ตอนที่ 465

My Disciples Are All Villains

ยู่ฉางตงพยายามหายาอย่างเต็มที่โดยที่ไม่ต้องการใช้กำลัง ท้ายที่สุดแล้วคงจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ยู่ฉางตงจะสามารถจัดการกับคนทั้งสำนักแก่นแท้แห่งหยางได้ด้วยพลังอวตารดอกบัวสามกลีบที่ตัวเขามี

“เจ้าดูไม่เห็นเหมือนเขาสักนิด” สาวกคนหนึ่งพูด

“อย่างงั้นเหรอ?”

ชิ๊ง!

ดาบยืนยาวถูกชักออกมาจากฝัก มันส่องแสงสีแดงเข้มอยู่บนกลางอากาศ

ตู๊ม!

ดาบยืนยาวปะทะเข้ากับม่านพลัง ทันทีที่เกิดการปะทะระลอกคลื่นอันมหาศาลก็ได้แผ่ไปทั่วทั้งม่านพลัง

เหล่าสาวกที่เห็นแบบนั้นตกใจจนตัวสั่น

“ดาบสีแดงฉาน!”

ในขณะตอนนั้นเองชายสวมชุดคลุมคนหนึ่งได้วิ่งมาแต่ไกล “เจ้าโง่! เจ้ากล้าดียังไงหยาบคายกับท่านยู่ฉางตงกัน? เจ้าอยากที่จะตายมากอย่างงั้นสินะ?”

เหล่าสาวกต่างก็หันมาโค้งคารวะอย่างพร้อมเพรียงกัน

“ผู้อาวุโสเฉิน?”

สาวกคนอื่นๆ รีบคารวะให้

“ผู้อาวุโสเฉิน”

ผู้อาวุโสเฉินโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ตัวเขารีบเดินฝ่าไปยังขอบของม่านพลัง ผู้อาวุโสเฉินพยายามที่จะเข้าใกล้ยู่ฉางตงให้มากที่สุด ตัวเขาได้เงยหน้าขึ้นมองก่อนที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้าง “ท่านยู่ฉางตงแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า! ยินดีต้อนรับ! ยินดีต้อนรับ!”

เมื่อได้ยินแบบนั้นเหล่าสาวกต่างก็ตัวสั้น ทุกคนต่างก็ทิ้งดาบก่อนที่จะคุกเข่าลงด้วยความกลัว “ท่านยู่ฉางตง!”

ยู่ฉางตงงุนงง ตัวเขามองไปที่ชายผู้มาใหม่แต่ก็ยังจำไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยู่ฉางตงยังชอบออกเดินทางไปคนเดียวเพื่อท้าสู้กับยอดฝีมือจากทั่วทุกแห่ง มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ตัวเขาจะมีสหาย แล้วจะมีใครจดจำยู่ฉางตงได้กัน?

แม้ว่าจะคิดสงสัยแต่ยู่ฉางตงก็ไม่คิดที่จะทักท้วง เป็นการดีกว่าที่จะมีคนจดจำตัวเขาได้ ด้วยเหตุนี้จะทำให้ยู่ฉางตงสามารถทำภารกิจได้เร็วขึ้น ยู่ฉางตงที่ได้ฟังแบบนั้นบินลงมาอย่างช้าๆ

ผู้อาวุโสเฉินเป็นผู้ที่เปิดทางให้ ตัวเขาทำท่าเชื้อชวนให้ยู่ฉางตงมาเยือน

ยู่ฉางตงเหลือบมองก่อนที่จะม่านพลังมา ตัวเขาได้ถามออกมา “จะให้ข้าเรียกท่านว่ายังไงดีสหาย?”

ผู้อาวุโสเฉินคารวะให้ก่อนที่จะพูดออกมา “ข้ามีชื่อว่าเฉินเหลียงชู…ข้าเคยพบกับผู้อาวุโสจีมาแล้วครั้งหนึ่งในการต่อสู้บนมณฑลเหลียง”

ชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้ที่มีรายชื่ออยู่บนจุดสูงสุดของบัญชีขาว เฉินเหลียงชู หลังจากที่พบกับเหตุการณ์ในอดีต ตัวเขาก็เลิกหยุดค้ามนุษย์ ในขณะที่ฟื้นพลังวรยุทธด้วยดอกแมกโนเลียสีดำ เฉินเหลียงชูก็ได้เดินทางมายังสำนักแกนกลางแห่งหยาง ตัวเขาที่มาที่นี่ก็ถูกแต่งตั้งให้กลายเป็นผู้อาวุโส เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เฉินเหลียงชูในตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว

