บทที่ 426 ยั่วยวนนัทธี

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“ฉันกลั่นแกล้งพวกคุณเหรอ” วารุณีชี้ที่ตัวเอง ขบขันเล็กน้อย

แม้แต่ปาจรีย์กับเชอรีนก็หัวเราะขึ้น

โสรยามองดูพวกเธอหัวเราะ ในใจเกิดความกังวลใจเล็กน้อย “คุณวารุณี พวกคุณหัวเราะอะไร หรือว่าฉันพูดอะไรผิด ไม่ใช่พวกคุณกลั่นแกล้งนางแบบของฉันหรอกเหรอ”

วารุณีปาดน้ำตาที่หางตาจากการหัวเราะ “คุณโสรยา ฉันคิดว่าก่อนที่คุณจะบอกว่าพวกเรากลั่นแกล้งนั้น ควรถามก่อนไหมว่าใครกลั่นแกล้งใครกันแน่ ไม่อย่างนั้นฉันจะรู้สึกว่าคุณนั้นมีตาแต่ไม่มีแวว”

“ใช่ เห็น ๆ อยู่ว่านางแบบของคุณเข้ามาหาเรื่องพวกเราก่อน พวกเราก็แค่ตอบโต้กลับเท่านั้น ทำไมกลายเป็นว่าพวกเรากลั่นแกล้งเธอล่ะ” เชอรีนเม้มปากกล่าว

ปาจรีย์ก็พยักหน้า “ใช่ค่ะ คุณโสรยา ถึงแม้ว่าฉันจะชื่นชมที่คุณปกป้องคนของตัวเอง แต่ตอนนี้เห็นทีแล้ว คุณก็เหมือนกำลังทำเรื่องที่น่าขำเช่นกัน”

“ใช่ ยังไม่เข้าความเป็นมาของเรื่องราว ก็มาแขวะ บอกว่าพวกเรากลั่นแกล้งคนของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องน่าขำแล้วเป็นเรื่องอะไร” เชอรีนสมทบ

โสรยาฟังคำพูดของทั้งสองคน สีหน้าจึงขาวซีดจนดูไม่ได้

เธอหันหน้าไปถลึงตาใส่สุชาดา “ทำไมเธอถึงไม่บอกฉันตั้งแต่แรก ว่าเธอไปหาเรื่องพวกเขาก่อน จนทำให้ฉันที่มาทวงความยุติธรรมให้กับเธอถูกมองเป็นเรื่องน่าขำไปเลย”

สุชาดารู้ว่าตัวเองผิดจึงได้แต่ก้มหน้า ฉัน ๆ อยู่ครึ่งวัน ก็ไม่พูดอะไรต่อจากฉันออกมา

โสรยาโมโหจนอยากจะตบคน สุดท้ายก็อดกลั้นไว้แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หันหน้าไปมองทางพวกวารุณีทั้งสามคน แล้วฝืนยิ้มออกมา “ต้องขอโทษด้วยนะคุณวารุณี ครั้งนี้เป็นความผิดของพวกเราเอง ขอโทษด้วยค่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอก แต่ฉันหวังว่าต่อไปคุณโสรยาจะดูแลนางแบบของตัวเองให้ดี อย่าให้เธอได้มาระรานพวกเราอีก เพราะว่าพวกเราไม่ได้อยู่ค่ายเดียวกัน ถ้ามีข่าวที่ไม่ดีแพร่กระจายออกไปมันจะดูไม่ดี คุณว่าไหม” วารุณียิ้มแล้วสบตากับเธอ

ใบหน้าของโสรยาก็ยิ่งกัดฟันฝืนยิ้ม แต่ก็ยังคงพยักหน้า “ คุณวารุณีพูดถูกค่ะ ฉันจะดูแลคนของฉันให้ดี”

“เช่นนี้ก็ดีแล้วค่ะ” วารุณีตอบกลับ

“คุณผู้หญิงครับ” เวลานี้เสียงของมารุตดังลอยมาจากไม่ไกล

กลุ่มสาว ๆ จึงได้หันหน้าไปมอง

เห็นเพียงนัทธีพามารุตมุ่งเดินมาทางนี้

เชอรีนคลายมือออกจากการโอบวารุณี แล้วยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน “ วารุณี ประธานนัทธีมาแล้ว”

วารุณีขอบตามองบนใส่เธอ “ฉันไม่ได้ตาบอดสักหน่อย”

เชอรีนเอามือปิดปากแล้วแอบยิ้ม จากนั้นเดินไปข้าง ๆ พร้อมกับปาจรีย์ เหลือที่ไว้ให้กับวารุณีกับนัทธีสองสามีภรรยา

ส่วนโสรยากับสุชาดานั้นไม่ได้เดินจากไปไหน ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น

