บทที่ 342 ระบายความโกรธ

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา ตอนที่ 342 ระบายความโกรธ

ก่อนจะเห็นเด็กๆ ที่อยู่ด้านข้างรีบเงยหน้าขึ้นพูดกับพ่อแม่ของพวกเขา “ข้าเป็นเด็กดี พวกข้าไม่ขว้างปาข้าวของนะ”

พ่อแม่ของเด็กๆ ยกยิ้มแล้วพยักหน้าให้ “ใช่ ใช่ ใช่ พวกเจ้าเก่งกว่าพี่ๆ พวกนั้นมาก”

พอได้ยินเสียงด้านนี้ เด็กคนอื่นๆ ก็หันไปถามพ่อแม่ของพวกเขาว่าพวกเขาเป็นเด็กดีไหม และพวกเขาก็ได้รับคำชมเชยจากพ่อแม่กลับมา

เสียงพูดคุยนั้นทำให้กลุ่มนักเรียนของสำนักบัณฑิตไป๋ลู่ที่กำลังทำตัวอวดเบ่งโกรธมาก แต่พวกเขาพูดอะไรไม่ได้

พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าไป๋ยี่เซวียนจะด่าพวกเขาด้วยวิธีนี้ มีใครมองไม่ออกว่าพวกเขาจงใจทำกัน? แต่เขากลับแอบด่าว่าพวกเขาสู้เด็กไม่ได้

ก่อนที่พวกเขาจะได้อ้าปากพูด ไป๋ยี่เซวียนยังคงตะโกนใส่นักเรียนกลุ่มนี้ด้วยความโกรธ “พวกเจ้ารู้ไหมว่าตัวเองผิดตรงไหน? พวกเจ้าปล่อยให้ลูกค้าทำตัวเสียมารยาท ลูกค้าในร้านของเรามีเยอะมาก ถ้ามีข่าวลือออกไปว่านักเรียนของสำนักบัณฑิตหนานซานกลั่นแกล้งผู้อื่นไม่มีการศึกษาขึ้นมาจะทำเช่นไร”

“ข้าผิดไปแล้ว” เมิ่งเจียงกล่าวขอโทษด้วยเสียงบางเบา

แต่ในใจกลับรู้สึกสะใจมาก สะใจกว่าด่าว่าเห้อเฟิงออกไปตรงๆ เสียอีก

ส่วนคนอื่นๆ ก็ยอมรับความผิดของพวกเขาเช่นกัน

คนรอบข้างมองนักเรียนของสำนักบัณฑิตไป๋ลู่ด้วยสายตาที่แฝงความหมาย

“หนังสือที่ร่ำเรียนมาทั้งหมดคงอยู่ในท้องสุนัขแล้ว!”

“ที่แท้นักเรียนของสำนักบัณฑิตไป๋ลู่เป็นแบบนี้นี่เอง ในอนาคตข้าจะไม่ส่งลูกไปเรียนที่สำนักบัณฑิตไป๋ลู่เด็ดขาดเลย!”

สีหน้าของพวกเห้อเฟิงปรับเปลี่ยนหลายอารมณ์ กนึ่งในกลุ่มนักเรียนแอบดึงแขนเสื้อของเห้อเฟิง แล้วกระซิบพูด “เห้อเฟิง ถ้าเรื่องนี้ลือไปถึงโรงเรียน พวกเราตายแน่เลย!”

เขาไม่พูด เห้อเฟิงก็รู้ แต่เขาที่ถูกด่าว่าเหน็บแนมแบบนี้ ในใจรู้สึกอับอายขายหน้ามาก

เขาตบโต๊ะเสียงดังปัง แล้วพูดอย่างโมโหว่า “พวกเจ้าแน่มาก!”

ไป๋ยี่เซวียนหันกลับมาอีกครั้ง แล้วคำนับเห้อเฟิง “เป็นความผิดของทางร้านเราที่ทำให้ลูกค้าไม่พอใจ ข้าจะหักค่าจ้างของพวกเขาเป็นการลงโทษ ท่านพอใจหรือไม่”

เมิ่งเจียง “…”

นักเรียนของสำนักบัณฑิตหนานซานทุกคน “…”

ค่าจ้างอะไรกัน? พวกเขามีค่าจ้างตอนไหน?

แต่ในเวลานี้ทุกคนต่างไม่พูดถึงเรื่องนี้ ในเวลานี้ทุกคนต่างนิ่งเงียบ โจวกุ้ยหลานหยุดชะงัก เหตุใดนางถึงรู้สึกว่าวิธีจัดการนี้เป็นวิธีของนางกัน

ในขณะที่นางกำลังนิ่งคิด เห้อเฟิงก็ตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “หัก! หักให้หมดเลย! คราวหน้า พวกเราจะกลับมาอีก!”