จีเทียนเด๋าเป็นคนที่เฉินเหลียงชูชื่นชมมากที่สุด เมื่อก่อนตัวเขาเคยพลาดที่ดูตัวตนของจีเทียนเด๋าไม่ออก และเมื่อได้กลับมาทำให้เฉินเหลียงชูใช้เวลาไปกับการศึกษาเรื่องของสาวกทั้งเก้าคนจากศาลาปีศาจลอยฟ้ามากขึ้น เฉินเหลียงชูในตอนนี้มั่นใจว่าตัวเองจะสามารถจดจำจีเทียนเด๋าและสาวกทั้งหมดได้ทันทีที่พบกันอีกครั้ง ตัวเขาจะไม่คิดทำผิดพลาดซ้ำสอง

“เป็นอย่างงั้นเองสินะ” ยู่ฉางตงพยักหน้า

เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนั้น ทุกคนก็ได้ก้าวถอยหลังกลับไปด้วยสีหน้าที่ตื่นตกใจ ทุกคนตกใจราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจอยู่

เฉินเหลียงชูกวาดตามองสาวกทั้งหลาย ตัวเขาได้กระแอมก่อนที่จะพูดตำหนิขึ้น “ข้าจะสอนบทเรียนให้พวกเจ้าทุกคนหลังจากที่ท่านยู่ฉางตงจากไปเอง”

เหล่าสาวกยังคงคุกเข่า พวกเขาไม่กล้าเคลื่อนไหวไปไหน

เฉินเหลียงชูรู้สึกอึดอัดนิดหน่อย “ข้าต้องขอโทษแทนเหล่าสาวกด้วยที่ไม่สุภาพกับท่าน ข้าน่ะรู้สึกละอายใจแทนพวกเขาจริงๆ”

“ไม่เป็นไร”

“แล้วอะไรกันที่ทำให้ท่านยู่ฉางตงต้องมาถึงที่นี่?” เฉินเหลียงชูถามเข้าเรื่อง ตัวเขาพอจะเดาสาเหตุที่ทำให้ยู่ฉางตงมาเยือนที่แห่งนี้ได้ แต่การเคลื่อนไหวของศาลาปีศาจลอยฟ้าเป็นอะไรที่ยากจะคาดเดา เฉินเหลียงชูไม่มั่นใจมากพอจึงเลือกที่จะถามออกมาอีกครั้ง

“ข้าได้ยินมาว่าที่นี่มียาช่วยชีวิตจากการแยกดอกบัวทองคำได้”

เฉินเหลียงชูคิดถูก “เด็กๆ ”

“ครับผู้อาวุโสเฉิน?” สาวกคนหนึ่งตอบรับด้วยเสียงที่สั่นเครือ

“ไปเอายาช่วยชีวิตสักสิบเม็ดมอบให้กับท่านยู่ฉางตงซะ” เฉินเหลียงชูรีบสั่งการ

“ได้ครับผู้อาวุโส”

ในตอนที่สาวกคนนั้นกำลังจะจากไป ยู่ฉางตงก็ได้พูดออกมาซะก่อน “จะดีกว่าถ้าหากท่านมอบยาให้ข้า 100 เม็ด”

เฉินเหลียงชูพูดไม่ออก ในตอนนี้ความต้องการที่จะใช้ยาช่วยชีวิตยังมีมากกว่าการผลิต ยาจำนวน 100 เม็ดไม่ใช่ยาจำนวนน้อยๆ เลย เฉินเหลียงชูที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับตื่นตกใจ “ท่านยู่ฉางตง ถ้าหากเป็นแบบนั้นทำไมพวกเราไม่ดื่มชากันสักถ้วยก่อนที่จะพูดคุยกันล่ะ?”

