ตอนที่ 438 ยุติสงคราม

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 438 ยุติสงคราม

คลื่นน้ำขนาดมหึมาซัดเข้ามาในเมืองราวกับฝูงสัตว์ดุร้าย กระจายไปทั่วทุกทิศทาง เสียงคลื่นกระทบกันดังสนั่นหวั่นไหว

“น้ำท่วมแล้ว!” ทหารต้าเหลียงตะโกนลั่น เขาหมุนตัววิ่งหนีไปได้สองก้าวก็ถูกน้ำพัดจนเซล้มไปบนพื้น จากนั้นกลืนหายไปในน้ำทันที

ทหารกองทัพต้าจิ้นซึ่งยืนอยู่บนเนินเขาสูงเห็นดวงไฟในเมืองหลงหยางค่อยๆ มอดดับลงก็รู้ได้ทันทีว่าน้ำท่วมไปถึงเมืองหลงหยางแล้ว อีกไม่นานดวงไฟทุกดวงที่ยังสว่างอยู่ในเมืองก็คงดับสนิท

ฝูรั่วซีกำดาบที่เอวแน่น รู้สึกสะใจมาก “ดูเหมือนว่าข้าจะได้ยินเสียงร้องโอดครวญของทหารต้าเหลียงแล้ว สะใจจริงๆ”

น้ำป่าดุดันราวกับสัตว์ป่า แม้แต่คนที่ว่ายน้ำเก่งก็ยากจะเอาชีวิตรอดจากน้ำป่าที่มีพลังมหาศาลเช่นนี้ได้ ที่สำคัญในน้ำเต็มไปด้วยท่อนไม้และกิ่งไม้ขนาดใหญ่มากมาย ประกอบกับเครื่องใช้จำพวกไม้ในจวนต่างๆ ของเมืองหลงหยางซึ่งถูกน้ำป่าพัดมารวมกันยิ่งทำให้ในน้ำเต็มไปด้วยสิ่งกีดขวางมากมายจนยากจะเอาตัวรอด

ทว่า ไป๋ชิงเหยียนไม่คิดเลยว่าสวินเทียนจางจะอำมหิตถึงเพียงนี้ ตอนที่สวินเทียนจางสั่งให้ลูกน้องขุดเขื่อน เขาคงตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว กำแพงเมืองงหลงหยางสูงประมาณสองจั้ง หากต้องการทำลายทหารเกือบทั้งหมดของต้าจิ้น เขาก็ต้องขุดเขื่อนให้กว้างขึ้น

บัดนี้คงเป็นกรรมตามสนองกระมัง

เมื่อท้องฟ้าสว่างขึ้น พายุฝนยังคงตกหนักไม่หยุด ด้านล่างภูเขาที่กลุ่มของไป๋ชิงเหยียนยืนอยู่มีศพของทหารต้าเหลียงซึ่งถูกน้ำพัดมากองอยู่มากมาย

เมืองหลงหยางถูกน้ำท่วมมิดทั้งเมือง

ฝูรั่วซีเห็นเหตุการณ์จึงกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “แม่ทัพไป๋ น้ำท่วมถึงเพียงนี้แล้ว พวกเราถอยทัพดีหรือไม่ขอรับ พายุฝนยังคงตกไม่หยุด ระดับน้ำยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พวกเราก็ต้องรีบหนีออกจากที่นี่นะขอรับ มิเช่นนั้นอาจเกิดสิ่งไม่คาดฝันขึ้นได้ขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องไปซ้ำเติมสุนัขตกน้ำอีก

“ถอยทัพ!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าว

ภูเขาเทียนหลาน

ฝนที่ตกบริเวณภูเขาเทียนหลานไม่ได้ตกหนักเท่าเมืองหลงหยาง กองทัพจิ้นตั้งค่ายพักแรมอยู่บริเวณที่ราบสูงของภูเขาเทียนหลาน รอรวมตัวกับกองทัพเสริมที่เดินทางมาจากเมืองหลวง

หลิวหงมองดูหยาดฝนที่ตกลงมาปรอยๆ อยู่หน้ากระโจมที่พัก เขาทบทวนถ้อยคำของไป๋ชิงเหยียนวนไปวนมา…

หากครั้งนี้ไม่ดักซุ่มโจมตีกองทัพต้าเหลียงตรงทางผ่านไปยังเมืองผูเหวินแล้วกองทัพต้าเหลียงกลับไปขอกำลังเสริมมา ไม่เพียงพวกเขาจะโจมตีเมืองได้อย่างยากลำบาก ถึงเวลานั้นคงต้องทำสงครามยืดเยื้อกับต้าเหลียงแน่ ซึ่งนั่นไม่เป็นผลดีต่อแคว้นต้าจิ้นที่เพิ่งสูญเสียกำลังทหารไปมากมายจากสงครามที่หนานเจียงเลย

คิดอยู่ครู่ใหญ่ หลิวหงกำมือที่ไขว้อยู่ทางด้านหลังแน่น ตะโกนสั่ง “เรียกแม่ทัพหลินคังเล่อเข้ามา!”

ไม่นาน หลินคังเล่อเข้าไปในกระโจมของแม่ทัพใหญ่

หลิวหงเล่าวิธีของไป๋ชิงเหยียนให้หลินคังเล่อฟังอีกรอบ หลินคังเล่อได้ฟังก็เงียบไปครู่หนึ่ง

“ข้าคิดว่าแม่ทัพไป๋คำนึงถูกต้องแล้วขอรับ สงครามที่หนานเจียง แม่ทัพไป๋ไม่เคยคาดการณ์ผิดพลาดเลย ข้าเชื่อใจแม่ทัพไป๋ขอรับ! หากแม่ทัพใหญ่อนุญาต ข้ายินดีนำทหารอ้อมเมืองหลงหยางและแม่น้ำหลงหมู่ไปดักซุ่มโจมตีกองทัพต้าเหลียงระหว่างทางไปเมืองผูเหวินขอรับ”

แม้แต่หลินคังเล่อยังกล่าวเช่นนี้ หลิวหงจึงไม่ลังเลอีกต่อไป

“เจ้าจงนำทหารสองหมื่นนายไปดักซุ่มโจมตีกองทัพต้าเหลียง หากแม่ทัพใหญ่สวินเทียนจางยังมีชีวิตอยู่ จงจับเป็นกลับมาให้ได้!”

