บทที่ 425 หนูทำอาหารเป็นค่ะ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 425 หนูทำอาหารเป็นค่ะ

บทที่ 425 หนูทำอาหารเป็นค่ะ

เสี่ยวเถียนไม่รู้เลยว่ามีคนคิดจะพาเธอกับพี่ ๆ ไปอยู่ที่อื่น ดังนั้นจึงได้แต่ยิ้มแล้วขอตัวเข้าไปช่วยในครัวก่อน

“ไปเถอะ ๆ!” คุณปู่ซูโบกมือให้หลาน

ส่วนเด็กคนอื่น ๆ ไม่รู้ว่าจะออกไปหรืออยู่ต่อดี พวกเขาคงพูดว่าจะไปช่วยในครัวบ้างไม่ได้ใช่ไหม?

แต่โชคดีที่ต่งหยวนจงเป็นฝ่ายเอ่ยปาก

“พวกหลานก็ไปดูย่าฟ่านเถอะ เธอพูดว่าคิดถึงตลอดเลย”

เด็ก ๆ ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ต่งหยวนจงมองเสี่ยวเถียนที่วิ่งออกไป เขาเอ่ยด้วยแรงอารมณ์ “พี่ครับ หลานสาวเก่งจริง ๆ เลย ไม่รู้ว่าเมื่อไรผมจะมีกับเขาบ้าง”

เขามีลูกชายสองคนที่ตอนนี้อยู่ในกองทัพ แถมยังสอบเข้าโรงเรียนทหารด้วย คิดว่าคงหาภรรยาไม่ได้ในเร็ว ๆ นี้หรอก นับประสาอะไรกับหลานล่ะ

“อีกไม่นานหรอก คนเราแก่ตัวลงทุกวัน วันเวลาผ่านไปไวเสมอแหละ!”

คุณปู่ก็มีอารมณ์ร่วมด้วย หลายปีมานี้เด็ก ๆ โตขึ้นไวมาก ส่วนตัวเขาก็แก่ลงเรื่อย ๆ

เสี่ยวเถียนวางกระเป๋านักเรียนแล้วเดินเข้าไปในห้องครัวก็เห็นหญิงชราสองคนกำลังช่วยกันทำอาหารอย่างที่คาดเอาไว้

ต้องบอกว่าเชฟหลักคือคุณย่าซู ส่วนคุณย่าฟ่านเป็นลูกมือ

หลังจากเอ่ยทักทาย เสี่ยวเถียนก็เข้าไปช่วย

ฟ่านชูฟางยิ้ม “เสี่ยวเถียน กลับจากโรงเรียนแล้วหรือ? ไม่ต้องมาช่วยหรอก ย่ากับย่าของหลานสองคนก็พอ พวกเด็ก ๆ ไปวิ่งเล่นเถอะ”

เพิ่งจะวัยเท่านี้เอง เหมาะที่จะออกไปวิ่งเล่นมากกว่า ปล่อยให้เข้ามาช่วยในครัวได้อย่างไร?

ตอนนั้นฟ่านชูฟางลืมไปเสียแล้วว่าตอนที่ตนเองอายุเท่าเสี่ยวเถียน เธอเชี่ยวชาญทั้งงานในบ้านและงานนอกบ้านหมดเลย

เด็กสาวโบกมือเป็นพัลวัน “หนูอยากช่วยค่ะ จะปล่อยให้พวกคุณย่าทำไม่ได้หรอก แถมคุณย่าฟ่านเองก็เป็นแขก ไม่มีเหตุผลที่จะให้แขกมาทำอาหารนะคะ”

คุณย่าซูคิดจะให้เถาฮวากับรุ่ยหยวนมาช่วยอยู่แล้ว แต่เพราะแขกที่มาในวันนี้เธอจึงล้มเลิกความคิดไป

ฟ่านชูฟางเป็นคนติดดิน หลังจากที่ถึงบ้านก็ไม่คิดนั่งคุยกับพวกสามีแล้วตรงดิ่งเข้าครัวอย่างไม่ถือตัว แต่การมีคนใหญ่คนโตแบบนี้เข้ามาช่วยทำงาน มันให้คุณย่าซูรู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ

“เสี่ยวเถียนพูดถูก ท่านไปนั่งพักเถอะ!” คุณย่าซูทำตามที่หลานบอก

ฟ่านชูฟางหัวเราะลั่น “พี่สะใภ้ พี่เห็นฉันเป็นคนนอกหรือคะ?”

