บทที่ 357 ใช้อำนาจปกป้องลูก (1)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 357 ใช้อำนาจปกป้องลูก (1)

ไม่ว่าจะด้วยตำแหน่งหรือชาติกำเนิด เซวียนผิงโหวนั้นอยู่เหนือทุกคน หลังจากที่ทุกคนรู้แล้วว่าเป็นเขา ก็ไม่มีใครกล้าหลบฝนอยู่ในกระท่อมอีก พากันกางร่มกรูออกมาด้านนอก

ต่างคนต่างแย่งกันกางร่มให้เซวียนผิงโหว เซวียนผิงโหวมองพวกเขาอย่างเหลืออด เดิมทีฝนตกหนักก็มองไม่เห็นทางอยู่แล้ว แต่คนพวกนี้ยังมาขวางทางอีก

“ถอยไป!”

เซวียนผิงโหวคำรามลั่น ทุกคนตื่นตกใจเพราะรังสีอำมหิตของเขาที่แผ่ซ่านออกมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะแหวกทางออกเป็นสองฝั่ง!

กระท่อมเรียงรายกันเต็มไปหมด เซวียนผิงโหวไม่รู้ว่าเซียวหลิวหลงพักอยู่หลังไหน

แต่แน่นอนว่าไม่ใช่หลังที่คนพวกนี้กรูกันออกมา

เขาเดินไปต่อไป

“ผิดทาง” เซียวลิ่วหลังที่อยู่บนหลังเขาเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง

ฝีเท้าของเซวียนผิงโหวชะงักลง ก่อนจะเดินจ้ำไปอีกฝั่ง เมื่อถึงกระท่อมหลังที่สาม เซียวลิ่วหลังก็เอ่ยขึ้น “ถึงแล้ว”

กระท่อมถูกสร้างขึ้นมาด้วยฝีมืออันแสนหยาบ แม้แต่โต๊ะตั่งสักตัวก็ยังไม่มี เตียงก็ใช้ตั่งกับแผ่นไม้กระดานมาประกอบกัน หากราชครูจวงมาที่นี่ คงจะเป็นปวดใจที่เห็นหลานชายตัวเองต้องมาตกระกำลำบากเช่นนี้

ยามออกศึกเซวียนผิงโหวต้องอยู่ในสนามเพลาะเป็นสิบกว่าวันหรืออาจจะนานถึงครึ่งเดือนด้วยซ้ำ กินมาทั้งเปลือกไม้ยอดหญ้า นอนในคอกวัวหลับในคอกม้าก็ทำมาแล้ว ลูกชายเองก็ประคบประหงมจนเสียคนไม่ได้เช่นกัน ต้องปล่อยให้ลูกได้ล้มลุกคลุกคลานเล่นกับดินกับทรายบ้าง

ตอนนั้นเขาไม่ชอบใจนักที่องค์หญิงซิ่นหยางเลี้ยงลูกอย่างไข่ในหิน ราวกับเขาเป็นตุ๊กตากระเบื้องอย่างไรอย่างนั้น

งามก็งามอยู่หรอก แต่หากไม่ทันได้ระวัง สัมผัสแค่ปลายนิ้วก็สามารถทำให้เด็กน้อยแหลกสลายได้

ภายในกระท่อมมีเตียงสองหลัง หลังหนึ่งมีมุ้งกันยุง อีกหลังหนึ่งไม่มี

“เตียงของเจ้าเล่า” เซวียนผิงโหวถาม

เซียวลิ่วหลังชี้ไปยังเตียงที่ไม่มีมุ้งกันยุง

เซวียนผิงโหวแบกเขามาหยุดอยู่ข้างเตียง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตะโกนเรียกขุนนางที่อยู่ข้างนอก “ยกเก้าอี้เข้ามาสักตัวหนึ่งซิ!”

“ขอรับ! ขอรับ!”

ขุนนางกรมพระคลังคนหนึ่งขานรับ ก่อนจะไปยังกระท่อมกลางที่เป็นฐานบัญชาการแล้วยกเก้าอี้ไม้ไผ่ตัวหนึ่งมาด้วยตัวเอง

ตอนที่เซวียนผิงโหวแบกคนเข้าไปในกระท่อม ทุกคนก็พากันคาดเดาว่าคนบนหลังนั้นเป็นใคร พอเซวียนผิงโหววางร่างเขาลงกับเก้าอี้ การคาดการณ์นั้นก็ได้รับการพิสูจน์

เซียวลิ่วหลัง

เป็นเซียวลิ่วหลังอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย!