ทั้งคู่ต่างก็จ้องมองนัทธี

สิ่งที่แตกต่างคือ แววตาที่สุชาดามองนัทธีนั้น ซ่อนด้วยความทะเยอทะยาน ในขณะที่โสรยานั้นกลับซ่อนด้วยความอาลัยอาวรณ์

ภายใต้ความอาลัยอาวรณ์ ยังมีร่องรอยของความคิดถึงที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ง่าย ๆ แต่ฉับพลันก็มลายหายไป จึงทำให้คนมองไม่เห็น

นัทธีมาถึงด้านหน้าของวารุณี “ระหว่างทางรถติดไปหน่อย ทำให้คุณรอนานเลย”

วารุณีส่ายหน้า “ไม่หรอก แค่คุณมาก็พอแล้ว”

นัทธียื่นมือมาจับเธอไว้ในอ้อมกอด “ ผมจะต้องดูการแข่งขันแน่นอน คุณอยู่เมืองนอกต้องดูแลตัวเองให้ดี มีเรื่องอะไรก็ให้โทรหาผมนะ”

“ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่ใช่เด็กน้อยสักหน่อย” วารุณียิ้มเบาๆ

นัทธีก้มหน้าจุมพิตที่หน้าผากของเธอ “ผมจะวิดีโอคอลหาคุณทุกคืนนะ อย่าลืมคิดถึงผมล่ะ”

“ค่ะ” วารุณียิ้มแก้มปริ

นัทธีคลายเธอออก แล้วหรี่ตามองเธอ “นี่คุณจะไม่ให้ผมคิดถึงคุณเหรอ”

วารุณีเลิกคิ้ว รู้สึกมึนงงเล็กน้อย “ค่ะ อย่างนั้นคุณก็อย่าลืมคิดถึงฉันนะ”

“ผมคิดถึงคุณแน่นอน” นัทธีถึงได้พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

ปาจรีย์กับเชอรีนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ต่างซุบซิบกัน

“ความรักของประธานนัทธีกับวารุณีช่างหวานจังเลย หวานจนเลี่ยนจริง ๆ”

ปาจรีย์กลอกตามองบน “หวานเลี่ยนอะไรล่ะ เธอไม่เห็นพวกเขาสองคนก่อนหน้านี้ อย่าพูดว่าหวานเลี่ยนเลย แทบจะหย่ากันแล้ว”

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ” เชอรีนตกใจ

ปาจรีย์ส่ายหน้า ไม่คิดจะบอกเธอ

อีกฝั่งหนึ่ง โสรยากับสุชาดาที่อารมณ์ไม่ค่อยดี

โสรยาเห็นท่าทางที่สนิทชิดใกล้ของนัทธีกับวารุณี มือทั้งสองข้างก็กำแน่น เหมือนกับอดกลั้นอะไรบางอย่างไว้

ในขณะเดียวกันสุชาดาที่ตรงไปตรงมา จ้องมองวารุณีด้วยใบหน้าที่อิจฉาริษยา

เธออิจฉาที่วารุณีมีวาสนาดี สามารถหาผู้ชายที่เก่งและเพียบพร้อมไปหมดทุกอย่าง

ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ค่อยรู้สถานะของผู้ชายคนนี้สักเท่าไหร่ แต่ว่าจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นเธอก็จะแย่งมาให้ได้ ดูสิวารุณีจะผยองได้แค่ไหน

ในสายตาของเธอ ผู้ชายก็คือพวกใจบุญ ขอเพียงใช้ใจยั่วยวน มีเหรอที่จะยั่วไม่สำเร็จ

เมื่อนึกถึงผู้ชายที่เธอถูกใจในหลายปีที่ผ่านมา ยั่วหนึ่งครั้งสำเร็จหนึ่งคน สุชาดาจึงมั่นใจในตัวเองล้นเหลือ

เธอจัดผมเผ้าตัวเองให้เรียบร้อย แล้วเดินยิ้มไปหานัทธี

เชอรีนเห็นดังนั้นจึงขมวดคิ้วขึ้น “เธอต้องการจะทำอะไร”

ปาจรีย์ยกมุมปากแซวขึ้น “ชัดเจนขนาดนี้เธอยังดูไม่ออกอีกเหรอ คอยดูนะ ต้องมีฉากดี ๆให้ได้ดู”

“คุณผู้ชายคะ” สุชาดายืนอยู่ข้าง ๆ วารุณี มองวารุณีอย่างท้าทายแวบหนึ่ง แล้วก็หันไปมองนัทธีด้วยจริตเขินอาย “สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย ฉันเป็นเพื่อนร่วมหอและเพื่อห้องเดียวของวารุณีตอนที่มหาวิทยาลัยจันทร์ด้วยกัน ฉันชื่อสุชาดา คุณจำฉันได้ไหมคะ”

นัทธีขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดอะไร

วารุณีตระหนักถึงอะไรบางอย่าง ยกมุมปากขึ้น คิดเหมือนปาจรีย์กับเชอรีน ดูออกว่าจะมีเรื่องให้สนุก

มีเพียงโสรยาที่โกรธจนตัวสั่น จ้องมองแผ่นหลังของสุชาดาด้วยสายตาอาฆาต

ไอ้ปัญญาอ่อนนี้คิดจะยั่วนัทธี?

