บทที่ 429 คู่เดียวตลอดชีวิต

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 429 คู่เดียวตลอดชีวิต

บทที่ 429 คู่เดียวตลอดชีวิต

ผู้ชายสามารถมีภรรยาและอนุภรรยาได้หลายคน ในขณะที่ผู้หญิงมีสามีได้เพียงคนเดียว

ผู้ชายสามารถใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาได้ ในขณะที่ผู้หญิงต้องปฏิบัติตาม สามคล้อยตาม สี่คุณธรรม[1]*

กู้เสี่ยวหวานกำลังพูดถึงกุ้ยชุนเจียว แต่นางก็พูดถึงตัวเองด้วย

หากนางต้องแต่งงานกับสามีที่มีภรรยาหลายคนในอนาคต เช่นนั้นนางอาจจะไม่แต่งงาน

“เสี่ยวหวานเกลียดชังผู้ชายที่มีภรรยาหลายคนหรือไม่?” ฉินเย่จือเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

อืม กู้เสี่ยวหวานตอบเรื่องนี้โดยไม่ต้องคิด “ไม่ใช่แค่เกลียดชัง มันเป็นการเกลียดเข้ากระดูกดำ นี่เป็นการดูถูกผู้หญิงยิ่งนัก! คนรักในอนาคตของข้า เขาจะต้องรักข้าเพียงคนเดียวไปตลอดชีวิต ถ้าหาไม่ได้ ในชีวิตนี้ข้าก็จะไม่แต่งงาน!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจัง

อย่างไรก็ตาม ถ้านางหาไม่เจอจริง ๆ นางก็คงจะเป็นสาวแก่และอาศัยอยู่ตามลำพังบนภูเขา เพื่อที่คนหยาบคายเหล่านั้นนินทานางลับหลัง นางจะได้ไม่ได้ยิน

กู้เสี่ยวหวานเหลือบมองฉินเย่จือและกล่าวต่อ “เจ้าสามารถพูดได้ว่าข้าเป็นคนแปลกหรือบอกว่าข้าเป็นตัวประหลาดก็ช่าง แต่คนรักในอนาคตของข้าจะต้องเป็นเพียงคู่เดียวตลอดชีวิตที่เหลือของข้าและไม่มีใครสามารถเข้ามาแทรกกลางระหว่างเราได้!”

เป็นครั้งแรกที่ฉินเย่จือได้ยินคำพูดเช่นนี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและตกตะลึง แต่แล้วก็มีรอยยิ้มลึก ๆ ในดวงตาของเขา “ถ้าสามีและภรรยารักกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะไม่มีที่ว่างสำหรับบุคคลที่สาม!”

“เฮ้อ พูดเหมือนว่าข้ากำลังใกล้จะแต่งงาน ข้าเพิ่งจะอายุสิบปีเอง” กู้เสี่ยวหวานทำหน้าบึ้งและไม่ได้เข้าไปลึกในหัวข้อ

“ใช่แล้ว เจ้าอายุเพียงสิบปี และเจ้ากำลังพูดถึงการแต่งงานกับใครบางคนในอนาคต เจ้าละอายใจบ้างหรือไม่?” ฉินเย่จือกล่าวติดตลก

หลังจากที่ได้ยินกู้เสี่ยวหวานกล่าวคำเหล่านั้น สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายและมีความสุข และเขาก็ยิ้มตาม

“ละอายอะไรกัน ทุกคนก็ต้องเติบโตขึ้นและก็ต้องผ่านจุดนั้นไป!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างดูถูก

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็บอกเรื่องนี้แค่กับข้า หากเจ้าไปพูดกับคนอื่น เกรงว่าพวกนั้นคงมองเจ้าเหมือนสัตว์ประหลาด” ฉินเย่จือกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ไม่เป็นไร แค่เจ้าเข้าใจข้าก็พอ!” หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานกล่าวจบ ดวงตาของนางก็เบิกกว้างขึ้นทันที “อาฉิน เจ้าได้กลิ่นอะไรหรือไม่?”

