บทที่ 422 ผู้อยู่เบื้องหลัง

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

นัทธีกลับขมวดคิ้วขึ้น “เรียกแต่พิชิต คุณไม่นึกถึงวารุณีเลยเหรอ”

เขาแต่งงานแล้ว แต่ว่าเธอกลับเรียกเขาออกไปฉลองวันเกิดกับเพื่อน

เธอคิดอะไรของเธอกันแน่

นวิยาหรี่ตาลง แล้วแสร้งตอบกลับอย่างน่าสงสาร “แต่……แต่ว่าคุณกับคุณวารุณีกำลังทะเลาะกันอยู่ไม่ใช่เหรอ ฉันคิดว่าคุณจะไม่ฉลองวันเกิดพร้อมกับเธอ ก็เลย……”

“ดีกันแล้ว” นัทธีตอบกลับเบา ๆ

ถึงแม้ว่าวารุณีไม่ได้บอกตรง ๆ ว่าจะให้อภัยเขา

แต่เขาก็รู้ว่ากลับไปคืนนี้เธอจะต้องบอกอย่างแน่นอน

นวิยาดูเหมือนจะตกใจมาก เอามือปิดริมฝีปากขึ้น “ดีกันแล้ว? ตั้งแต่เมื่อไหร่”

นัทธีไม่ได้ตอบ

นวิยาวางมือลง “ต้องขอโทษด้วยนัทธี ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณกับคุณวารุณีดีกันแล้ว แต่ว่าทำแบบนี้จะดีเหรอ”

“หมายความว่าไง” นัทธีมองเธอด้วยความสงสัย

นวิยาบิดเสื้อด้วยมือทั้งสองข้าง “คุณกับคุณวารุณีเย็นชาใส่กัน ไม่ใช่เพราะว่าพ่อแม่ของคุณวารุณีชนคุณลุงคุณป้าหรอกเหรอ คุณยังจะคืนดีกับคุณวารุณีอีก ไม่กลัวว่าคุณลุงคุณป้าที่อยู่บนสวรรค์จะไม่พอใจเหรอคะ”

สำหรับเรื่องการคืนดีของนัทธีกับวารุณีนั้น เธอเดาออกแล้วตั้งแต่เจอวารุณีที่คฤหาสน์เมื่อตอนกลางวัน

เพียงแต่เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา ที่ทำไมจู่ ๆ ถึงได้คืนดีกัน คงจะเค้นคำตอบจากวารุณีไม่ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเธอถึงได้มาที่บริษัทไชยรัตน์กรุ๊ป เพื่อมาหาคำตอบจากปากนัทธี

“ไม่หรอก” นัทธีคลายนิ้วมือออก แล้วหยิบปากกาขึ้นมาใหม่ “คนที่ชนพ่อแม่ของผม ไม่ใช่วรยา”

“อะไรนะ ไม่ใช่คุณแม่ของคุณวารุณีเหรอ” นวิยาแววตาประกายด้วยความตกใจ “อย่างนั้น…. อย่างนั้นพวกเราเข้าใจผิดกันเหรอ แต่ว่าในคลิปนั้นก็เห็น ๆ อยู่ว่า……”

“ในคลิปนั้น มีคนจงใจใช้เทคนิควิธีในการถ่ายภาพที่ทำให้คนง่ายต่อการเข้าใจผิด” นัทธีเม้มริมฝีปากบางตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

เทคนิคการถ่ายภาพแบบนี้พบเห็นเยอะในวงการบันเทิง

โดยเฉพาะเหล่าปาปารัสซี่ ที่แทบจะทำเป็นเกือบทุกคน

นวิยาแอบกลืมน้ำลายอย่างเงียบ ๆ “ที่แท้เป็นแบบนี้เองเหรอ แล้วอย่างนั้นคนที่ชนคุณลุงคุณป้านั้นเป็นใครกัน”

“คนของขงเบ้ง” นัทธีกล่าวทีละคำ ๆ

นวิยาถึงกับสูดดมอากาศเย็น ๆ เข้าไปหนึ่งฟอด “เป็นลุงขงเบ้งเหรอ เขา……เขาจะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร เขาเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของคุณลุงไม่ใช่เหรอ”

“เงินทอง ไม่มีคำว่าญาติพี่น้อง” นัทธีเงยหน้าขึ้นมองเธอ น้ำเสียงไร้ความรู้สึก

หัวใจของนวิยารัดเกร็งขึ้น

เพราะคำพูดนี้ของเขา ทำให้สมองของเธออดคิดถึงเรื่องเมื่อสิบปีก่อนไม่ได้

โชคดีที่เขาไม่รู้ ไม่อย่างนั้นเธอคิดว่าเขามีพูดมีนัยแฝงกับเธอเสียอีก

“พูด……พูดถูกค่ะ” นวิยาฝืนยิ้มออกมา น้ำเสียงแหบแห้งเล็กน้อย

นัทธีนวดหว่างคิ้ว “เอาล่ะ ตอนค่ำผมคงไม่ไปร่วมทานอาหารกับพวกคุณ ผมรับปากวารุณีว่าจะไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ”

