางถูกลักพาตัว…หรือว่านั่นจะเป็นผลงานของท่าน?”
เฉินเซวียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ข้าไม่นึกเลยว่าหัวหน้ากลุ่มวาฬจะมีเครือข่ายข้อมูลดีขนาดนี้”
หญิงสาวยิ้มจาง ๆ “แน่นอนว่าในสายงานของเรา เครือข่ายข้อมูลที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าไม่อย่างนั้นกลุ่มของเราคงล้มตายไปหลายรอบแล้ว”
เฉินเซวียนรู้สึกว่าคำพูดของนางมีความหมายมาก “เจ้าพูดถูก” เขายืนยัน “ข้ามีวิธีในการได้รับใบอนุญาตค้าเกลือของแท้ที่ออกจากทางการจากตระกูลหวาง และนี่เป็นเหตุผลที่ข้าต้องการลงทุนในธุรกิจเกลือผิดกฎหมายด้วยใบอนุญาตค้าเกลือนี้!”
หญิงสาวครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ต้องยอมรับว่าข้อตกลงนี้น่าสนใจ แต่ข้าสงสัยว่าหัวหน้าเฉินต้องการแบ่งผลกำไรอย่างไร?”
เฉินเซวียนหัวเราะและกล่าวว่า “เนื่องจากเราทั้งคู่ได้แสดงความจริงใจต่อกันแล้ว ดังนั้นข้าต้องการห้าสิบห้าสิบ! ไม่มีฝ่ายใดเสียเปรียบ!”
ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะอย่างเย็นชาให้กับข้อเสนอของเขา “ไม่มีฝ่ายใดเสียเปรียบ? ใบอนุญาตค้าเกลือของท่านได้มาอย่างไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ แถมท่านก็เพียงแค่ให้ใบอนุญาตค้าเกลือแก่เราเท่านั้นโดยที่ท่านไม่ต้องเสี่ยงอะไรเลย มันไม่มากเกินไปไปหน่อยเหรอที่จะขอครึ่งหนึ่ง?”
เฉินเซวียนหุบยิ้ม “เจ้าประเมินสิ่งที่ข้ากำลังจะเสนอให้ต่ำไปหรือเปล่า? เป็นที่รู้กันดีว่าการค้าเกลือเต็มไปด้วยผลกำไร และความเสียเปรียบที่ใหญ่ที่สุดระหว่างเกลือผิดกฎหมาย และเกลือที่ถูกกฎหมายก็คือใบอนุญาตค้าเกลือ ซึ่งในตอนนี้ข้ากำลังเสนอวิธีการทำให้เกลือผิดกฎหมายของเจ้าสามารถขายได้อย่างถูกกฏหมาย ดังนั้นครึ่งหนึ่งมันจะมากเกินไปได้ยังไง?”
“ท่านคิดแบบนั้นมันไม่ถูกต้อง” น้ำเสียงของนางเข้มขึ้น “เกลือผิดกฎหมายที่เราขายกับการขายเกลือแบบถูกกฎหมายนั้นต่างจากกันอย่างสิ้นเชิง หากเราให้ผลกำไรครึ่งหนึ่งแก่ท่าน เราจะได้กำไรน้อยกว่าการขายเกลือทั้งหมดด้วยวิธีปกติของเรา ดังนั้นเหตุใดเราจึงต้องยุ่งยากร่วมมือกับท่านด้วย?”
เฉินเซวียนส่ายหัว “หัวหน้ากลุ่มวาฬ เจ้าอย่าพยายามเอาเปรียบข้าเพียงเพราะเจ้าคิดว่าข้าไม่เข้าใจการค้านี้ ราคาของเกลือผิดกฎหมายกับราคาเกลือที่ถูกกฏหมาย มีผลกำไรต่างกันหกถึงเจ็ดเท่า! ดังนั้นเจ้าพูดออกมาได้ยังไงว่าเจ้าจะได้กำไรน้อยลงผ่านข้อตกลงนี้?”
“หัวหน้าเฉินรู้ข้อมูลแต่เพียงบางส่วนเท่านั้น แม้ว่าเกลือปกติจะมีราคาสูง แต่มีแค่คนธรรมดาส่วนน้อยเท่านั้นที่สามารถรับราคาของมันไหว ดังนั้นพวกเขาส่วนใหญ่จึงหันมาซื้อเกลือที่ผิดกฎหมายของเรา”
นางอธิบาย “นั่นคือเหตุผลที่กำไรหกถึงเจ็ดเท่าเป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น ในความเป็นจริง มันไม่ใช่ราคานี้ แต่ขายได้ต่ำกว่าราคานี้มาก”
“แล้วหัวหน้ากลุ่มวาฬคิดว่าเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม?” เฉินเซวียนรู้เกี่ยวกับความเป็นจริงของเรื่องนี้เช่นกัน เขาแค่จงใจกดดันอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน
หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นตัวเลขก็หลุดจากริมฝีปากสีแดงราวกับผลเชอร์รี่ของนาง “หนึ่งในสิบส่วนของผลกำไรในปีหน้าเป็นอย่างมากที่สุด”
“หนึ่งในสิบส่วน?” เฉินเซวียนโกรธจัด จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ “เจ้าเห็นว่าข้าเป็นขอทานหรือว่าอะไร? ข้ามาอย่างจริงใจแต่เจ้ากลับหยามข้าแบบนี้ เจ้าไม่คิดว่าตัวเองล้ำเส้นเกินไปหน่อยเหรอ!”