ฉินเย่จือดมกลิ่นแล้วอุทานออกมา “แย่แล้ว อาหารในกระทะคงไหม้แล้ว”

กล่าวจบก็รีบไปเก็บกวาดใหม่ทันที โชคดีที่ไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เดิมทีฉินเย่จือเป็นคนจมูกไว แต่คราวนี้เขาไม่ได้กลิ่นจริง ๆ หัวใจของฉินเย่จือหวานราวกับกินน้ำผึ้ง เขาแอบมองกู้เสี่ยวหวานที่กำลังมุดอยู่หน้าเตา แม้ว่าเขาจะมองเห็นเพียงส่วนบนของศีรษะที่ดำสนิท แต่ก็รู้สึกเหมือนได้กินน้ำผึ้งอยู่ในใจ

คู่เดียวตลอดชีวิตอย่างนั้นหรือ? ฉินเย่จือเลิกคิ้วขึ้น

เสี่ยวหวาน เจ้าช่างเป็นลูกแมวที่เอาแต่ใจเสียจริง

แต่ข้าชอบ!

ฉินเย่จือยิ้มราวกับแมวที่ขโมยปลาได้ และใบหน้าที่งดงามของเขาก็ยิ่งหล่อเหลาขึ้นไปอีก

โชคดีที่กู้เสี่ยวหวานไม่เห็นมัน ถ้านางเห็น เกรงว่านางจะต้องกล่าวว่านี่เป็นสาเหตุให้มีผู้หญิงมาหลงใหลแน่ ๆ

ขณะที่พวกเขายังคงยุ่งอยู่ในครัวก็ได้ยินเสียงของกุ้ยสวิ้นเหอมาจากภายนอก “สาวน้อยเสี่ยวหวาน เจ้าอยู่บ้านหรือไม่?”

กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้นและเหลือบมองที่ฉินเย่จือ เมื่อเห็นว่าเขาก็มึนงงด้วย นางจึงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “เขามาที่นี่ทำไม”

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานกล่าวจบ นางก็ออกไปนอกบ้านและเห็นกุ้ยสวิ้นเหอถือของบางอย่างที่หลี่ฝานนำมา มองดูตนเองอย่างกระตือรือร้น

“ท่านลุงกุ้ยหมายความว่าอย่างไร?” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถาม

“สาวน้อยหวาน ให้ข้าเข้าไปคุยด้วยได้หรือไม่” กุ้ยสวิ้นเหอขอร้อง หากพูดคุยกันข้างนอก ไม่รู้ว่าผู้คนที่ผ่านไปมาจะได้ยินหรือไม่

กู้เสี่ยวหวานคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้า นางเปิดประตูลานบ้านให้กุ้ยสวิ้นเหอเข้ามา

กู้เสี่ยวหวานไม่ได้พากุ้ยสวิ้นเหอไปที่ห้องหลัก แต่พาเขาไปที่ห้องครัวเล็ก ๆ แทน

“ข้าขอโทษ ท่านลุงกุ้ย ข้าไม่ชอบให้ใครเข้ามาในห้องของข้า ดังนั้นข้าจึงสามารถพาท่านลุงมาที่นี่ได้เท่านั้น” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างสงบ

กุ้ยสวิ้นเหอรีบพยักหน้า

จากนั้นเขาก็หยิบของที่อยู่ในมือมาวางบนโต๊ะเล็กในครัว

ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานมืดลง “ท่านลุงกุ้ยหมายความว่าอย่างไรกันแน่?”

เมื่อเห็นท่าทางที่ใจร้อนของกู้เสี่ยวหวาน และคาดเดาได้ว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังคิดอะไร กุ้ยสวิ้นเหอจึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “สาวน้อยเสี่ยวหวาน เรารับสิ่งนี้ไว้ไม่ได้ รบกวนเจ้าช่วยส่งคืนให้เถ้าแก่หลี่ทีนะ!”