“ค่ะ พวกคุณเป็นสามีภรรยากัน อยู่ฉลองวันเกิดด้วยกันถึงจะถูก อย่างนั้นคืนนี้ฉันไม่กลับคฤหาสน์ไปรบกวนพวกคุณแล้ว” นวิยาฝืนยิ้มแล้วกล่าว

นัทธีตอบอืม “ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม”

นวิยาส่ายหน้า “ไม่มีแล้วค่ะ อย่างนั้นฉันกลับก่อนนะ คุณทำงานต่อเถอะ”

เมื่อพูดจบเธอก็หันหลังเดินออกไปทางประตู

หลังจากที่เดินออกมาจากห้องทำงานของท่านประธาน ใบหน้าของนวิยาฉับพลันก็เปลี่ยนไป กลายเป็นดุร้ายน่ากลัว ไม่พอใจสุดขีด

กว่าเธอจะทำให้คนคนนั้นส่งคลิปไปให้นัทธีได้ ก็เพื่อจุดประสงค์ให้นัทธีแตกหักกับวารุณี

แต่กลับคิดไม่ถึงว่านัทธีจะตรวจสอบได้ว่าคลิปนั้นมีปัญหา และสืบเจอคนร้ายตัวจริงที่ชนพ่อแม่ของเขา จากนั้นก็ยังคืนดีกับวารุณีอีก ทำให้แผนการของเธอล่มไม่เป็นท่า

เธอไม่พอใจ ไม่พอใจสุด ๆ!

เธอชอบนัทธีมาตั้งแต่เล็ก เพื่อต้องการอยู่กับนัทธี แต่งงานกับนัทธี เธอสามารถทำทุกอย่างได้ แม้แต่การทำไม่ดีกับพ่อแม่แท้ ๆ มีเพียงวารุณีคนเดียวที่เธอต่อกรไม่ได้ ปล่อยให้วารุณีรอดไปได้ทุกครั้ง

นี่มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ นี่สวรรค์จะอยู่เคียงข้างแต่วารุณีหรืออย่างไร

นวิยากำสองมือไว้แน่น จนเล็บมือทิ่มแทงฝ่ามือ แต่เธอก็ไม่สนใจ ราวกับว่าไม่มีความรู้สึกอย่างไรอย่างนั้น

เธอมาถึงช่องบันไดที่เงียบสงบปลอดภัย แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาหมายเลขลับหมายเลขหนึ่ง

ไม่ช้าโทรศัพท์ก็ถูกกดรับสายขึ้น เสียงทุ้มต่ำที่รู้สึกรำคาญของชายหนุ่มได้ดังขึ้น “ผมเคยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ให้คุณโทรมาหาผมหากไม่มีเรื่องอะไร”

“นัทธีกับวารุณีคืนดีกันแล้ว นี่ยังเรียกว่าไม่มีเรื่องอีกไหม” นวิยาตอบแดกดันกลับไป

ชายหนุ่มคนนั้นเงียบไปสองวินาที จากนั้นน้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นไม่พอใจ “คุณพูดว่าอะไรนะ พวกเขาคืนดีกันแล้วอย่างนั้นเหรอ”

“ก็ใช่นะสิ แผนการของพวกเราพังไม่เป็นท่า ผิดหวังมากไหมจ๊ะนิรุตติ์” นวิยาหัวเราะเยาะเย้ย

นิรุตติ์ถากถางกลับไป “คนที่ผิดหวังที่สุดน่าจะเป็นคุณมากกว่าหรือเปล่า ครั้งแล้วครั้งเล่าที่คว้าน้ำเหลวจากการจับนัทธี”

“นี่คุณ……” นวิยาถูกเขาทำให้โมโหจนสีหน้าดูไม่ได้

แต่ไม่นานเธอก็ระงับอารมณ์ไว้ได้ แล้วยิ้มอย่างหน้าชื่นอกตรม “นิรุตติ์ คุณอย่าเพิ่งดีใจไป ถึงแม้ว่าฉันจะยังจับนัทธีไม่อยู่หมัด แต่ว่าคุณก็ไม่ได้ดีไปกว่าฉันหรอก จับวารุณีไม่ได้ไม่ว่า พ่อของคุณที่เป็นคนร้ายตัวจริงชนคุณลุงคุณป้าเสียชีวิตก็ถูกนัทธีสืบจนเจอแล้ว”