คนแบบพวกเรามันยากอยู่แล้วที่จะมีคนสนิทใจด้วย เธออยากมีคนให้คุยด้วยตลอดเลย แต่ว่า… และในที่สุดตระกูลซูก็เข้าเมืองหลวงมาเสียที เธอคิดว่าตนจะมีคนให้คุยแก้เหงาด้วยแล้ว แต่ใครจะรู้เล่าว่าพวกเขาเปิดร้านอาหารเร็วแบบนี้ แถมได้ยินอีกว่ายุ่งสุด ๆ จึงไม่อยากมารบกวน

ครั้งนี้ตาเฒ่ามีเวลาว่างเสียที พวกเราเลยได้มาหาพวกเขาสักที

คนบ้านซูเป็นคนดีจริง ๆ นะ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพวกเขาให้ความช่วยเหลือได้ แต่ไม่เคยเอ่ยปากขอเลยสักครั้ง และมักจะแก้ปัญหาด้วยตัวเองเสมอ

เรื่องที่เสี่ยวเถียนโดนคนรังแกที่โรงเรียน บ้านเราถึงได้มีโอกาสช่วย

คุณย่าซูครุ่นคิด ก็เป็นคนนอกไม่ใช่หรือ? พวกคุณแซ่ต่ง ส่วนพวกเราแซ่ซูนะ แถมพวกคุณยังเป็นข้าราชการระดับสูง ในขณะที่บ้านเราเป็นพลเมืองชั้นผู้น้อย

แต่ประโยคนี้พูดออกไปไม่ได้หรอก คุณย่าซูจึงได้แต่ยิ้มแทน

“คุณย่าฟ่าน ฝีมือการทำอาหารของย่าหนูดีมากเลยนะคะ หนูตามคุณย่าอยู่บ่อย ๆ เลยทำอร่อยเหมือนกัน”

ท่าทางโอ้อวดของเด็กสาวทำเอาฟ่านชูฟางหัวเราะร่วน

“สาวน้อยเพิ่งจะอายุเท่าไร ทำอาหารเป็นแล้วหรือ?”

เดิมทีแค่พูดแซวขำ ๆ แต่เสี่ยวเถียนกลับจริงจังมาก “เดี๋ยวหนูให้คุณย่าฟ่านลองชิมฝีมือหนูค่ะ”

ว่าจบเสี่ยวเถียนก็เริ่มทำ

ฟ่านชูฟางประหลาดใจมากที่เสี่ยวเถียนคล่องแคล่วมาก

ขณะที่สับซี่โครง การเคลื่อนไหวอันประณีตดูไม่เหมือนมือใหม่เลย

ไม่ว่าจะมองอย่างไร สาวน้อยคนนี้แรงดีจริง ๆ กระดูกซี่โครงดูนุ่มขึ้นเหมือนกับฟักเลย

เด็กสาวสับมันอย่างประณีตมาก และแต่ละชิ้นก็มีขนาดเท่ากันด้วย

เธอซื้อซี่โครงเส้นเล็กมาก เมื่อสับมันออกมาแล้วกลับงดงามเหลือเกิน

“คุณย่าฟ่าน วันนี้เรากินซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานดีไหมคะ? ย่าชอบหรือเปล่า?” เสี่ยวเถียนถามอย่างสงสับ

ซี่โครงเส้นเล็กเหมาะจะทำอาหารอย่างผัดเปรี้ยวหวาน

ฟ่านชูฟางพยักหน้า “ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานก็ดีนะ มีรสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ด้วย”

