ช่วงนี้ลี่หุยมีเรื่องมากมายที่ไม่ราบรื่น เคธี่ก็พอได้ยินมาบ้าง เธอคิดว่าลี่หุยเป็นผู้ร่วมงานที่ไว้วางใจได้
ใครจะไปรู้ว่าหลังๆมานี้จะประสบความเดือดร้อน
หลายครั้งที่เรียกลี่หุยคุยเรื่องงาน แต่เขามักจะผัดวันประกันพรุ่ง
เคธี่ให้ลูกน้องสะกดรอยตามเขาไป พบว่าเขาเอาแต่ดื่มเหล้าอยู่ในบาร์
เมื่อรู้สถานการณ์ของลี่หุยว่าถูกลดตำแหน่งในบริษัทเป็นแค่พนักงานทั่วไป
เคธี่ได้ยินอย่างนั้นจิตใจก็รู้สึกไม่สบายใจ
เริ่มแรกไม่ว่าอย่างไรลี่หุยก็ยังเป็นผู้จัดการแผนก แต่ชั่วพริบตาเดียวก็ไม่ใช่แล้ว
ภายหลังเคธี่ได้ยินว่าเป็นเพราะลี่หุยทำโปรเจกต์หนึ่งขาดทุน ดังนั้นลี่จุนถิงฉวยโอกาสนี้กักงานของลี่หุย
ตอนนี้เขาไม่มีตำแหน่งแล้ว เขาจะช่วยงานเธอให้สำเร็จได้อย่างไร
อีกทั้งหากร่วมลงทุนกับเขาในสถานการณ์แบบนี้ ไม่แน่ว่าโปรเจกต์อาจขาดทุน แบบนั้นต้องแย่แน่ๆ
เคธี่ไม่สบายใจ ในเย็นวันหนึ่งก่อนที่ลี่หุยจะไปบาร์ก็ได้ไปดักเจอเขา
“ลี่หุย”
เมื่อรู้สึกว่ามีคนเรียกตัวเอง เขาหันไปมอง
ทันทีที่เห็นเคธี่ เขาไม่แสดงสีหน้าท่าทางอะไร หันหน้ากลับแล้วเดินไปทางร้านบาร์
เคธี่รู้สึกโกรธที่เห็นลี่หุยเมินหน้าหนีตัวเอง ก่อนหน้านี้ไปหาเขา เขามักจะบอกว่าเขาไม่อยู่ แต่ตอนนี้ดีแล้ว แม้เจอต่อหน้าก็ทำเป็นไม่รู้จักกัน:“หยุดเดี๋ยวนี้นะลี่หุย”
เคธี่เดินไปไม่กี่ก้าวก็คว้าไหล่ของลี่หุย
ลี่หุยตะแคงศีรษะแล้วเดินเหมือนคนตายอย่างไร้จิตวิญญาณ
“ลี่หุยนี่คุณหมายความว่าอะไร ตอนนี้แสร้งไม่รู้จักฉันแล้วเหรอ?”
เดิมทีลี่หุยก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเคธี่ ก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้น เขาสะบัดมือของเคธี่ทิ้งไปแล้วพูดว่า:“อย่ามาแตะต้องตัวผม”
หลังจากลี่หุยพูดจบก็ได้เดินต่อไป
เคธี่สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเดินตามเขาไป
ไม่ว่าอย่างก็ตาม การร่วมมือของเราก็นับได้ว่าจบเห่ไปแล้ว แต่ฐานะของลี่หุยถือว่ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง
เมื่อลี่หุยมาถึงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ ก็ได้สั่งเหล้าหนึ่งแก้ว
ตอนนี้มีเพียงเพลงอันดังก้องในบาร์เท่านั้นถึงจะทำให้ประสาทชาและไม่คิดอะไร
เขาในตอนนี้ถูกคนในบริษัทซุบซิบนินทาว่า เขาจัดการงานในบริษัทไม่ดี อยู่บ้านก็ยังถูกจ้าวเฟยเฟยพูดไม่หยุดทุกวัน
เมื่อเคธี่เห็นลี่หุยตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าแบบนี้ก็รู้สึกโมโหขึ้นมา
ทำไมอีกคนดูหล่อและสง่า แต่อีกคนกลับดูเฉื่อยชา ทั้งทีเกิดจากท้องแม่เดียวกัน
เรื่องเล็กน้อยทำให้เขาทุกทรมานอย่างนี้ เมามายทุกวัน
เคธี่คว้าเหล้าที่กำลังจะดื่มในมือของลี่หุย
“คุณทำฉลาดหน่อยได้ไหม เรื่องแค่นี้เองต้องดื่มเมามายทุกวัน ดูสารรูปตัวเองบ้างว่ากลายเป็นแบบไหนแล้ว?” เคธี่วางขวดเหล้าลงบนเคาน์เตอร์อย่างแรง
ลี่หุยหรี่ตาแล้วขมวดคิ้วมองเคธี่พูดขึ้นว่า:“คุณมาหาผมต้องการอะไรกันแน่?”