“ข้าต้องขอปฏิเสธ…พอดีข้ารีบน่ะ” สีหน้าของยู่ฉางตงยังดูสงบเยือกเย็น

“ถ้าหากเป็นแบบนั้น ท่านช่วยรอข้าอยู่ตรงนี้ก่อน ข้าจะรีบเอายาช่วยชีวิตให้กับท่านเอง” เฉินเหลียงชูไม่กล้าที่จะพูดอะไร ตัวเขาหันหลังกลับไปก่อนที่จะมุ่งตรงไปยังห้องปรุงยา

ยู่ฉางตงมองไปที่บี่เอี๊ยนที่บินอยู่ใกล้ๆ ตัวเขาได้พยักหน้าให้กับมัน บี่เอี๊ยนที่เห็นแบบนั้นก็ได้บินลงมาในทันที เหล่าสาวกจากสำนักแก่นแท้แห่งหยางไม่เคยเห็นสัตว์ขี่รูปร่างแบบนี้มาก่อน ทุกคนต่างก็ถอยห่างไปด้วยความตกใจ

หลังจากนั้นไม่นานเฉินเหลียงชูก็ได้กลับมาพร้อมกับนำยาช่วยชีวิตกว่า 100 เม็ดติดตัวมาด้วย ตัวเขาได้ยื่นมันให้กับยู่ฉางตงด้วยมือทั้งสองข้างด้วยความเคารพ “ท่านยู่ฉางตง ข้าได้นำยา 100 เม็ดมามอบให้กับท่านแล้ว”

“ข้าได้ยินมาว่าสำนักของเจ้ามียาแห่งการเบ่งบานด้วยนิ” ยู่ฉางตงพูดออกมาตรงๆ

เฉินเหลียงชูรู้สึกตกใจมากกว่าครั้งก่อน เมื่อได้ยินยู่ฉางตงพูดถึงยาแห่งการเบ่งบาน ตัวเขาก็ได้แต่ถอนหายใจก่อนที่จะตอบกลับมา “ท่านยู่ฉางตง ยาช่วยชีวิตเป็นสิ่งที่พวกเรามี ยาแห่งการเบ่งบานเป็นสิ่งที่มีค่ากว่ามาก มันเป็นยาที่ยากต่อการปรุงแต่ง มีเพียงสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่เท่านั้นที่จะสามารถปรุงยาแห่งการเบ่งบานพวกนั้นได้”

ยู่ฉางตงที่ได้ฟังแบบนั้นหยักหน้า ตัวเขาได้รับยาทั้ง 100 เม็ดมาก่อนที่จะสูดดมกลิ่น กลิ่นยาอันเป็นเอกลักษณ์ได้ล่องลอยเข้าไปในจมูกของตัวเขา

“ท่านยู่ฉางตง ท่านจะผ่าดอกบัวทองคำไหม?” เฉินเหลียงชูถามออกมาเบาๆ

“หืม?”

เฉินเหลียงชูพูดออกมาอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม “ท่านยู่ฉางตง ยาเม็ดช่วยชีวิตจะต้องกินก่อนที่จะเริ่มแยกดอกบัว เมื่อท่านต้องการที่จะแยกดอกบัวหลังทานยา ท่านจะต้องรวดเร็วและเด็ดขาดให้มากพอในการตัด…”

ยู่ฉางตงเหลือบมองเฉินเหลียงชู “แล้วมีอะไรอีก?”

เฉินเหลียงชูเหลือบมองสาวกที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนที่จะชี้ไปยังม่านพลัง

ยู่ฉางตงเข้าใจความหมายดี ตัวเขารีบเดินตามเฉินเหลียงชูไป

เฉินเหลียงชูพูดออกมาเบาๆ “ถ้าหากท่านมียาแห่งการเบ่งบานอยู่ ท่านจะต้องกินมันให้เร็วที่สุด ยาแห่งการเบ่งบานจะไม่มีประโยชน์ถ้าหากกินมันในภายหลัง ผลของมันอาจจะทำให้ผู้ฝึกยุทธมีพลังวรยุทธที่ลดลงในภายหลังได้ นอกจากนี้ถ้าหากพัฒนาพลังของตัวเองเร็วจนเกินไปพลังที่พัฒนาก็จะไม่เสถียร”

ยู่ฉางตงที่ได้ฟังแบบนั้นพยักหน้า “สิ่งที่เจ้าพูดฟังดูสมเหตุสมผลดี”

“ท่านยู่ฉางตง ในตอนที่ท่านกลบัไปท่านช่วยบอกข้อดีของข้ากับผู้อาวุโสจีจะได้ไหม? ถ้าหากท่านยอมช่วยข้า ข้าจะขอบคุณท่านไปชั่วชีวิต” เฉินเหลียงชูที่พูดเสร็จได้โค้งคารวะให้

“ย่อมได้” ยู่ฉางตงได้เก็บยาช่วยชีวิตก่อนที่จะจากไป ด้วยการใช้ปลายเท้าทำให้ยู่ฉางตงพุ่งไปทางบี่เอี๊ยนได้อย่างรวดเร็ว