ในค่ำคืนที่สายฝนโหมกระหน่ำ การที่เซวียนผิงโหวปรากฏตัวที่นี่ก็นับว่าแปลกประหลาดมากแล้ว แต่ที่ยิ่งน่าพิศวงกว่านั้นคือเขาแบกเซียวลิ่วหลังกลับมาด้วยนี่สิ

แถมดูสภาพของเซียวลิ่วหลัง เหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บด้วย

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ทุกคนมึนงงไปหมด ไม่มีใครกล้าเข้าไปในกระท่อม เว้นเสียก็แค่ขุนนางที่ยกเก้าอี้เข้ามาผู้นั้น

ซ่างซูหรือรองเสนาบดีกรมพระคลังเดินมาพร้อมกับอันจวิ้นอ๋อง

“ท่านโหวเซียว…”

ซ่างซูยังไม่ทันได้เอ่ยทักทาย เซวียนผิงโหวก็ตัดบทด้วยน้ำเสียงแสนเย็นชา “ถังไม้! น้ำร้อน!”

ซ่างซูกรมพระคลังอ้าปากพะงาบ “….ขอรับ ข้าน้อยจะจัดการให้เดี๋ยวนี้”

ว่ากันตามกฎเกณฑ์แล้ว รองเสนาบดีกรมพระคลังมิได้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเซวียนผิงโหว แต่เซวียนผิงโหวคือขุนนางฝ่ายบู๊ชั้นเอกที่ฝ่าบาทแต่งตั้ง ชาติกำเนิดสูงส่ง ยศตำแหน่งก็ยิ่งใหญ่ มิใช่คนที่รองเสนาบดีชั้นตรีอย่างเขาจะดูแคลนได้

ซ่างซูกรมพระคลังสั่งให้คนนำถังไม้ใบใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครใช้มาให้ ก่อนจะสั่งการให้เหล่าขุนนางตำรวจไปต้มน้ำ

พวกเขามาที่นี่เพื่อช่วยงานไร่นาบรรเทาทุกข์จากภัยพิบัติ มิได้เสวยสุขเริงสำราญ เพราะอย่างนั้นจึงไม่มีบ่าวไพร่ติดตามมาด้วย เรื่องข้าวปลาอาหารให้แต่ละวัน พวกเขาก็จ่ายเงินให้ชาวบ้านช่วยทำอาหารมาส่ง

ส่วนงานยิบย่อยที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของขุนนางที่ยศต่ำกว่าเป็นคนจัดการ

ขณะที่รอน้ำเดือดอยู่นั้น เซวียนผิงโหวก็ช่วยเซียวลิ่วหลังปลดเสื้อผ้าที่เปียกโชก

เซียวลิ่วหลังทำท่าขัดขืน เซวียนผิงโหวเหลียวไปมองอันจวิ้นอ๋องและขุนนางคนอื่นๆ ยืนมองอยู่หน้าประตู “เขาขี้อายนัก พวกเจ้าออกไปก่อน!”

ไม่มีใครกล้าขัดขืน พากันออกไปแต่โดยดี

อันจวิ้นอ๋องเอ่ยถาม “มีอะไรให้ช่วยหรือไม่”

“ไม่จำเป็น” เซวียนผิงโหวปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา

ทุกคน ณ ที่นี้อาจจะเกรงใจอันจวิ้นอ๋อง แต่เซวียนผิงโหวนั้นไม่แม้แต่นิด ทว่านั้นไม่ใช่เพราะว่าเขาตั้งแง่กับอันจวิ้นอ๋องแต่อย่างใด ก็จริงที่เขากับราชครูจวงนั้นไม่ถูกกัน แต่เขาก็ไม่ได้เจ้าคิดเจ้าแค้นถึงขั้นมาลงกับเด็กคนหนึ่ง

เขาเพียงแค่เห็นอันจวิ้นอ๋องเหมือนคนทั่วไปก็เท่านั้น

ทว่าการปฏิบัติเหมือนคนทั่วไปกับคนอย่างอันจวิ้นอ๋องนั้นถือว่าเป็นการดูถูก

กลุ่มคนที่เพิ่งเดินออกไปได้ไม่ไกลก็หูตั้งขึ้นมาในทันใด ตั้งใจความเป็นไปด้านใน ทว่าอันจวิ้นอ๋องไม่เอ่ยคำใด แต่กลับเดินออกมาอย่างเงียบๆ เพียงเท่านั้น ทั้งยังไม่ลืมที่จะงับประตูอีกต่างหาก

