ตอนที่ 489 วัสดุก่อสร้างถูกขโมย

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 489 วัสดุก่อสร้างถูกขโมย

หลังมื้อกลางวัน หลินม่ายก็กลับมาจากวิลล่า และเห็นลูกน้องของเฉินเฟิงซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการในไซต์ก่อสร้างกำลังเดินวนไปวนมาด้วยความกระวนกระวายอยู่หน้าประตู

สหายน้องชายคนนั้นก็เห็นเธอเช่นกัน ก่อนก้าวลงบันไดพรวด ๆ ทีละสามขั้น

พอลงไปถึงข้างล่าง เขาพูดว่า “หัวหน้าหลิน ไม่ดีแล้ว เกิดเรื่องขึ้นที่ไซต์งานครับ!”

ใจหลินม่ายแทบหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม หรือว่าจะมีคนงานบาดเจ็บล้มตายในไซต์งานก่อสร้าง?

เธอย้ำกับเฉินเฟิงอยู่เสมอว่าการก่อสร้างทุกขั้นตอนจะต้องดำเนินการโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก แต่ทำไมถึงยังมีคนที่ได้รับบาดเจ็บจากการทำงานอีก?

เธอถามด้วยความร้อนใจ “เกิดอะไรขึ้น?”

สหายน้องชายชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “วัสดุก่อสร้างถูกขโมยไปครับ”

หลินม่ายถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ตราบใดที่ไม่มีใครเสียชีวิต ปัญหาอื่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่

เธอถาม “ก็แค่ของในไซต์งานหาย นายอธิบายมารวดเดียวแต่แรกไม่ได้หรือไง? เล่าเรื่องทั้งหมดมาเร็วเข้า”

สหายน้องชายพูดตะกุกตะกัก “เหล็กมูลค่าเจ็ดหมื่นหยวนที่เพิ่งจัดซื้อเข้ามาเมื่อสองวันก่อนโดนขโมยเกลี้ยงเลย”

ถึงแม้รายได้สุทธิของหลินม่ายจะอยู่ที่หลายล้านก็ตาม แต่ในยุคนี้เจ็ดหมื่นหยวนไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะเพิกเฉยกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เธอถามต่อ “นายรายงานเรื่องนี้ให้คุณเฉินรู้แล้วหรือยัง?”

“ยัง…” สหายน้องชายส่ายหน้าด้วยความรู้สึกผิด “เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ดูแลวัสดุพวกนั้นไม่กล้าบอกคุณเฉินตรง ๆ ก็เลยขอให้ผมมาบอกคุณก่อน”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่รับผิดชอบงานลาดตระเวนในไซต์ก่อสร้างต่างก็เป็นอดีตลูกน้องของเฉินเฟิงกันทั้งนั้น

สาเหตุที่พวกเขาไม่กล้ารายงานเรื่องนี้ให้เฉินเฟิงรู้ อาจเป็นเพราะกลัวตัวเองถูกลงโทษอย่างหนัก

แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะปิดบังเขาไปได้นานแค่ไหนเชียว!

หลินม่ายปั่นจักรยานติดตามสหายน้องชายคนนั้นไปที่ไซต์ก่อสร้างทันที พบว่าเฉินเฟิงอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว

เขากำลังคาดคั้นหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยด้วยใบหน้าถมึงทึง “เหล็กพวกนั้นโดนขโมยไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”

พอเกิดเหตุการณ์ใหญ่แบบนี้ขึ้น หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยก็ลนลานจนพูดจาตะกุกตะกัก “ผะ… ผมไม่รู้เวลาที่เจาะจง รู้แค่ว่าของโดนขโมยไปช่วงกลางคืนครับ”

ถ้าเป็นช่วงกลางวัน ของพวกนั้นไม่มีทางหายไปง่าย ๆ แน่ นั่นมันกองเหล็กมูลค่าเจ็ดหมื่นหยวนเชียวนะ

เวลากลางวันแสก ๆ ในไซต์ก่อสร้างมีคนงานเดินไปมาขวักไขว่ ไหนจะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่คอยเฝ้าระวัง ไม่ว่าใครก็หาจังหวะลักไก่ไม่ได้ทั้งนั้น!

เฉินเฟิงเค้นเสียงถาม “นายไม่ได้จัดเวรยามมาตรวจตราตอนกลางคืนรึไง?”