“ฉันมาหาคุณเพราะจะคุยเรื่องความร่วมมือของเรานะสิ”
“จะคุยอะไรอีกในเมื่อความร่วมมือของเราจบไปแล้ว”ลี่หุยรู้สึกโมโหมากเมื่อนึกถึงโปรเจกต์ที่เขาได้มาอย่างยากลำบากต้องล่มไปแบบนี้
“แต่ความร่วมมือของเรายังไม่ล่มนะ”
คำพูดของเคธี่ทำให้ลี่หุยเงยหน้าขึ้นมองเธอ จากนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า:“เอาละ เราเปิดห้องส่วนตัวคุยเรื่องความร่วมมือกันเถอะ”
ใช่สิ คนอย่างลี่หุยต้องไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เขาต้องได้รับสิ่งที่เป็นของเขากลับมา และต้องไม่ยอมให้ตกอยู่ในมือของคนอย่างลี่จุนถิงง่ายๆ ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เคธี่คิ้วที่ขมวดอยู่ก็คลายลง เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
ทั้งสองเปิดห้องส่วนตัวแล้วหารือกันเรื่องความร่วมมือของทั้งสอง
“พูดได้เลย คุณจะร่วมมือกับผมอย่างไร?”
“ เราตกลงกันไว้ก่อนแล้วว่าคุณรับผิดชอบในการจัดการเจียงหยุนเอ๋อ และฉันจะสนับสนุนโปรเจกต์ของคุณ?”
ลี่หุยพูดคุยโดยใช้นิ้วชี้เขี่ยเขม่าบุหรี่ แล้วพยักหน้าตกลง
“ถ้าอย่างนั้น คุณต้องรีบจัดการกับ เจียงหยุนเอ๋อและฉันเอาโปรเจกต์ของคุณกลับมา” เคธี่ยิ้ม
ลี่หุยไม่ตอบอะไร เขามองเพดานดูเหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เคธี่คิดว่าลี่หุยจะกลับคำ
“ลี่หุย คุณรับปากฉันไว้แล้วแต่แรก ไม่ต้องกลับคำไปกลับมา” เคธี่ร้อนใจเล็กน้อย
“ผมรู้ มันต้องใช้เวลาและรอโอกาส” ลี่หุยกำลังคิดว่าจะจัดการกับเจียงหยุนเอ๋อได้อย่างไร
“ฉันหวังว่าคุณจะรีบจัดการตามที่คุณสัญญาณไว้” เคธี่แทบจะรออีกไม่ไหวแล้ว
จริงสิ จากครั้งที่แล้วที่วางแผนเรื่องรถชน เคธี่ได้ใช้โอกาสนี้ในการตีสนิทกับโม่เสี่ยวฮุ่ย และโม่เสี่ยวฮุ่ยก็ยิ่งชอบตัวเองมากขึ้น
แต่ที่ยังเป็นปัญหาอยู่ก็คือเคธี่ยังไม่มีวิธีเข้าใกล้ลี่จุนถิง
โม่เสี่ยวฮุ่ยกับลี่จุนถิงไม่ได้อยู่บ้านด้วยกัน อีกอย่างลี่จุนถิงก็ไม่ได้ไปคฤหาสน์ตระกูลลี่บ่อยๆ
นอกจากนี้ฉันยังได้ยินลี่จุนซินพูดว่า ความสัมพันธ์เขากับแม่ไม่สู้ดีนัก แม้ตัวเองจะไปคฤหาสน์บ่อยๆ แต่ใช่ว่าจะได้พบเจอกับลี่จุนถิง