คลื่นพลังกดดันปะทุขึ้นทันที สมาชิกกลุ่มวาฬที่อยู่ด้านนอกต่างพยายามจะรีบเข้ามา แต่พวกเขาก็ถูกหญิงสาวสั่งห้ามไว้
หลังจากสั่งให้ลูกน้องหยุดแล้ว นางก็หันกลับมาและพูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ว่า “อย่าเพิ่งคิดว่าข้าล่วงเกินท่านเลยหัวหน้าเฉิน ฟังข้าอธิบายเพิ่มเติมก่อน ถึงแม้ว่าใบอนุญาตค้าเกลือของท่านจะเป็นของที่มีประโยชน์ต่อการค้าเกลือของเรา ซึ่งมันทำให้เราลดความเสี่ยงทางธุรกิจได้ แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ใบอนุญาตค้าเกลือของหัวหน้าเฉิน เป็นเพียงข้อตกลงครั้งเดียวเท่านั้น ท่านไม่มีทางจัดหามันเพิ่มเติมจากแหล่งที่มั่นคงได้”
“นอกจากนี้ หัวหน้าเฉินไม่ควรคิดว่ากลุ่มวาฬของเราไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อันที่จริง รายได้ส่วนหนึ่งของเราถูกใช้เพื่อติดสินบนฝ่ายต่าง ๆ ผลกำไรส่วนใหญ่จึงตกไปอยู่ในมือของคนเหล่านั้น เราจึงเหลือรายได้ส่วนน้อยสำหรับตัวเราเอง ดังนั้นนี่คือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงเสนอให้ท่านได้แค่หนึ่งในสิบของกำไรทั้งหมด ต่อให้ไม่ว่าจะมีใบอนุญาตค้าเกลือจากท่านหรือไม่ เราก็ยังจำเป็นต้องจ่ายสินบนตามเดิม”
รอยยิ้มลึกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉินเซวียน “ข้าได้ยินมาว่ากลุ่มวาฬมีความเกี่ยวข้องกับคนของราชสำนัก ข้าสงสัยว่าบุคคลผู้ยิ่งใหญ่คนไหนที่ร่วมมือกับท่าน?”
สีหน้าของนางเริ่มมืดมน “หัวหน้าเฉินถามมากเกินไปแล้ว”
เฉินเซวียนรู้ว่านางไม่มีวันยอมเอ่ยปากถึงเรื่องนี้ เขาจึงหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นสองในสิบส่วน ต่ำกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
หญิงสาวส่ายหัว “มากที่สุดที่ข้าให้ได้คือหนึ่งจุดห้าในสิบส่วน!”
เฉินเซวียนเงียบไปครู่หนึ่ง “ได้! ถือว่าพวกเราบรรลุข้อตกลงแล้ว!”
ข้าจะทำให้เจ้าเป็นของข้าในไม่ช้าก็เร็ว เมื่อถึงเวลานั้น เมื่อเจ้าเป็นของข้าแล้ว เงินของเจ้าก็จะเป็นของข้าเช่นกัน และทุกสิ่งที่เจ้ามีจะเป็นของข้า ได้ส่วนแบ่งในตอนนี้น้อยลงไม่ใช่ปัญหาอะไร
“ข้าหวังว่าความร่วมมือระหว่างเราจะประสบความสำเร็จ” นางยิ้มบาง ๆ ขณะยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบ
เฉินเซวียนไม่กลัวว่านางกำลังวางยาพิษใส่เขา เขาจึงยกชาขึ้นจิบเช่นกันแล้วพูดต่อ “เราคุยกันมาตั้งนานแล้ว ข้ายังไม่รู้จักชื่อของเจ้าเลย?”
หญิงสาวตบกลับอย่างราบเรียบ “แซ่ของข้าคือกวน”
“กวน…” เฉินเซวียนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้ไม่ต้องการแม้แต่จะบอกชื่อของตัวเอง ไม่เป็นไร เดี๋ยววันหนึ่งเขาก็รู้เอง!