เขาตั้งข้อกำหนดไว้ว่าที่นี่จะต้องมีการลาดตระเวนตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ทั้งกลางวันและกลางคืน

“จัดครับ” หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยตอบกลับเสียงเบาหวิว

ใบหน้าของเฉินเฟิงยิ่งน่าเกลียดเข้าไปใหญ่ “ในเมื่อมีคนลาดตระเวน แล้วเหล็กโดนขโมยไปได้ยังไง?”

กองเหล็กขนาดใหญ่แบบนั้น ถ้าใครสักคนต้องการขโมยมัน คงต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ ใช้แรงงานโจรอีกสิบกว่าคน ถึงจะขนย้ายพวกมันขึ้นรถบรรทุกหนีไปได้

ถึงจะเป็นตอนกลางคืนก็เถอะ ตราบใดที่มีคนคอยเดินตรวจตราตลอดเวลา แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะไม่พบเห็น

หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยถึงกับเหงื่อตก “เมื่อ… เมื่อวานนี้ตอนพวกเรากำลังฉลองอาหารมื้อพิเศษ บางคนรวมเงินกันซื้อไวน์ ฝ่ายรักษาความปลอดภัยก็ซื้อไวน์มาด้วยเหมือนกัน พอดื่มหนัก ๆ ทุกคนก็ง่วงนอน รปภ.กะกลางคืนผล็อยหลับไปเหมือนกัน ตื่นมาอีกทีตอนสองทุ่ม ตอนนั้นฝนเทกระหน่ำลงมาห่าใหญ่แล้วแมว พวกเขาเลยรีบออกไปลาดตระเวน ก่อนจะกลับไปนอนเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ สองชั่วโมงต่อมา พอออกไปดูอีกครั้งทุกอย่างก็ยังปกติดี จึงกลับไปนอนอีกรอบ ใครจะรู้ว่าเหล็กจะโดนขโมยไป…”

เฉินเฟิงพูดอย่างเย็นชา “ไม่ว่ายังไงพวกนายก็ผิดที่ประมาทเลินเล่อตอนเข้าเวรกะกลางคืน!”

หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยก้มหน้างุด ไม่กล้าเถียงอะไรเลยสักคำ

หลินม่ายถามด้วยความสับสน “ในเมื่อเหล็กโดนขโมยไปตั้งแต่ช่วงกลางดึก แล้วทำไมถึงเพิ่งมารู้เอาตอนนี้ล่ะ?”

หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยอธิบายว่า “ไม่ว่าจะเป็นวัสดุแบบไหนก็ตาม พอจัดซื้อเข้ามาแล้ว พวกเราจะเอาผ้าใบกันน้ำคลุมพวกมันไว้เสมอ เพราะกลัวว่าน้ำฝนจะทำให้วัสดุเกิดความเสียหาย เหล็กกองใหญ่นั่นก็อยู่ใต้ผืนผ้าใบเหมือนกัน ใครจะคิดว่าพอเปิดออกมาแล้วพวกมันจะถูกแทนที่ด้วยท่อนไม้ผุ ๆ ถ้าคุณเจิ้งไม่บอกว่าวันนี้ต้องใช้เหล็กพวกนั้นในงานก่อสร้าง เกรงว่าเราคงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเหล็กมูลค่าเจ็ดหมื่นหยวนโดนขโมยเรียบไปนานแล้ว”

หลินม่ายกับเฉินเฟิงเดินไปดูบริเวณที่เกิดเหตุ เห็นว่าผ้าใบกันน้ำผืนใหญ่หลายผืนถูกโยนทิ้งไปอย่างไม่เป็นระเบียบ ตำแหน่งเดิมที่เคยมีเหล็กกองอยู่กลับเต็มไปด้วยท่อนไม้เน่า ๆ

หลินม่ายและเฉินเฟิงหันมาสบตากัน

เฉินเฟิงกล่าว “เหล็กที่หายไปในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการกระทำชั่ววูบแน่นอน คนที่ขโมยไปต้องมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า”

หลินม่ายพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “โจรพวกนี้รู้วิธีเลือกวันจริง ๆ เลือกลงมือในคืนที่พายุเข้า พอสภาพอากาศเลวร้าย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่เคยลาดตระเวนบ่อย ๆ ก็ปฏิบัติงานอย่างหย่อนยาน ยิ่งไปกว่านั้น ลมกระโชกแรงกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนักชะล้างร่องรอยการลักลอบขนเหล็กไปจนหมด ช่างเหมาะเจาะอะไรอย่างนี้!”