ไม่ใช่ว่าชอบกินหรอก แต่เพราะรู้ว่าบ้านซูมีเด็กหลายคน น่าจะชอบรสชาติเปรี้ยวหวาน

เสี่ยวเถียนพยักหน้า แล้วลงมือทำต่อ

คุณย่าซูฝีมือว่องไว เสี่ยวเถียนเองก็ไม่ยอมแพ้ ทำกันอยู่สองคนย่าหลาน ฟ่านชูฟางไม่มีอะไรให้ทำเลย

ตอนนั้นเองที่หลานชายเดินเข้ามา ก่อนจะเอ่ยทักทายเธอ

หญิงชราอยู่คุยกับเด็ก ๆ เด็กหนุ่มกลัวต่งหยวนจง แต่ไม่กลัวฟ่านชูฟางผู้ใจดีและยิ้มแย้มอยู่เสมอ จึงเข้ากันได้ดีมาก

ฟ่านชูฟางชอบที่เด็ก ๆ เป็นกันเอง มีขอบเขต และรู้ความ

นอกจากจะคุยเรื่องเรียนแล้ว ยังพูดถึงเด็กคนอื่น ๆ ในบ้านด้วย

และในไม่ช้า ฟ่านชูฟางก็ได้รู้ว่าเด็ก ๆ บ้านนี้ไม่ธรรมดาเลย

ซูโส่วเวินหลานคนโตหาเงินได้ด้วยความสามารถของตัวเอง ซูซื่อเลี่ยงหลานคนที่สองเข้าร่วมการแข่งขันวาดภาพ

หลานคนที่สามกำลังเรียนอยู่กับเสิ่นจื่อเจิน อนาคตจะเป็นนักวิทยาศาสตร์การเกษตรแน่นอน

ส่วนหลานคนที่สี่เพิ่งเรียนอยู่ปีหนึ่ง แต่เห็นพี่ ๆ เก่งแบบนี้ เขาเองก็คงไม่ต่างกันหรอก หลานคนที่ห้ารู้ว่าเรียนที่เดียวกับลูกชายคนที่สองของเธอ ได้ยินว่าเก่งเหมือนกัน

คนโตก็เก่ง คนเล็กก็มากความสามารถ เธอเคยได้ยินว่าเด็ก ๆ เรียนเก่งด้วย โดยเฉพาะน้องเล็กอย่างเสี่ยวเถียน แต่ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะรู้ภาษาต่างประเทศและยังหาเงินจากงานแปลได้ด้วย

ตอนนี้ฟ่านชูฟางทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ และรู้ดีว่าคนที่เข้าใจภาษาต่างประเทศหายากขนาดไหน

และไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้พบกันถึงสองคน

เธอว่าจะลองเชิงเสี่ยวเถียนดู

จริง ๆ ไม่ได้คาดหวังสูงเท่าไร ไม่ใช่อะไรหรอก แต่เพราะอีกฝ่ายยังเด็กถึงจะเก่ง แต่จะถึงขั้นไหนล่ะ?

ไม่ต้องจริงจังมาก อายุยังน้อย เราฝึกกันได้!

ในไม่ช้าสองย่าหลานก็เตรียมอาหารเสร็จ มีอาหารจานจานเนื้อ จานผัก และจานปลา อุดมสมบูรณ์มาก

ฟ่านชูฟางยิ้มก่อนจะกล่าวชม “ฝีมือดีจริง ๆ ค่ะพี่สะใภ้ เสี่ยวเถียนพูดถูก”

ยากมากที่เด็ก ๆ จะเรียนเก่ง รู้ความ ทั้งยังช่วยเหลืองานในบ้าน หาได้ยากเหลือเกิน คนในเมืองหลวงหลายคนที่ดูถูกคนจากพื้นที่อื่น ๆ โดยเฉพาะคนที่มาจากพื้นที่ยากไร้

แต่ใครจะรู้เล่าว่าเด็ก ๆ ที่เลี้ยงจากครอบครัวทางตะวันตกเฉียงเหนือกลับมีความสามารถมากกว่าคนที่มีรากฐานจากเมืองหลวงเสียอีก ไม่รู้ว่าเวลาคนพวกนั้นเห็นเด็ก ๆ ที่มากความสามารถจะอิจฉาและละอายใจบ้างไหม