ลี่จุนถิงไม่แยแสเธอ แม้จะได้เจอลี่จุนถิง
“คุณมาหาผมเพราะเรื่องแค่นี้เหรอ?” ลี่หุยมองออกว่าเคธี่มีความร้อนใจ แต่เรื่องแบบนี้ต้องใจเย็นๆ
“นอกจากเรื่องนี้แล้วฉันมีเรื่องอะไรที่ต้องเกี่ยวข้องกับคุณอีกเหรอ?”ในใจของ เคธี่อดกลั้นขำไม่อยู่
หากไม่ใช่เพราะเรื่องของลี่หุยเธอคงไม่อยากเข้าไปพัวพันกับคนแบบนี้
“เอาละ พอแค่นี้ก่อน ผมมีธุระที่ต้องไปจัดการ”ลี่หุยพูดแล้วก็เดินออกจากห้องส่วนตัว
ลี่หุยคิดอยากกลับบ้าน เขาคิดทบทวนว่าตัวเองควรทำอย่าไรถึงจะได้สิ่งที่เป็นของตัวเองกลับมา เขาจะไม่ยอมให้คนอื่นมาดูถูกเขาเด็ดขาด
เคธี่นั่งอยู่ที่เดิมด้วยอารมณ์โกรธและทำอะไรไม่ถูก
แต่ตอนนี้ความหวังเดียวที่ฝากไว้กับลี่หุยก็ไร้ประโยชน์
เธอต้องหาทางออกให้ตัวเอง เพราะการจัดการกับเจียงหยุนเอ๋อเป็นแค่วิธีเดียวเท่านั้น สุดท้ายแล้ว เธอยังคงต้องตีสนิทกับลี่จุนถิงเอง เพื่อที่จะได้เขามาเป็นผู้ชายของตัวเอง
แต่ว่าลี่จุนถิงไม่มีท่าทีอะไร
สำหรับลี่จุนถิงแล้ว เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเลย พวกเขาพูดคุยมากที่สุดก็แค่เรื่องงาน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เคธี่ต้องหาวิธีใหม่
เธอตีสนิทกับลี่จุนถิงได้เฉพาะในเรื่องของการทำงาน งั้นก็ทำหลายๆโปรเจกต์เพื่อให้ลี่จุนถิงได้ทำงานกับตัวเองมากขึ้น
หากอยู่ด้วยกันนานๆ ก็สามารถเกิดความสัมพันธ์ได้ บวกกับความพยายามอื่นๆของตัวเธอ ทุกอย่างต้องสำเร็จราบรื่นแน่
หลังจากที่เคธี่หาวิธีได้ จิตใจของเธอก็เป็นสุขไม่น้อย
หลังจากที่จ่ายค่าห้องส่วนตัวแล้ว เคธี่ก็กลับบ้าน เมื่อถึงบ้านก็วีดีโอคอลกับคุณพ่อหลี่เค
“ลูกรักของพ่อ พ่อคิดว่าหนูลืมพ่อคนนี้ไปแล้ว”เมื่อหลี่เครับโทรศัพท์ของเคธี่ในใจก็สุขล้น
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะพ่อ นี่หนูก็วีดีโอคอลกับพ่อแล้วไง”
แต่ที่หลี่เคพูดก็ถูก ตั้งแต่เคธี่มาประเทศจีน ในใจก็คิดแต่จะจับลี่จุนถิงให้ได้ พูดคุยกับหลี่เคน้อยมาก
“พูดมาเถอะ ว่าที่หนูโทรมามีเรื่องอะไร?”
พ่อที่รู้จักนิสัยลูกหลี่เคยังคงรู้จักนิสัยของลูกสาวตัวเองเป็นอย่างดี