“นี่เป็นโปรเจ็กต์ที่ฉันเพิ่งได้รับเมื่อสองวันก่อน เมื่อดูเงื่อนไขของโปรเจ็กต์นี้ ฉันก็นึกถึงบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปของคุณ”เคธี่พลิกรายงานแผนโปรเจ็คส์ไปที่หน้าเงื่อนไขของโปรเจ็กต์และชี้ไปที่ข้อกำหนดให้ลี่จุนถิงดู
ไม่ว่าร่วมมือกับเคธี่หรือไม่ ลี่จุนถิงก็ไม่ได้คิดการใหญ่อะไร เพราะเขาต้องการอยู่ห่างจากเคธี่
แต่ว่าถ้ามีโปรเจ็กต์ที่น่าสนใจ ก็น่าจะลองคิดดูก่อน
อย่างไรก็ตาม สำหรับบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เคธี่ถือได้ว่าเป็นผู้หุ้นส่วนที่ดี
ลี่จุนถิงขยับโน๊ตบุ๊คมาดูอย่างละเอียด
ลี่จุนถิงอ่านรายงานแผนโปรเจ็กต์อย่างตั้งใจ และเคธี่รู้สึกว่า ลี่จุนถิงต้องสนใจโปรเจ็กต์ของเธอแน่ ในใจเธอก็ลุ้นตื่นเต้น
“เป็นอย่างไรบ้าง?”เคธี่ถามอย่างมีความหวัง
เธอรู้ว่าเขขาเจอหนึ่งโปรเจ็กต์ที่คิดว่าดีแล้ว จากที่เคยรู้จักลี่จุนถิงมาก่อน โปรเจ็คส์น่าสนใจขนาดนี้ ลี่จุนถิงต้องไม่ปฏิเสธแน่นอน
“เดี๋ยวก่อน” ลี่จุนถิงคิดว่าโปรเจ็กต์นี้ค่อนข้างแปลกใหม่ แต่ดูเหมือนว่าโปรเจ็กต์นี้ยังไม่สมบูรณ์แบบ และรายละเอียดบางอย่างก็ยังไม่เรียบร้อย
ถ้าจะรับโปรเจ็กต์นี้จริงๆ อาจต้องมีประสบการณ์บ้าง
แต่หากทำโปรเจ็กต์นี้สำเร็จลุล่วง บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปจะได้รับผลประโยชน์อย่างมาก
ข้อดีของโปรเจ็กต์นี้ก็ คือ แม้จะทำไม่สำเร็จ ก็ไม่สูญเสียมากนัก
ลี่จุนถิงพับหน้าจอโน๊ตบุ๊คลง แล้วเอนตัวไปข้างหลัง พูดว่า:“ผมคิดว่าโปรเจ็กต์นี้ไม่เลว แต่มีบ้างจุดยังไม่ค่อยโอเค”
“ในเมื่อคุณชายลี่คิดว่าเป็นโปรเจ็กต์ที่ดี งั้นพวกเรามาร่วมมือกันดีไหม?”เคธี่รู้ดีว่าโปรเจ็กต์นี้ไม่สมบูรณ์ หลี่เคจึงหยุดไว้ชั่วคราว และมีรายละเอียดบางอย่างไม่ตรงตามมาตรฐานลี่จุนถิง“จุดไหนที่ยังไม่สมบูรณ์เราสามารถคุยกันได้ใหม่ ยังมีเวลาอีกเยอะ เรื่องดีไม่กลัวสาย”
ลี่จุนถิงไม่พูดอะไร ถือว่ายอมรับคำพูดของเคธี่
“พวกเราร่วมมือลงทุนด้วยความจริงใจ หวังว่าคุณชายลี่จะกลับไปคิดทบทวนดีๆ”เคธี่คิดว่าลี่จุนถิงไม่อยากร่วมมือจึงรีบกลับคำ ลี่จุนถิงยื่นโน๊ตบุ๊คคืนให้เคธี่ เขาหันหน้าไปคุยกับซู่จี้งยี้ว่า:“เดี๋ยวคุณเอาไฟล์รายงานแผนโปรเจ็กต์จากคุณผู้หญิงเคธี่แล้วส่งไปทางอีเมล์ของคุณ และให้คุณทำรายงานงบประมาณออกมา”
เมื่อเคธี่ได้ยินอย่างนั้น นัยน์ตาก็เป็นประกายพูดว่า:“คุณชายลี่ นี่คุณตกลงแล้วใช่ไหม?”
