ตอนที่ 480 ตำหนิเสิ่นเสี่ยวผิง

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 480 ตำหนิเสิ่นเสี่ยวผิง

หลังจากจบการประชุม หลินม่ายก็เดินออกจากห้องประชุมเล็ก

เสิ่นเสี่ยวผิงวิ่งเหยาะๆ ตามมา “ประธานหลิน ฉันมีเรื่องต้องรายงานค่ะ”

หลินม่ายพูดด้วยท่าทางเย็นชา “ฉันก็มีเรื่องจะคุยกับคุณเหมือนกันค่ะ”

ครั้นทั้งสองคนมาถึงห้องทำงานของหลินม่าย หลินม่ายก็นั่งฟังรายงานการทำงานของเสิ่นเสี่ยวผิง

เสิ่นเสี่ยวผิงบอกเธอว่ากวนหย่งหัวแพ้คดี ตามการตัดสินของศาล เขาต้องโอนค่าเสียหายทางเศรษฐกิจจำนวนหนึ่งหมื่นหยวนที่ต้องชดใช้ให้กับ Unique เข้าบัญชีแล้ว

หลินม่ายออกคำสั่ง “แบ่งเงินหนึ่งหมื่นหยวนนี้เป็นสองส่วน เอาเงินห้าพันหยวนไปซื้อสิ่งของจำเป็นร่วงด่วนในสถานสงเคราะห์จำนวนหนึ่ง รวมทั้งน้ำมันประกอบอาหาร ไข่สัตว์ปีก เนื้อหมูส่งไปให้กับสถานสงเคราะห์ในวันเทศกาลไหว้พระจันทร์ เงินห้าพันหยวนที่เหลือ ให้ประกาศหาครอบครัวที่ยากจน50ครัวเรือน มารับเงินช่วยเหลือด้วยน้ำใจจาก Unique 100หยวน ครอบครัวยากจน50ครัวเรือนนี้ให้คัดกรองจากรายชื่อที่ลงทะเบียนมา ให้เงินช่วยเหลือน้ำใจนี้ตกถึงมือครอบครัวที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ด้วย เรื่องนี้จำเป็นต้องให้คุณไปตรวจสอบตามความเป็นจริงว่าครอบครัวเหล่านั้นยากจนจริงหรือไม่ด้วยตัวเองนะคะ เงินช่วยเหลือก้อนนี้จะต้องแจกจ่ายลงไปก่อนถึงเทศกาลวันชาติ ระยะเวลามีจำกัด คุณสามารถจัดการให้ลุล่วงได้ไหมคะ?”

หลินม่ายมาจากชาติก่อน เห็นการคอรัปชั่นขององค์การกุศลบางแห่งมามากมาย

ตัวอย่างเช่นเหมยเหม่ยอะไรสักอย่าง ตอนนั้นหล่อนโด่งดังโลกอินเตอร์เน็ตไม่น้อย

อย่างไรเธอก็จะทำเรื่องการกุศล แต่ต้องให้เงินทั้งหมดทุกๆ เฟินได้ใช้ไปกับคนที่สมควรจะได้รับความช่วยเหลือเหล่านั้น ต้องไม่ให้ใครบางคนเอาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเองเด็ดขาด!

เสิ่นเสี่ยวผิงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูด “ฉันทำให้สำเร็จได้ค่ะ”

“ดีมาก” หลินม่ายเอ่ยยืนยัน จากนั้นสีหน้าก็บึ้งตึงลงในทันที “สหายเสิ่นเสี่ยวผิง ฉันไม่พอใจกับการโทรศัพท์มาแจ้งข่าวในวันนี้ของคุณมาก คุณรู้ไหมคะว่าทำไมฉันถึงไม่พอใจ?”

เสิ่นเสี่ยวผิงพูดอ้ำๆ อึ้งๆ “ฉัน…ฉันไม่ได้แจ้งเรื่องราวให้ชัดเจน รู้แต่ว่าเรียกให้คุณรีบมา…”

หลินม่ายพูด “คุณยังรู้ว่าตัวเองผิดพลาดตรงไหนอีกไหมคะ?”

เสิ่นเสี่ยวผิงเอ่ยเสียงเบาหวิว “ตอนนั้นฉันตื่นตระหนกเกินไป ดังนั้นจึงพูดจาสะเปะสะปะ แม้แต่พูดก็ยังพูดไม่ชัด…”

หลินม่ายพูด “คุณดูสิ ฉันไม่มีแม้แต่เลขาสักคน เดิมทีฉันคิดจะฝึกอบรมคุณให้มาเป็นเลขา แต่เวลาเกิดเรื่องคุณก็ตื่นตูมเอาง่ายๆ แล้วจะสามารถรับผิดชอบงานนี้ได้ยังไง? หรือคุณคิดจะเป็นเสมียนไปตลอดชีวิตเหรอคะ?”