“อันจวิ้นอ๋อง ใต้เท้าเซียวกลับเซวียนผิงโหวมีความสัมพันธ์อันใดกันหรือ เหตุใดเซวียนผิงโหวถึงได้ดูสนิทชิดเชื้อกับเขานัก”

ระหว่างทางกลับ ขุนนางกรมพระคลังคนหนึ่งเอ่ยถามอันจวิ้นอ๋อง

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจนัก” อันจวิ้นอ๋องไม่ได้สนิทกับขุนนางกรมพระคลังผู้นี้สักเท่าไหร่ จึงไม่บอกเรื่องความสัมพันธ์ของเซวียนผิงโหวและเซียวลิ่วหลังให้อีกฝ่ายรู้

ทว่าขุนนางกรมพระคลังที่เป็นคนแบกเก้าอี้ไปให้เซวียนผิงโหวเมื่อครู่กลับเป็นคนเอ่ยขึ้นแทน “หลายเดือนก่อน มีข่าวลือหนึ่งแพร่ในเมืองหลวง ว่ากันว่าจอหงวนคนใหม่ของปีนี้หน้าตาเหมือนกับท่านโหวน้อยผู้ล่วงลับอย่างกับแกะ เซวียนผิงโหวถึงขั้น…”

เล่าไปได้เพียงครึ่ง ขุนนางกรมพระคลังก็สัมผัสได้ว่าตัวเองพลั้งปากพูดเรื่องที่ไม่ควรออกไป อย่างไรเสียเขาเองก็เป็นคนขุนนาง ไม่ควรว่าร้ายฝ่าบาทต่อหน้าขุนนางด้วยกันและขุนนางสำนักฮั่นหลิน

เขากระแอมแก้เก้อ ก่อนจะเปลี่ยนคำพูดจากไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเป็น “ถึงขั้นไปดูหน้าเขาด้วยตัวเอง”

เขาพูดถึงเซียวลิ่วหลังในวันสอบหน้าพระพักตร์ เซวียนผิงโหวตื่นแต่เช้ามืดเพื่อมาให้กำลังใจเซียวลิ่วหลัง

เรื่องนี้ก็เป็นคนที่เล่าขวัญกันอยู่พักใหญ่ พานทำให้คนบางกลุ่มคิดว่าตำแหน่งจอหงวนของเซียวลิ่วหลังนั้นได้มาด้วยวิธีสกปรก เพราะอาศัยเส้นสายของเซวียนผิงโหวถึงได้มาซึ่งตำแหน่งอันทรงเกียรติ

“ที่แท้ก็เป็นเพราะเซียวลิ่วหลังหน้าเหมือนลูกชายของตัวเองที่ล่วงลับไปแล้วนี่เอง…” ขุนนางกรมพระคลังผู้นั้นเอ่ยพึมพำ

บรรดาคนที่อยากรู้อยากเห็น ก็พอจะเข้าใจแล้วว่าเซวียนผิงโหวนั้นรุดมาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยียนเซียวลิ่วหลัง

“เหตุใดถึงได้บังเอิญนัก ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่เคยบาดเจ็บ หลายวันมานี้ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น แต่พอเซวียนผิงโหวมากลับเจ็บสาหัสถึงเพียงนั้น ทั้งยังถูกแบกกลับมาอีก…” อีกคนหนึ่งพึมพำ

เขาเพียงแค่ไม่ได้พูดออกมาตามตรงว่าเซียวลิ่วหลังนั้นมีแผนร้าย ตั้งใจแสร้งทำให้เซวียนผิงโหวสงสาร

“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเขาจะเป็นคนแบบนั้น”

“เหตุใดถึงดูไม่ออก พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าหลายวันมานี้เขาเอาอกเอาใจชาวบ้านอย่างไร แผนการของเขา ต่อให้ควบม้าข้าก็ตามไม่ทันจริงๆ!”

“ชู่ เบาเสียงหน่อย อย่าให้เซวียนผิงโหวได้ยินเชียวล่ะ ประเดี๋ยวทั้งเจ้าและข้าจะพากันซวยไปหมด!”

“แยกย้าย แยกย้าย!”

อันจวิ้นอ๋องไม่ร่วมผสมโรงกับพวกเขา เขารู้ว่าเซียวลิ่วหลังเข้าไปเก็บยาในป่า แต่ส่วนที่ว่าเหตุใดถึงได้รับบาดเจ็บ เหตุใดถึงได้บังเอิญพบกับเซวียนผิงโหว เขาเองก็ไม่อาจรู้ได้

เขาไปหาอู่หยาง คืนนี้เขาคงต้องนอนเบียดกับอู่หยางแล้วสินะ