ลี่จุนถิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“ไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การลงทุนโปรเจ็กต์ต้องใช้กำลังและเงินลงทุน ผมต้องวิเคราะห์ก่อนถึงจะตัดสินใจได้”
จู่ๆเคธี่ก็บ่นว่าลี่จุนถิงใช้เหตุผลมากเกินไป นี่มันยุคไหนแล้ว ยังต้องมานั่งวิเคราะห์ความเป็นเหตุเป็นผลอีก จะเป็นไปได้ไหมว่าโปรเจ็กต์นี้สามารถทำประโยชน์ให้เขาได้มาก?
ลี่จุนถิงจะได้มีเวลาทบทวนเพียงพอ เคธี่รู้สึกว่าตัวเองต้องขอบคุณผู้อื่นแล้ว และยังแสร้งใจกว้างพูดว่า:“‘งั้นเชิญคุณชายลี่คิดทบทวนอย่างละเอียดไปก่อน ฉันคิดว่ามีคนอีกมากที่อยากร่วมมือลงทุนกับฉัน”
เมื่อเคธี่พูดจบเธอสวมรองเท้าส้นสูงแล้วเดินออกไป
เธอไม่ต้องการแสดงออกชัดเจนว่าตัวเองชอบและปรารถนาเขา
แม้ว่าเธอจะชอบลี่จุนถิงมาก แต่ไม่ว่าอย่างไร เธอจะไม่ทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง
เธอคิดว่าข้อตกลงที่เธอเสนอไปมันดีมากลี่จุนถิงต้องตกลงร่วมมือกับตัวเองเป็นแน่
เมื่อนึกถึงข้อนี้ เคธี่ก็ยิ้มออกมา
หลังจากที่ซู่จี้งยี้รับคำสั่ง เขาก็ได้จัดทำรายงานงบประมาณโปรเจ็กต์ที่เคธี่แนะนำอย่างรวดเร็ว
“คุณชายลี่ โปรเจ็กต์โปรเจ็กต์นี้ค่อนข้างดีจริงๆ”ซู่จี้งยี้ส่งรายงานงบประมาณให้กับลี่จุนถิง
ลี่จุนถิงชำเลืองมอง เพราะว่าซู่จี้งยี้จัดทำงบประมาณในรูปแบบของกราฟ ดังนั้นเพียบแวบตาเดียวก็รู้ได้อย่างชัดเจน
ลี่จุนถิงพยักหน้า:“อืม ดีมาก เพียงแค่……”
ซู่จี้งยี้ยิ้มแล้วพูดว่า:“คุณชายลี่เกรงว่าคุณผู้หญิงเคธี่มากวนใจใช่ไหมครับ?”