เสิ่นเสี่ยวผิงส่ายหน้าไปมาราวกับกลองป๋องแป๋ง “ไม่เอาค่ะ”

“ในเมื่อไม่เอาอย่างนั้น ก็ต้องเอาชนะข้อบกพร่องที่ตื่นตูมได้ง่ายเมื่อเกิดเรื่องของตัวเอง ฉันจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง หากคราวหน้าเมื่อเกิดเรื่องแล้วคุณไม่ตื่นตระหนก ฉันจะเลื่อนตำแหน่งให้คุณมาเป็นเลขา”

เสิ่นเสี่ยวผิงพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น

หลินม่ายยกมือขึ้นดูนาฬิกา เดิมทีเธอวางแผนว่าจะไปเข้าพบผอ.เขตโอวหยางในตอนบ่าย แล้วถามถึงสถานการณ์ที่ดินผืนนั้นในหมู่บ้านซั่งเฉวียน แต่ตอนนี้ก็ใกล้จะ11โมงแล้ว ต่อให้กลับไปเรียนหนังสือที่บ้านก็คงเรียนได้ไม่เท่าไร ไม่สู้ไปถามผอ.เขตเรื่องที่ดินที่สำนักงานเขตเสียตอนนี้เลย

เมื่อมาถึงสำนักงานเขต ผอ.เขตโอวหยางก็บอกเธอว่า หลักจากการประชุมพิจารณาแล้ว พวกเจ้าหน้าที่ต่างเห็นพ้องกันว่าให้เธอเปิดเป็นย่านธุรกิจเสื้อผ้าในที่ดินของหมู่บ้านซั่งเฉวียนผืนนั้น

แต่เพื่อคุ้มครองให้ประชาชนผู้อยู่อาศัยในหมู่บ้านซั่งเฉวียนได้รับการจัดสรรอย่างเหมาะสม ที่ประชุมจึงมีมติว่า หลินม่ายจำเป็นต้องวางเงินประกันเป็นจำนวนหนึ่งแสนหยวน

หากเธอไม่สามารถจัดสรรผู้อยู่อาศัยในหมู่บ้านซั่งเฉวียนได้อย่างเหมาะสม เงินหนึ่งแสนหยวนนี้ก็จะถูกนำมาใช้ชดเชยให้กับผู้อยู่อาศัยเหล่านั้น และในทางตรงกันข้าม ก็จะคืนให้กับเธอ

หลินม่ายพยักหน้าตกลง

ผอ.เขตโอวหยางมอบเอกสารขอซื้อที่ดินในหมู่บ้านซั่งเฉวียนผืนนั้นให้เธอ แล้วให้เธอนำเอกสารไปซื้อที่ดินผืนนั้นที่สำนักงานที่ดินด้วยตัวเอง

เมื่อออกมาจากสำนักงานเขต ก็เป็นเวลาเที่ยงตรงแล้ว หลินม่ายขี่จักรยานไปกินมื้อเที่ยงที่วิลล่า

จะให้พอถึงเวลากินอาหารเที่ยง ก็เอาแต่ให้คุณปู่คุณย่าฟางผู้อาวุโสทั้งสองคนกับฟางจั๋วหรานรอเธออยู่เรื่อยไม่ได้

ตอนที่หลินม่ายกลับมาถึงวิลล่า น้าหวงก็ทำอาหารเที่ยงไว้พร้อมแล้ว และออกไปก่อนเธอจะมาเพียงชั่วครู่เท่านั้น

เมื่อวานที่หลินม่ายท้องเสีย ฟางจั๋วหรานก็ไม่ได้บอกคุณปู่คุณย่าฟาง

แม้ว่าเขาจะรักใคร่เอ็นดูหลินม่าย แต่คุณปู่คุณย่าฟางต่างก็แก่มากแล้ว

เขาไม่อยากให้ผู้อาวุโสทั้งสองกังวลใจเพราะหลินม่าย อีกทั้งเขาเองก็ใช่ว่าจะดูแลเธอให้ดีไม่ได้ด้วย ดังนั้นจึงไม่ได้พูดออกมา

ทันทีหลินม่ายเข้าไปในบ้าน ฟางจั๋วหรานก็แอบถามเธอว่ายังปวดท้องอยู่อีกไหม

หลินม่ายเองก็ตอบกลับเขาเสียงเบา “เมื่อเช้าตอนคุณมาหาฉัน ฉันก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าหายดีแล้ว แล้วตอนนี้จะยังปวดท้องอยู่ได้ยังไงกัน”