โจวกุ้ยหลาน “…”

นี่มันฝ่ายธรรมะมีอำนาจเหนือกว่าฝ่ายอธรรม ไป๋ยี่เซวียนฉลาดมากจริงๆ!

ในขณะที่นางกำลังคิดอยู่ ก็เห็นกลุ่มของเห้อเฟิงเดินฝ่าฝูงชนออกมา สีหน้าบึ้งตึง เดินตึงตังจนเกือบจะเดินชนนาง

หลังจากพวกเขาจากไปแล้ว ไป๋ยี่เซวียนก็หันไปกล่าวขอโทษลูกค้าที่มายืนมุงดู ก่อนจะยกยิ้มแล้วพูด “ให้ทุกท่านต้องมาเห็นเรื่องน่าขายหน้าแล้ว จากนี้ไปทางเราจะบริการทุกท่านให้ดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอน”

คนกลุ่มนั้นหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แต่ไม่รู้ว่าใคร ที่ตะโกนขึ้นมากะทันหัน “ดีมาก” จากนั้นก็ปรบมือนำร่อง และทุดคนก็ปรบมือตาม

เมิ่งเจียงและคนอื่น ๆ มองไปที่ไป๋ยี่เซวียนด้วยแววตาซาบซึ้งใจ

วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของเขา พวกเขาคงไม่สามารถระบายความโกรธออกมาได้

วินาทีต่อมา ไป๋ยี่เซวียนก็หันกลับมา แล้วสั่งพวกเขา “รีบเช็ดโต๊ะและกวาดพื้นให้สะอาด ยังมีลูกค้าคนอื่นๆ รออยู่”

พวกเขารีบพยักหน้ารับ แล้วรีบเช็ดโต๊ะ

พอเห็นว่าไม่มีเรื่องให้มุงดูแล้ว ลูกค้าคนอื่น ๆ ก็กลับไปนั่ง และทานอาหารของตัวเองต่อไป แต่บรรยากาศในร้านกลับครึกครื้นมากกว่าเดิม ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องสำนักบัณฑิตไป๋ลู่

หลังจากที่ทุกคนออกไปหมดแล้ว โจวกุ้ยหลานก็เดินเข้ามาและยกนิ้วโป้งให้ไป๋ยี่เซวียน

“เก่งมาก”

ไป๋ยี่เซวียนยกยิ้มมุมปาก “ขอบคุณสำหรับคำชม”

โจวกุ้ยหลาน “เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าวิธีการจัดการนี้คล้ายกับข้ามาก”

“พรึบ” ไป๋ยี่เซวียนกางพัดของเขาออก แล้ววางไว้บนหน้าอกแล้วพัดเบาๆ ท่าทางชอบใจมาก “ข้าเรียนรู้มาจากเจ้า”

“จริงๆ ด้วย”

“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าทำเยี่ยงนี้ แต่รู้สึกพอใจมากจริงๆ ด้วย”

โจวกุ้ยหลานพยักหน้า “ทำให้ผู้อื่นต้องอึดอัดใจ”

“ดูเหมือนว่าจากนี้ไปข้าคงต้องใช้วิธีนี้บ่อยๆ” ไป๋ยี่เซวียนยกยิ้มอย่างพึงพอใจ

โจวกุ้ยหลาน “เจ้าชอบใจก็พอแล้ว”

นางจะพูดอะไรได้อีก แน่นอนว่าต้องให้อภัยเขาอยู่เเล้ว

“เหตุการณ์วุ่นวายในวันนี้เกิดขึ้นเพราะพวกข้า ทำให้พวกท่านต้องลำบากไปด้วยแล้ว” เมิ่งเจียงเดินไปโค้งคำนับให้ทั้งสองคนเพื่อขอโทษ

โจวกุ้ยหลานมองไปรอบด้าน และพบว่าทุกคนไม่ได้มองมาทางนี้ รอให้พวกเขาเก็บกวาดเรียบร้อย นางก็เรียกพวกเขาไปที่สวนหลังบ้าน และบอกให้พวกเขาอาบน้ำให้เรียบร้อย ก่อนจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“ก็เพราะว่าตอนนั้นเขาอยากเข้าเรียน แต่ท่านอาจารย์ไม่รับ บิดาของเขาบอกจะยกเรือนให้ท่านอาจารย์ แต่ท่านอาจารย์ก็ไม่รับ เขาคงอับอายขายหน้าและโกรธมาก!”

โจวกุ้ยหลาน “ท่านอาจารย์ยังคงไม่ลุ่มหลงในลาภยศสรรเสริญจริงๆ!”