“เช่นนั้นท่านลุงควรส่งคืนให้เขาโดยตรง มาให้ข้าเพื่ออะไร!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างไม่พอใจ

ในเรื่องนี้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกอายเล็กน้อย นางไปขอความช่วยเหลือจากหลี่ฝาน แต่ไม่ได้คาดคิดว่าหลี่ฝานจะใช้ความพยายามอย่างมากในการช่วยเหลือเรื่องนี้ แต่นี่เป็นการทำให้ผู้อื่นเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์!

ไม่สามารถให้คนอื่นลงแรง และยังต้องออกเงินเพื่อทำให้สิ่งที่ไม่เกี่ยวกันเขาเลยได้

“สาวน้อยเสี่ยวหวาน เดิมทีข้าควรจะคืนของพวกนั้นทั้งหมดแล้ว แต่ข้ากลัวว่าคนในหมู่บ้านจะสงสัย ดังนั้นข้าจึงเปลี่ยนเป็นเงิน!” หลังจากกล่าวจบ กุ้ยสวิ้นเหอก็หยิบถุงผ้าออกมาจากแขนเสื้อของเขา หยิบเงินออกมาสิบห้าตำลึงเงิน แล้วยื่นให้กู้เสี่ยวหวาน “สาวน้อยเสี่ยวหวาน ในครอบครัวข้ามีเงินเพียงเท่านี้ แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเถ้าแก่หลี่ใช้เงินไปเท่าไร แต่เจ้าสามารถมั่นใจได้ว่าข้าจะทยอยจ่ายเงินคืนอย่างช้า ๆ! จนกว่าจะจ่ายครบ เจ้าสามารถวางใจได้”

ในหมู่บ้าน ชื่อเสียงของกุ้ยสวิ้นเหอค่อนข้างดี เขาทำงานเป็นช่างไม้ฝีมือดี ราคายุติธรรม และซื่อสัตย์ กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าจะรับก็ไม่ได้ ไม่รับก็ไม่ได้เช่นกัน

นี่เป็นสิ่งที่หลี่ฝานนำมาให้ หากพูดตามหลักเหตุผล ถ้าจะคืนสิ่งเหล่านี้ ครอบครัวกุ้ยก็ควรเป็นคนที่คืนมันด้วยตนเอง

สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ของนาง และนางไม่สามารถนำไปคืนแทนกุ้ยสวิ้นเหอได้

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว นางก็กล่าวว่า “ทำไมไม่ทำอย่างนี้ล่ะ ข้าจะไปเมืองหลิวเจียในวันพรุ่งนี้ หากท่านอยากจะขอบคุณเถ้าแก่หลี่จริง ๆ พรุ่งนี้ท่านก็ไปกับข้า”

เมื่อกุ้ยสวิ้นเหอได้ยินว่าสามารถไปขอบคุณหลี่ฝานต่อหน้าได้ ในดวงตาก็เป็นประกายและตอบซ้ำ ๆ ว่า “โอ้ ๆ ดีมาก!”

กล่าวจบก็เก็บถุงผ้าอีกครั้ง เอาของบนโต๊ะใส่ลงไป แล้วเดินกลับไปอย่างมีความสุข

“กุ้ยสวิ้นเหอผู้นี้เป็นคนมีเหตุผล และเขารู้ว่าเขาไม่สามารถเอาของที่ไม่ใช่ของเขาไปได้!” ฉินเย่จือกล่าว

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและไม่ได้กล่าวอะไร

*[1] สามคล้อยตาม สี่คุณธรรม

สามคล้อยตาม ได้แก่ ผู้หญิงที่ยังไม่ออกเรือนต้องเชื่อฟังบิดา เมื่อแต่งงานมาต้องเชื่อฟังสามี และเมื่อสามีถึงแก่กรรมต้องเชื่อฟังบุตรชาย

สี่คุณธรรม ได้แก่ ประการแรก คือ คุณธรรมของสตรีต้องรักษากิริยาและสงบเสงี่ยม ประการที่สอง คือ วาจาสตรี ประการที่สาม คือ รูปลักษณ์สตรี และประการที่สี่ คือ การงานสตรี