ฟางจั๋วหรานพูด “ถึงท้องจะไม่ปวดแล้ว แต่ก็ต้องกินยานะ ผมกลัวว่าอาการจะกำเริบขึ้นมา”

หลินม่ายมองค้อนใส่เขา “รู้แล้วน่า คุณนี่จู้จี้จริงๆ เลย”

คุณปู่คุณย่าฟางเห็นพวกเขากระซิบกระซาบคุยกัน ก็นึกว่าพวกเขาคงกำลังหยอกเย้าคำหวานกัน ทั้งสองต่างก็แอบยิ้ม

ขณะกินข้าว ฟางจั๋วหรานคีบแต่อาหารจืดๆ ให้หลินม่ายอย่างเดียว

โรคกระเพาะลำไส้อักเสบของเธอเพิ่งจะหาย ยังไม่สามารถกินเนื้อกินปลามากๆ ได้

คุณปู่คุณย่าฟางพลันไม่พอใจขึ้นมา กล่าวหาฟางจั๋วหรานว่าตัวเองคีบกับข้าวก็คีบปลาคีบเนื้อตั้งมากมาย แต่กลับคีบผักให้หลินม่าย

หลินม่ายรีบพูดขึ้น “สองวันมานี้ฉันเป็นร้อนในน่ะค่ะ กินเนื้อกินปลามากๆ ไม่ได้ กินได้แต่ผัก”

คุณปู่ฟางผู้อาวุโสทั้งสองถึงได้ยอมรามือ

หลินม่ายกินผัดมะระไปได้สองคำ ก็ถามฟางจั๋วหราน “จั๋วเยวี่ยเรียนสาขาวิศวกรรมเครื่องกลมาใช่ไหมคะ?”

“ใช่ ทำไมเหรอ?”

“ฉันอยากให้เขาช่วยฉันซื้อเครื่องบันทึกเสียงมือสองสักเครื่องกับเครื่องใหม่สักเครื่องน่ะ คุณคิดว่าจะได้ไหม?”

คุณย่าฟางชิงพูดขึ้นก่อน “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? ให้เขาช่วยทำธุระนิดหน่อยก็เป็นการใช้ประโยชน์จากขยะแล้ว เขาต้องรู้สึกดีใจถึงจะถูก!”

คำพูดนี้มัน……

หลินม่ายไม่กล้าพูดต่อแม้แต่คำเดียว เธอส่งยิ้มแห้งๆ ให้คุณย่าฟางเล็กน้อย

ขณะที่หลินม่ายกับพวกคุณปู่ฟางกินอาหารเที่ยงกันอย่างสุขสันต์อยู่นั้น ทังชุ่นอิงกลับคุกเข่าอย่างอกสั่นขวัญแขวนอยู่ในห้องทำงานของกวนหย่งหัว

กวนหย่งหัวมองหล่อนด้วยสายตาเย็นยะเยือก เอ่ยอย่างราบเรียบ “ครั้งนี้คุณก็ทำไม่สำเร็จอีกแล้วสินะ ช่างมันเถอะ ผมเองก็ไม่ต้องการคุณไปต่อกรกับหลินม่ายแล้ว คุณเอาเงินคืนมาให้ผมก็พอแล้ว”

ทังชุ่นอิงเงยหน้าที่นองไปด้วยน้ำตา เอ่ยตะกุกตะกัก “ฉัน…ฉันไม่มีเงิน….”

“รอคุณมีเงินแล้วค่อยรีบเอามาคืนผมก็ได้” กวนหย่งหัวใจดีเต็มที่ ทั้งไม่มีการบังคับอีกด้วย

ทังชุ่นอิงมองไปยังเครื่องบันทึกเสียงขนาดเล็กเครื่องหนึ่งบนโต๊ะทำงานของเขาเล็กน้อย

รู้ว่าที่เขาพูดเช่นนั้น เป็นเพียงเพื่อจะบันทึกเสียง เก็บไว้เป็นหลักฐานที่เป็นประโยชน์กับเขา

ดูเผินๆ เหมือนบอกหล่อนว่าอย่าไปยุ่งกับหลินม่ายอีก แล้ววางมือเพียงเท่านี้

แต่กลับแอบโยนงูเข้ามาในบ้านของหล่อนตอนกลางดึกสามครั้ง ทั้งยังจับผู้ชายของหล่อนใส่กระสอบระหว่างทางหลังเลิกงาน แล้วทำร้ายเขาจนไม่สามารถไปทำงานได้

ก็เพื่อจะบีบบังคับให้หล่อนแอบแทงหลินม่ายอย่างลับๆ

ส่วนที่อยากให้หล่อนคืนเงิน ทังชุ่นอิงกล้ายืนยันเลยว่ากวนหย่งหัวไม่ได้มีความคิดนั้นเลยแม้แต่น้อย