เหล็กจำนวนมหาศาลแบบนั้น ต่อให้ช่วยกันขนพวกมันขึ้นบรรทุกจนแล้วเสร็จภายในหนึ่งชั่วโมง แถมยังขนไม้ผุพังเข้าไปแทนที่ของเดิม ไม่ว่าจะมือเท้าเบาแค่ไหนก็ตาม ถึงอย่างไรก็ต้องส่งเสียงดังบ้าง

หากเป็นคืนที่สภาพอากาศปลอดโปร่ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่คอยลาดตระเวนคงได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติวิสัยตั้งแต่แรก มีความเป็นไปได้สูงที่การโจรกรรมเช่นครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้น

เมื่อวัสดุสูญหายเพราะถูกขโมยอย่างอุกอาจ แน่นอนว่าพวกเขาต้องแจ้งตำรวจ

ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาถึง หลินม่ายกับเฉินเฟิงช่วยกันค้นหาเบาะแสอื่น ๆ ภายในไซต์งาน แต่กลับไม่เจออะไรเลย

สาเหตุหลักเป็นเพราะฝนที่ตกเมื่อคืนได้ชะล้างเบาะแสที่อาจทิ้งร่องรอยไว้ไปหมดแล้ว

เฉินเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดกับหลินม่าย “เธอว่า เป็นไปได้ไหมว่าคนแรกที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการซื้อไวน์มากินเลี้ยงอาจเป็นคนใน?”

หลินม่ายพยักหน้า “เป็นไปได้”

ถ้ารปภ.เวรกลางคืนไม่ดื่มหนักจนมึนเมา พวกเขาคงไม่หลับลึกขนาดนี้

ตราบใดที่พวกเขาแค่งีบหลับธรรมดา บางทีอาจจะสะดุ้งตื่นตามสัญชาตญาณเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อย แล้วกองเหล็กพวกนั้นก็จะไม่ถูกขโมยไป

ดังนั้น คนแรกที่เสนอความคิดชวนทุกคนดื่มเหล้าจึงตกเป็นผู้ต้องสงสัย

เฉินเฟิงบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นฉันจะลองส่งคนไปสืบดูว่าใครกันแน่ที่เป็นคนเสนอให้ซื้อไวน์มาดื่ม พอเจอตัวแล้วก็สืบหาต่อไปว่าเขาติดต่อกับใครบ้าง ทั้งเมื่อวานนี้และช่วงหลังจากนั้น ไม่แน่ว่าเราอาจเจอเบาะแสอะไรบางอย่าง”

หลินม่ายแนะนำ “นายลองตรวจสอบอย่างลับ ๆ ดูก็ได้ว่าท่อนไม้ผุพวกนั้นถูกขนมาจากที่ไหน บางทีมันอาจจะนำไปสู่เบาะแสบางอย่างได้เหมือนกัน”

เฉินเฟิงตอบรับ จากนั้นก็หันไปเรียกหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่ยืนตัวสั่นงันงกอยู่ไม่ไกล

เขามอบหมายงานตามสืบสองงานให้อีกฝ่าย แล้วพูดย้ำด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม “ถ้านายทำสองงานนี้พลาดอีกครั้ง ต่อไปนี้ก็อย่าได้มายุ่งเกี่ยวกับฉันอีก”

หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยพยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟัง รีบจัดกำลังคนไปสืบข่าวสองงานได้รับมอบหมายทันที

เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุในไม่ช้า พวกเขาตรวจสอบทั่วบริเวณที่เกิดเหตุอย่างรอบคอบ จากนั้นก็ทำการสอบปากคำคนงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่พบอะไร

เรื่องนี้จึงต้องระงับไว้เป็นการชั่วคราวไปก่อน

หลินม่ายกลับมาที่บ้านด้วยความกระสับกระส่าย เห็นว่าโจวฉายอวิ๋นกลับมาแล้ว แถมยังหอบไข่ไก่และผักแห้งมาให้เธอด้วย ดูเหมือนว่าแม่โจวจะเป็นคนเตรียมของพวกนี้ไว้ให้โดยเฉพาะ

หลินม่ายบอกหล่อนว่าเถาจืออวิ๋นเชิญฟางจั๋วหรานไปรับประทานอาหารมื้อเย็นร่วมกัน ก็เลยอยากให้หล่อนกับหลี่หมิงเฉิงไปร่วมมื้ออาหารด้วย