ลี่จุนถิงยังไม่ได้ตอบ แต่ซู่จี้งยี้ก็รู้ว่าลี่จุนถิงยอมรับแล้ว
“แท้จริงแล้วไม่เป็นอะไรเลย”ซู่จี้งยี้พูด
ลี่จุนถิงเงยหน้ามองไปที่ซู่จี้งยี้
“คุณชายลี่ ท่านยังไม่ลืมฟั่นเพ่ยใช่ไหม?เขาเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดของ่านไม่ใช่เหรอ?อีกอย่าง แม้ว่าคุณผู้หญิงเคธี่ยากที่จะจัดการ แต่นอกจากเรื่องงานแล้ว พวกท่านก็ไม่เคยเข้าใกล้กันเลย คุณชายลี่อย่ากังวลไปเลย
ลี่จุนถิงขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วส่ายหัวพูดว่า:“ช่วงนี้หยุดหาฟั่นเพ่ยไปก่อน ฉันจะลองดูว่าเคธี่ใช้โปรเจ็กต์นี้เพื่อเข้ามาตีสนิทกับฉันหรือเปล่า แต่ถ้าเหมือนครั้งก่อน จะตามหาฟั่นเพ่ยอีกก็ยังไม่สาย
ลี่จุนถิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า:“สำหรับความร่วมมือของเรา คุณร่างแผนตามแผนนี้ก่อน ผมเห็นว่าแผนนี้มีข้อบกพร่องอยู่มาก หากคุณร่างแผนเหมาะสมแล้ว พวกเราจะไปเจรจากับเคธี่”
“ครับ” ซู่จี้งยี้หยิบแผนงบประมาณจากมือของลี่จุนถิงแล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน
ลี่จุนถิงเอนกายลงบนเก้าอี้ ใช้นิ้วหัวแม่มือนวดขมับทั้งสองข้าง
เคธี่คนนี้ช่างลำบากจริงๆ แต่เธอยังสนใจในเขา หากเธอไม่ทำอะไรมากเกินไป ลี่จุนถิงยังสามารถอดทนได้
หวังว่าเจียงหยุนเอ๋อจะไม่เข้าใจผิดเพราะเรื่องนี้
หลังจากที่เคธี่กลับบ้าน เธอรอคอยอย่างใจจดใจจ่อเสมอ
นี่ก็ผ่านไปสามสี่วันแล้ว ไม่มีข่าวคราวจากบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปเลย
เคธี่ทนรอไม่ไหวที่จะไปบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปหรือโทรถามพวกเขาว่าตกลงอยากจะร่วมโปรเจ็กต์กับตัวเองไหม
แต่เคธี่ก็ยังทนได้อยู่ ถ้าหากเธอโทรไปถามจริงๆ จะไม่ดูเหมือนว่าตัวเองอยากร่วมงานกับเขาเหรอ จะทำให้พวกเขาดูออกเปล่าๆว่าเธอมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์แอบแฝงอยู่
ยิ่งกว่านั้น ในวันนั้นเธอจากไปอย่างภาคภูมิใจ แต่ตอนนี้กลับไปชักชวน แบบนี้ไม่เป็นการตบหน้าตัวเองหรอ
อีกทั้งศักดิ์ศรีของตัวเองไม่ยอมให้ตัวเองทำเช่นนี้ เมื่อนึกถึงข้อนี้เคธี่ตัดสินใจรอต่อไป
เธอให้เวลาพวกเขาอีกสามวัน หากภายในสามวัน พวกเขาไม่ติดต่อกลับมาเคธี่ก็ทำได้แค่ล้มเลิกความตั้งใจนี้
สองวันผ่านไป ในที่สุดเคธี่ก็ได้รับโทรศัพท์จากซู่จี้งยี้
ซู่จี้งยี้พูดว่า ลี่จุนถิงต้องการนัดพบเคธี่เพื่อจะถามเรื่องความร่วมมือ เคธี่รับปากไปอย่างมีความสุข
เนื่องจากลี่จุนถิงงานยุ่งมาก ดังนั้นจึงนัดเจอกันที่บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป
“คุณชายลี่ เชิญคุณพูดได้เลย คุณอยากเจรจาเรื่องอะไร?”เคธี่นั่งลงตรงหน้าของลี่จุนถิง
“เมื่อเร็วๆนี้ ผมได้ดูรายงานแผนโปรเจ็กต์ของคุณอย่างละเอียดถี่ถ้วน ผมเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ว่ายังมีรายละเอียดอีกมากที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นหลังจากผมได้หารือกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแล้ว ผมได้ทำการปรับเปลี่ยนบางอย่าง คุณลองดูว่าได้ไหม?”ลี่จุนถิงขยับนิ้วมือของเขา และ ซู่จี้งยี้ที่ยืนอยู่ข้างๆก็ได้ส่งรายละเอียดเพิ่มเติมให้กับ เคธี่
เคธี่ มองดูแล้ว ส่วนใหญ่ที่ลี่จุนถิงปรับเปลี่ยนเธอก็ได้นึกถึงไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ในบางแง่มุม ลี่จุนถิงมีความเข้าใจที่เฉียบขาดมาก เคธี่ต้องยอมรับว่า ลี่จุนถิงเป็นผู้ชายที่เหมาะกับการทำธุรกิจจริงๆ