“แน่นอน! ในตอนนั้นบังเอิญมากที่ท่านอาจารย์เพิ่งรับเมิ่งเจียงเป็นศิษย์พอดี เขาก็เลยอิจฉาเมิ่งเจียงมาโดยตลอด!”

“ไม่ใช่แค่เพราะเมิ่งเจียง พวกเราเข้าร่วมการแข่งขันทุกปี และได้อันดับหนึ่งมาตลอด สำนักบัณฑิตไป๋ลู่ของพวกเขาก็เลยอิจฉาพวกเรามาก”

โจวกุ้ยหลานกระตุกยิ้มมุมปาก: “แค่เพราะรางวัลหนึ่งร้อยตำลึงนั้นหรือ?”

จ้าวจงตี้เกาท้ายทอยอย่างกระดากอาย: “นั่นเป็นค่าใช้จ่ายทั้งปีของพวกเรา”

โจวกุ้ยหลานยกยิ้มและพยักหน้า “พวกเจ้ายอดเยี่ยมมาก”

หนึ่งร้อยตำลึงนี้ กลัวว่าคงจะเป็นค่าพู่กันหมึกกระดาษและที่ฝนหมึก รวมถึงค่าอาหารของพวกเขา แล้วยังต้องซื้อตำรา พวกเขาถึงต้องพยายามอย่างมาก สำหรับสถานศึกษาอื่น … จะยากจนเหมือนพวกเขาได้อย่างไร?

พวกเมิ่งเจียงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย “พวกเราไม่ได้เก่งขนาดนั้น เป็นเพราะท่านอาจารย์ของพวกเราสอนมาดี”

โจวกุ้ยหลานควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าไม่ได้ “ข้าแค่ถามเฉยๆ อย่าถือสาเลย”

“อ่อ……”

เมิ่งเจียงและคนอื่นๆ รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

แต่ว่าพอถึงช่วงบ่าย พวกเขาก็ไม่ผิดหวังอีกต่อไป เพราะในช่วงบ่ายเริ่มมีลูกค้าน้อยลง โจวกุ้ยหลานพาพวกเขาไปที่ร้านหนังสือ แล้วทำการซื้อตำราให้พวกเขาคนละหนึ่งเล่ม และให้พวกเขาเป็นคนเลือกเอง

พวกเขาดีใจมาก หลังจากปรึกษากันสักพัก พวกเขาก็ทำการเลือกหนังสือ โจวกุ้ยหลานทำการจ่ายเงิน และให้พวกเขากลับไปกันเอง พวกเมิ่งเจียงกล่าวขอบคุณโจวกุ้ยหลานอย่างซาบซึ้งใจ

โจวกุ้ยหลานยกยิ้มมุมปาก “สู้ๆ รอถึงการแข่งขันในช่วงสิ้นปีเอาชนะพวกเขาให้ได้”

“ป้ากุ้ยหลาน ขอบคุณที่คอยเป็นห่วงพวกเราขอรับ!” เมิ่งเจียงและคนอื่นๆ เกือบจะน้ำมูกน้ำตาไหล

พวกเขาโชคดีมากจริงๆ ในตอนนี้พวกเขามีกินมีดื่มทุกวัน และยังมีพู่กัน หมึก กระดาษ ใช้ไม่ขาด และยังได้ซื้อตำราใหม่ทุกเดือน วันนี้ยังช่วยพวกเขาระบายความโกรธ เพื่อปลอบใจพวกเขา ยังซื้อตำราอีก

“กล้ามาก่อเรื่องที่ร้านของข้าข้า ต้องให้บทเรียนพวกเขาบ้าง” โจวกุ้ยหลานพูดด้วยรอยยิ้ม และเดินกลับไปพร้อมกับนักเรียนเหล่านี้

พอพวกเขากอดตำราเล่มใหม่กลับมา แล้วเห็นคนที่ยังร่ำเรียนอยู่ จึงเอ่ยถามตามปกติ

พวกเมิ่งเจียงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ คนอื่นๆ ต่างก็โกรธมาก ท่านอาจารย์ถึงกับตบโต๊ะเสียงดัง “สำนักบัณฑิตไป๋ลู่ มันจะมากเกินไปแล้วนะ! ข้าบอกแล้วว่าอย่าไปทำงานเป็นเสี่ยวเอ้อร์ในโรงเตี๊ยม ตอนนี้ยังถูกรังแกให้อับอายขายหน้าอีก!”

“ท่านอาจารย์ พวกเขาถูกพี่ไป๋ทำให้โกรธกลับไปหมดแล้วขอรับ และพี่ไป๋ก็ช่วยเราระบายความโกรธออกไปแล้ว”