โจวฉายอวิ๋นตอบตกลงอย่างง่ายดาย

นอกจากนี้ยังเป็นฝ่ายอาสาไปบอกข่าวนี้กับหลี่หมิงเฉิงถึงที่บ้าน

โจวฉายอวิ๋นยืมจักรยานของหลินม่ายปั่นออกไป จากนั้นก็พาหลี่หมิงเฉิงกลับมาอย่างรวดเร็ว

หลี่หมิงเฉิงไม่ได้มาหาเธอมือเปล่า เขาหิ้วไก่อ่อนสองตัวมาให้หลินม่าย นอกจากนี้ยังมีปลาช่อนตัวโตอีกสองตัว พร้อมด้วยน้ำมันถั่วลิสงถังใหญ่

หลินม่ายรับทุกอย่างไว้โดยไม่อิดออด

เพราะถึงอย่างไรอีกหน่อยเธอก็จะหาทางตอบแทนน้ำใจของเขาจนได้

หลี่หมิงเฉิงช่วยหลินม่ายจับปลาช่อนตัวโตทั้งสองมาเลี้ยงไว้ในกะละมัง ทั้งยังบอกเธอด้วยว่าพี่สาวคนรองของเขาเลื่อนวันแต่งงานออกไปเป็นวันที่ 2 ตุลาคม

หลินม่ายถามด้วยความประหลาดใจ “จริงเหรอ ทำไมถึงเลื่อนวันล่ะ?”

หลี่หมิงเฉิงบอกว่า “เพราะฉันอยากให้เธอกลับไปร่วมงานแต่งของพี่สาวรองยังไงล่ะ”

ตอนแรกหลินม่ายวางแผนเอาไว้อยู่แล้วว่าในเร็ว ๆ นี้ ไม่ว่างานหลักงานรองจะรุมเร้าแค่ไหนก็ตาม เธอจะพยายามหาเวลากลับไปที่ชนบทสักสองสามวัน เพื่อสร้างเรือนกระจกสำหรับปลูกผัก

ตอนนี้ครอบครัวของหลี่หมิงเฉิงถึงขั้นเลื่อนวันแต่งงานออกไป เพื่อให้เธอสะดวกมาร่วมงานแต่งของลูกสาวคนรอง

แบบนี้เธอยิ่งต้องหาวันกลับไปที่ชนบทให้ได้

เธอตัดสินใจเลือกวันกลับบ้านเกิดในวันที่ 2 ตุลาคม นอกจากจะได้ไปร่วมงานแต่งพี่สาวคนรองของหลี่หมิงเฉิงแล้ว ยังจะถือโอกาสทำเรือนกระจกเอาไว้ปลูกผักเสียเลย

คืนก่อนระหว่างมื้อเย็น หลินม่ายลองถามฟางจั๋วหรานดูแล้วว่าเขาอยากไปรับประทานอาหารมื้อเย็นที่บ้านของเถาจืออวิ๋นด้วยกันหรือเปล่า แต่เขาปฏิเสธ

เหตุผลก็เพราะอาการของลูกชายเจ้าหน้าที่ระดับสูงซึ่งเพิ่งได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะที่ขาดยังอยู่ในสภาพย่ำแย่ ต้องเฝ้าระวังอาการต่อไปอีกสองสามวัน

ถ้าคนไข้รายนี้ผ่านช่วงเวลาวิกฤตไปได้ ถือว่าการผ่าตัดเป็นไปด้วยดี

แต่ถ้าไม่รอด การผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะที่ขาดออกจากตัวก็จะถือว่าล้มเหลว

เขาวางแผนว่าจะเข้าเวรกลางคืนที่โรงพยาบาลเป็นเวลาสองวันหลังจากนี้ เพื่อที่จะได้รับมือกับเหตุฉุกเฉินของผู้ป่วยโดยเร็วที่สุด เผื่อว่าเขาจะรักษาอาการบาดเจ็บของมือผู้ป่วยรายนี้เอาไว้ได้

หลินม่ายไปที่บ้านของเถาจืออวิ๋นพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนและฟางจั๋วเยวี่ย หิ้วของขวัญติดไม้ติดมือไปด้วย

เพราะไม่อยากเผชิญความเก้อเขินจนเกินไป ฟางจั๋วเยวี่ยจึงพาโต้วโต้วติดสอยห้อยตามมา

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ใครเป็นคนลงมือขโมยกันนะ ขโมยแบบเนียนมากด้วย

ไหหม่า(海馬)