“ขอให้เดินทางปลอดภัย ท่านยู่ฉางตง”

ยู่ฉางตงขึ้นขี่บี่เอี๊ยนก่อนที่จะบินลงจากหุบเขาหยางไป

เฉินเหลียงชูหันกลับมาก่อนที่จะวิ่งไปยังห้องโถงใหญ่ภายในสำนัก ตัวเขาได้เปิดประตูห้องโถงก่อนที่จะพูดในทันที “เจ้าสำนักหวู่ เขาไปแล้ว”

หวู่ต้าหยงเดินออกมา ตัวของเขาสั่นเครือเล็กน้อย หวู่ต้าหยงปาดเหงื่อบนใบหน้าก่อนที่จะเงยหน้ามองไปบนฟ้า หลังจากที่แน่ใจแล้วว่ายู่ฉางตงได้จากไปแล้วในที่สุดตัวเขาก็ได้พูดออกมา “ขอบคุณสวรรค์ที่เจ้ามาได้ทันเวลา ข้ากลัวจนหมดหนทางจริงๆ …”

“อย่าได้คิดเช่นนั้นเลยท่านเจ้าสำนัก ท่านยู่ฉางตงดูเป็นมิตรกว่าที่ท่านคิด” เฉินเหลียงชูตอบกลับ

“ไม่ว่าจะยังไง…สำนักแก่นแท้แห่งหยางของพวกเราก็ไม่อาจมองข้ามดาบปีศาจได้ ไม่ต้องพูดถึงชาวศาลาปีศาจลอยฟ้าเลย” หวู่ต้าหยงพูดตอบกลับ

ในขณะเดียวกันลู่โจวก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นจากการทำสมาธิ ตัวเขาได้วัดพลังวิเศษที่ตัวเองมี ดูเหมือนว่าตอนนี้พลังวิเศษจะฟื้นคืนมากว่า 1 ใน 5 แล้ว ตามที่คาดการณ์ไว้ ถ้าหากลู่โจวยังทำสมาธิเพื่อฟื้นฟูพลังวิเศษด้วยความเร็วเช่นนี้ต่อไป ตัวเขาจะสามารถฟื้นฟูพลังทั้งหมดในเวลา 5 วันได้ อันที่จริงแล้วความเร็วในการฟื้นคืนพลังของเขาเพิ่มขึ้น

“พลังของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์พลังที่ห้าจะเป็นยังไงกัน?” ลู่โจวได้แต่พึมพำกับตัวเอง ตัวเขาได้ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเหลือบมองไปยังภาพวาดอันเก่าแก่ นอกเหนือจากดินแดนหยานอันยิ่งใหญ่แล้ว ส่วนอื่นๆ ของภาพวาดยังคงพร่ามัว มันยังไม่มีอะไรปรากฏขึ้น

ลู่โจวตัดสินใจที่จะลองจับฉลากนำโชค ตัวเขานั่งลงก่อนที่จะสั่งการในทันที “จับฉลากนำโชค”

“ติ้ง! ใช้แต้มบุญ 50 ได้รับการ์ดเปลี่ยนรูปลักษณ์ x5”

“การ์ดเปลี่ยนรูปลักษณ์จะช่วยทำให้เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของผู้ใช้งานได้ สามารถใช้งานได้นาน 5 วันต่อการ์ด 1 ใบ”

“การ์ดเปลี่ยนรูปลักษณ์?” ลู่โจวรู้สึกงุนงงเมื่อได้เห็นการ์ดเปลี่ยนรูปลักษณ์ ตอนนี้ระบบมีภารกิจที่กำลังจะต้องใช้การหลอกล่ออย่างงั้นเหรอ? ทำไมมันถึงได้แจกการ์ดไร้ประโยชน์แบบนี้ล่ะ? รูปลักษณ์ของลู่โจวในตอนนี้แตกต่างไปจากเดิมมาก การ์ดใบล่าสุดก็คงจะไร้ประโยชน์สำหรับตัวเขาอย่างสมบูรณ์

ในตอนนั้นเองเสียงของจ้าวยู่ก็ได้ดังขึ้น “ท่านอาจารย์สีวู่หยาอยากจะพบท่าน”

“มีเรื่องอะไรกัน?”

“สีวู่หยาบอกไว้ว่านึกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคริสตัลแห่งความทรงจำได้”

“พาเขามาที่นี่”

“ค่ะ ท่านอาจารย์”