เขาไม่ได้แยแสเงินไม่กี่พันหยวนนั้นเลย แค่อาศัยการบีบบังคับให้หล่อนคืนเงินมาบังคับให้หล่อนลงมือแก้แค้นหลินม่ายด้วยตัวเองแทนเขาก็เท่านั้น

และด้วยเหตุนี้เองทังชุ่นอิงถึงได้รายงานความผิดเท็จว่าจักรเย็บผ้าในโรงงานของหลินม่ายเป็นของโจรอย่างไม่มีทางเลือก

หล่อนหวังว่าเจ้าหน้าที่จะยึดจักรเย็บผ้าพวกนั้นไปให้หมด แล้วโรงงานก็จะต้องหยุดการผลิตชั่วคราว

เมื่อ Unique ไม่สามารถจัดหาสินค้าได้ ยอดขายของซีม่านก็จะพุ่งสูงขึ้นในเทศกาลวันไหว้พระจันทร์และวันชาติแทน

และต่อให้จะเอาเงินมาจัดการเรื่องทั้งหมดแล้ว ก็ไม่แน่ว่ากวนหย่งหัวจะปล่อยเธอไป

แต่นึกไม่ถึงว่าการรายงานความผิดจะล้มเหลว และไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับโรงงานเสื้อผ้าของหลินม่ายเลย

เมื่อออกมาจากโรงงานเสื้อผ้าซีม่าน ทังชุ่นอิงก็เดินกลับบ้านไปอย่างระทมทุกข์

ครุ่นคิดในใจว่าตนควรจะทำอย่างไรถึงจะสามารถแทงหลินม่ายอย่างเจ็บแสบได้สักครั้ง เพื่อให้กวนหย่งหัวพอใจ

ขณะที่เพิ่งจะเข้ามาในหมู่บ้าน พ่อสามีก็ตะลีตะลานวิ่งมาตรงหน้าหล่อน บอกกับหล่อนว่ายัยหนูของบ้านหล่อนได้หายตัวไปแล้ว

คนทั้งหมู่บ้านช่วยกันตามหาอยู่ครึ่งวันก็ยังหาไม่เจอ

ทุกคนต่างก็สงสัยว่ายัยหนูถูกพวกค้ามนุษย์ลักตัวไปแล้ว

ทังชุ่นอิงรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิด ร่างกายโซซัดโซเซไปมา ก่อนจะล้มหัวกระแทกพื้นไปทันที

แม่สามีของเธอและเพื่อนบ้านหลายคนที่อยู่ต่อหน้าต่างตกใจ พลันตะโกนขอความช่วยเหลือดังลั่น

เพื่อนบ้านไม่น้อยมุงล้อมเข้ามา ทุกคนต่างรีบกดจุดเหรินจง(1)ให้ทังชุ่นอิงกันจ้าละหวั่น กดจนในที่สุดหล่อนก็รู้สึกตัว

ทันทีที่ทังชุ่นอิงฟื้นขึ้นมา หล่อนก็ลุกพรวดขึ้นจากพื้น ผลักฝูงชนออก แล้ววิ่งไปที่โรงงานเสื้อผ้าซีม่านอย่างไม่คิดชีวิต

หล่อนรู้สึกได้ลางๆ ว่าลูกสาวของหล่อนไม่ได้ถูกพวกค้ามนุษย์ลักพาตัวไปแน่นอน แต่เป็นกวนหย่งหัวนั่นแหละที่สั่งให้คนมาจับตัวลูกสาวของหล่อนไป

หล่อนต้องไปหากวนหย่งหัว ขอร้องให้เขาปล่อยลูกสาวของตน ไม่อย่างนั้นหล่อนจะพินาศไปด้วยกันกับเขา

เพิ่งจะวิ่งออกมาจากหมู่บ้านได้ไม่ไกล ผู้ชายคนหนึ่งที่ดูไม่สะดุดตาเลยแม้แต่น้อยแย้มรอยยิ้มน่าสะพรึงกลัว และกำลังจูงยัยหนูน้อยเดินออกมาจากพุ่มไม้ข้างทาง

………………………………………………………………………………………………………………………….

(1)จุดเหรินจง ตำแหน่งบริเวณร่องใต้จมูก เมื่อกดและคลึงสักพัก ผู้ป่วยจะค่อยๆ รู้สึกตัว

สารจากผู้แปล

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดมาก จะว่าเป็นผลกรรมของการทำร้ายผู้มีพระคุณได้ไหมนะ

ไหหม่า(海馬)