…
ในขณะที่ข้อตกลงทางธุรกิจนี้กำลังดำเนินการอยู่บนเกาะ ซูอันก็กำลังง่วนอยู่กับการค้นหาที่ซ่อนของเฉินเซวียน โดยใช้ข้อมูลที่เจียงลั่วฝูมอบให้เขา
ที่ผ่านมานับตั้งแต่ซูอันได้มอบตั๋วหนี้มูลค่าเจ็ดล้านให้ นางก็ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาว่านางจะเข้าครอบครองทรัพย์สินของสำนักดอกบ๊วยทั้งหมดได้ยังไง
ดังนั้นก่อนหน้านี้นางจึงสืบข้อมูลของสำนักดอกบ๊วยเอาไว้หมดแล้ว ซึ่งด้วยเส้นสายของสถาบันจันทร์กระจ่าง การค้นหาทรัพย์สินทั้งหมดของสำนักดอกบ๊วยจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย ไม่ว่าทรัพย์สินเหล่านั้นจะเป็นแบบถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย
เมื่อซูอันร้องขอ เจียงลั่วฝูก็ไม่ลังเลเลยที่จะส่งข้อมูลที่นางเคยรวบรวมมาให้เขา นางต้องการให้เขาเข้าครอบครองทรัพย์สินแทนอยู่ดี ดังนั้นการให้ข้อมูลนี้แก่เขาล่วงหน้าจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
เมื่อเห็นข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินทั้งหมดของสำนักดอกบ๊วย ซูอันก็พูดไม่ออก การเปิดบ่อนทำเงินได้มากจริง ๆ!
เขาพาเจียวซานเหอและทหารคุ้มกันตระกูลฉู่คนอื่น ๆ มาด้วย แต่น่าเสียดายที่การค้นหาของพวกเขาไร้ผล แม้จะค้นหามาเกือบทั้งวันแล้วก็ตาม
นี่ข้าเดาผิดไปเหรอ? ซูอันรู้สึกหดหู่ เขากลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลฉู่มือเปล่า เพราะยังคงต้องให้การรักษาแก่ฉู่ชูเหยียนทุกวัน
เมื่อเขากลับไปที่ตระกูลฉู่ และรายงานสิ่งที่เกิดขึ้น ฉู่จงเทียน ฉินหว่านหรู และฉู่ชูเหยียนต่างก็ขมวดคิ้ว สถานการณ์นี้ชัดเจนว่าเป็นสิ่งที่พวกเขากังวลมากที่สุด
หากไม่สามารถช่วยหวางหยวนหลงได้ ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหวางและตระกูลฉู่ก็จะถึงจุดสิ้นสุด และนั่นจะทำให้เรื่องยุ่งยากมากขึ้นอย่างแน่นอน
ทันใดนั้น เฉิงโซวผิงก็มาถึง “นายน้อย นายน้อย! มีคนกำลังตามหาท่านอยู่ข้างนอกโน่นแน่ะ!” เขาพูดอย่างตื่นเต้น
“ใคร?” ซูอันรู้สึกสงสัยเล็กน้อย ใครกันที่ตามหาเขาตอนดึกและสามารถทำให้เจ้าเด็กนี่ตื่นเต้นได้ขนาดนี้?
เฉิงโซวผิงอ้าปากจะตอบ แต่ทันใดนั้นเมื่อสังเกตเห็นฉู่จงเทียน และคนอื่น ๆ ยืนอยู่กับซูอัน เฉิงโซวผิงก็กลืนสิ่งที่จะพูดลงคอทันที “ผู้น้อยไม่กล้าพูด”
“มีอะไรที่คนอย่างเจ้าไม่กล้าพูดอีกงั้นเหรอ? เมื่อไหร่กันที่เจ้าเรียนรู้การสงบปากสงบคำแบบนี้?” ฉินหว่านหรูถามกลับอย่างหมดความอดทน นางไม่เคยชอบหน้าเฉิงโซวผิงมาตลอดตั้งแต่ตอนที่เขาเสนอที่จะหาอนุภรรยาที่ดีที่สุดให้สามีของนาง
เฉิงโซวผิงยังรู้สึกเจ็บแสบจากแผลที่เขาถูกคุณหนูรองเฆี่ยนตีอยู่เลย ดังนั้นจึงไม่อยากหาเรื่องเจ็บตัวเพิ่มอีก อย่างไรก็ตาม เมื่อตอนนี้ท่านอ๋องและนายหญิงจ้องมองมาที่เขา ก็ไม่กล้าปิดปากเงียบอีกต่อไป “เป็น…เป็นแม่นางชิว…” เขาก้มหน้าตอบกลับเสียงเบา
“แม่นางชิวคนไหน?” ฉู่จงเทียนตกตะลึง สมองของเขาดูเหมือนจะใช้งานได้ไม่ดีตอนนี้
เฉิงโซวผิงเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะตอบเสียงดังมากขึ้น ขณะนี้เขาไม่อาจเก็บงำความรู้สึกภาคภูมิใจได้อีกต่อไปแล้ว “ในเมืองจันทร์กระจ่าง มีแม่นางชิวแค่คนเดียวเท่านั้นท่านอ๋อง! แน่นอนว่าผู้ที่มาหานายน้อยคือชิวฮัวเล่ยแห่งหอสุขนิรันดร์!”
ผู้ชายทั่วไปแค่จะพบปะกับนางยังยากยิ่ง แต่ตอนนี้ ชิวฮัวเล่ยผู้โด่งดังไปทั่วแคว้นกลับมาหานายน้อยตอนกลางดึก! เขารู้สึกภาคภูมิใจในตัวเจ้านายของเขาทันที