ใช่แล้ว คลิปนั้นเป็นคลิปที่เธอกับนิรุตติ์ทำขึ้นมา แล้วส่งไปให้กับนัทธี จุดประสงค์ก็เพื่อทำให้นัทธีกับวารุณีสองคนผิดใจกัน

นิรุตติ์ต้องการครอบครองวารุณี ส่วนเธอก็อยากได้นัทธีกับตำแหน่งคุณหญิงวารุณี ดังนั้นเธอกับนิรุตติ์จึงได้ร่วมมือกัน

แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวหลังจากนั้นกลับตาลปัตร ไม่เป็นไปตามทิศทางที่เธอกับนิรุตติ์ได้วางแผนไว้ จนเป็นเหตุให้แผนการทั้งหมดนั้นล้มเหลว

แต่ยังโชคดีที่นัทธีไม่ได้สืบเจอว่าเป็นฝีมือของเธอกับนิรุตติ์

“เป็นไปไม่ได้!” นิรุตติ์กำหมัดขึ้น ใบหน้าชั่วร้ายเปลี่ยนเป็นดุดันสุดขีด “นัทธีไม่มีทางสืบสาวเจอพ่อของผม”

คุณปู่ได้ทำลายหลักฐานทิ้งไปแล้ว นัทธีจะตรวจสอบเจอได้อย่างไร

นวิยากลอกตามองบน “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ คุณดูถูกนัทธีเกินไปแล้ว ฉันว่านะ นัทธีคงจะเดาออกถึงพินัยกรรมของคุณปู่บรรพตว่าคืออะไรแล้ว รอให้นัทธีหาพินัยกรรมเจอ ครอบครัวของพวกคุณก็คงจะบรรลัยเป็นแน่แท้”

นิรุตติ์ได้ยินคำพูดนี้ แววตาก็ผุดแรงอาฆาตอย่างไม่รู้จบ มุมปากยกขึ้นอย่างดุดัน “เหรอ พวกเราบรรลัยอย่างนั้นเหรอ แล้วคุณล่ะ คุณคิดว่าคุณจะดีไปกว่าผมอย่างนั้นเหรอ อารองกับอาสะใภ้รองของผมทำไมถึงไม่ขับรถ ทำไมถึงไปเดินเล่นอยู่บนถนนเส้นนั้น จะให้ผมพูดออกมาไหม นวิยา!”

นวิยาสมองดังตุ้ม สีหน้าซีดเผือด ร่างสั่นเทา ตรงขมับมีเหงื่อซึมออกมา มือที่จับโทรศัพท์ไว้ก็สั่นขึ้น น้ำเสียงก็ยิ่งลนลาน “ฉัน……ฉันไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”

“เหอะๆ คุณอย่ามาเสแสร้งไปหน่อยเลย การเสียชีวิตของอารองกับอาสะใภ้รองของผม ก็หนีไม่พ้นคนอย่างคุณหรอกนวิยา ผมนิรุตติ์ไม่ใช่จะชมว่าตัวเองเป็นคนดีนะ แต่ว่าความโหดเหี้ยมนั้น ผมยังห่างชั้นกว่าคุณเยอะ สิบแปดปีก่อน คุณเพิ่งจะแปดเก้าขวบเองมั้ง สิบปีก่อน คุณก็เพิ่งจะสิบห้าสิบหกขวบมั้ง จุ๊ ๆ ๆ……”

นวิยาถึงกับเข่าอ่อน ทรุดนั่งลงไปกับพื้น สักพัก ริมฝีปากก็เปล่งคำพูดออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือ “คุณ……คุณรู้ได้ยังไง”

“เรื่องที่คุณทำทั้งหมดนั้น ผมรู้หมดแหละ ถึงแม้ว่าใจคอของคุณจะโหดเหี้ยมตั้งแต่เด็ก แต่ว่าเด็กก็ยังเป็นเด็ก ทำเรื่องอะไรก็มักจะทิ้งร่องรอยไว้ เรื่องที่คุณทำไว้ทั้งหมดแค่สืบก็เจอแล้ว มีเพียงแต่นัทธีคนซื่อบื้อคนนั้น ที่ไม่เคยดูออกถึงใบหน้าที่แท้จริงของคุณ

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ นิรุตติ์เอามือเท้าคางอย่างขี้เกียจ “ก็จริงนะ นัทธีถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดีตั้งแต่เล็ก จึงค่อนข้างอ่อนต่อโลกภายนอก บวกกับถูกคุณปู่กับอารองและอาสะใภ้รองปกป้องมากเกินไป จึงไม่ได้ไปสัมผัสกับด้านมืดของมนุษย์สักเท่าไหร่ ดังนั้นเขาไม่รู้ว่าใบหน้าที่แท้จริงของคุณก็เป็นเรื่องปกติ”

“แต่ว่า……”

“แต่ว่าอะไร” นวิยาตะคอกเสียงแหลม ในใจกลัวสุดขีด