เห็นนัทธีไม่พูด สุชาดาคิดว่าเขาจำไม่ได้ จึงทำหน้าความผิดหวังทำปากมุ่ยอย่างน่าสงสาร

แต่ด้วยใบหน้าที่แต่งเข้มจัดสไตล์ยุโรปอเมริกา ดูไม่เข้ากับการทำตัวให้น่าสงสารเลย

จึงเป็นเหตุให้ท่าทางของเธอตอนนี้ดูตลกมาก ประหนึ่งตัวตลกที่ทำให้คนเห็นแล้วอยากจะหัวเราะ

เพียงแต่เธอนั้นไม่รู้ตัว คิดว่าตัวเองทำแบบนี้ แล้วจะทำให้ผู้ชายเกิดความสงสาร

“คุณผู้ชาย คุณลืมไปแล้วจริง ๆ ด้วย ความจริงแล้วพวกเราเคยเจอกันมาก่อน ในครั้งนั้น……”

“ออกไป!” สุชาดายังไม่ทันพูดจบก็ถูกคำพูดของนัทธีขัดจังหวะขึ้น

สุชาดามองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา “คุณผู้ชายเมื่อสักครู่คุณ……”

“คุณฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง” แววตาดุร้ายของนัทธีได้หรี่ลง บรรยากาศรอบกายที่เยือกเย็นเพียงพอที่จะทำให้คนตัวแข็งได้

ใบหน้าของสุชาดาขาวซีด แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

โสรยาจึงมาดึงเธอออกไป แล้วยืนอยู่ที่ด้านหน้าของนัทธี จากนั้นโค้งคำนับขออภัย “ขอโทษค่ะประธานนัทธี ขอโทษที่นางแบบของฉันคนนี้ไปเสียมารยาท ฉันต้องขอโทษแทนเธอด้วยนะคะ”

นัทธีราวกับไม่ได้ยิน ไม่หันไปมองโสรยาด้วยซ้ำ แล้วพูดกับวารุณีด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เดี๋ยวผมมีประชุมต่อ ขอตัวก่อนนะ ก่อนเช็กอินส่งข้อความมาบอกผมด้วย”

“ค่ะ” วารุณีพยักหน้า

นัทธียืนมือออกมาจับที่คางของเธอ แล้วก้มหน้าลงไปจูบที่ริมฝีปากของเธอ

วารุณีแก้มแดงทันที

ปาจรีย์และเชอรีนถึงกับผิวปากโห่

มีเพียงโสรยาที่ถูกละเลย กับสุชาดาที่ถูกนัทธีทำให้ตกใจกลัว มองภาพนี้ด้วยใจที่หงุดหงิด

“คุณทำอะไร ทุกคนต่างมองอยู่นะ” วารุณีได้สติจึงผลักชายหนุ่มออก

ชายหนุ่มใช้นิ้วปาดที่มุมปาก จากนั้นหันไปมองปาจรีย์กับเชอรีนด้วยหางตาพิฆาต

ทั้งสองคนจึงรีบส่ายหน้าทันที “เปล่านะเปล่า พวกเราไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”

นัทธีพอใจมากกับความรู้ทันของทั้งสองคน เชยคางขึ้นเบาๆ แล้วจ้องมองไปที่ร่างของวารุณีอีกครั้ง “พวกเธอไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”

วารุณียกมุมปากขึ้น ทั้งรู้สึกโกรธและรู้สึกขำ “เอาล่ะ คุณรีบไปเถอะ เดี๋ยวจะไปประชุมสายนะ”

“อืม ลงจากเครื่องแล้วโทรศัพท์หาผมด้วยนะ” นัทธีลูบผมของเธอแล้วก็หันหลังจากไป

มารุตพยักหน้ายิ้มให้กับวารุณีและคนอื่น ๆ แล้วก็เดินตามจากไป

หลังจากที่พวกเขาจากไป เชอรีนพับแขนขึ้น แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน “หน็อยแน่ คนบางคนระริกระรี้ยั่วยวนผู้ชายต่อหน้าเมียหลวงของเขา ช่างหน้าด้านจริง ๆ”

เธอหลือบมองสุชาดาด้วยหางตารังเกียจ

ปาจรีย์ก็พูดสมทบ “น่าเสียดาย ที่ยั่วยวนไม่สำเร็จ หน้าแตกเพล้งเลย”

แล้วทั้งสองก็หัวเราะดังฮ่า ๆ