“แม่ทัพใหญ่วางใจได้ขอรับ!” หลินคังเล่อกล่าว

เมื่อท้องฟ้าสว่างเต็มที่ ไป๋ชิงเหยียนและฝูรั่วซีกลับมาที่ค่าย

เมื่อได้ยินว่าแม่ทัพใหญ่สั่งให้แม่ทัพหลินคังเล่อนำกำลังทหารสองหมื่นนายไปดักซุ่มโจมตีกองทัพต้าเหลียงบริเวณเส้นทางกลับไปยังเมืองผูเหวิน ไป๋ชิงเหยียนจึงไปพักผ่อนทันที ไม่ได้ไปรบกวนหลิวหงอีก

ขอเพียงหลิวหงตัดสินใจดักซุ่มโจมตีกองทัพต้าเหลียงที่หนีรอดเตรียมกลับไปยังเมืองผูเหวิน ต่อไปพวกเขาคงยึดเมืองผูเหวินและชุนมู่กลับคืนมาง่ายขึ้น สงครามครั้งนี้ก็คงใกล้จบลงแล้ว นางจะได้พาเสี่ยวซื่อและเสิ่นชิงจู๋กลับซั่วหยางเสียที

ไป๋ชิงเหยียนกลับไปที่กระโจมที่พักเพื่อดูอาการของเสี่ยวซื่อและเสิ่นชิงจู๋ ทว่า ทั้งสองคนยังไม่ฟื้น

เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินเข้ามาด้านใน จี้หลางหวาที่กำลังเปลี่ยนยาให้เสิ่นชิงจู๋ผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเปียกปอนไปทั้งร่างจึงรีบเอ่ยขึ้น

“คุณหนูใหญ่! ข้าจะไปเอาเสื้อผ้าใหม่มาให้คุณหนูเปลี่ยนนะเจ้าคะ คุณหนูใหญ่ได้รับบาดเจ็บหรือไม่เจ้าคะ ให้ข้าตรวจดูให้ดีหรือไม่เจ้าคะ”

“มิเป็นอันใด” เมื่อไป๋ชิงเหยียนสำรวจไป๋จิ่นจื้อและเสิ่นชิงจู๋เสร็จ หญิงสาวจึงถอดชุดเกราะและรองเท้าบูทที่เปียกชุ่มของตัวเองออก เท้าของหญิงสาวมีตุ่มใสขึ้นเต็มไปหมด บริเวณต้นขาเสียดสีกับอานม้าจนเนื้อถลอก ชุดชั้นในสีขาวแนบติดกับผิวหนังจนแกะแทบไม่ออก

จี้หลางหวานำมีดเล็กไปอังไฟ จากนั้นค่อยๆ ตัดชุดของไป๋ชิงเหยียนออกทีละนิด บาดแผลที่ผิวหนังทำเอาจี้หลางหวาทนดูแทบไม่ไหว นางพยายามกลั้นน้ำตาไว้แล้วทายาให้ไป๋ชิงเหยียน จากนั้นใช้ผ้าพันแผลพันบริเวณต้นขาให้ไป๋ชิงเหยียน

ผู้อื่นมองเห็นไป๋ชิงเหยียนเป็นคนที่ไร้เทียมทาน คิดว่าไป๋ชิงเหยียนไม่เคยพ่ายแพ้ในสงคราม ทว่า ผู้อื่นไม่รู้หรอกว่าร่างของสตรีผู้นี้เต็มไปด้วยรอยบาดแผลเก่าใหม่ผสมปนเปกัน ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก

จี้หลางหวาช่วยไป๋ชิงเหยียนเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ

“เดี๋ยวข้าทายาที่มือให้คุณหนูใหญ่นะเจ้าคะ”

“มิเป็นอันใด เจ้าดูแลเสี่ยวซื่อกับชิงจู๋ก็ลำบากมากแล้ว ไปพักผ่อนเถิด!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางติดกระดุมเสื้อ

จี้หลางหวาส่ายหน้า “คุณหนูใหญ่ไปพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ! ข้าอยู่ที่นี่สะดวกต่อการสังเกตอาการของคุณหนูสี่และแม่นางเสิ่นมากกว่าเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ฝืน หญิงสาวเปลี่ยนชุดเสร็จก็รู้สึกสบายตัวกว่าเดิมมาก รับประทานโจ๊กไก่ร้อนๆ ถ้วยหนึ่ง ทันใดนั้นเอง หญิงสาวได้ยินไป๋จิ่นจื้อซึ่งนอนอยู่บนเตียงละเมอเรียกนาง “พี่หญิงใหญ่!” หญิงสาวรู้สึกปวดใจมาก เดินไปหยุดอยู่ข้างเตียง กุมมือของน้องสาวพลางเอ่ยเสียงแผ่วเบา “พี่อยู่นี่!”

ได้ยินเสียงของไป๋ชิงเหยียน ร่างที่เกร็งแน่นของไป๋จิ่นจื้อค่อยๆ ผ่อนคลายลง ทว่า สาวน้อยจับมือของไป๋ชิงเหยียนแน่นไม่ยอมปล่อย

ไป๋ชิงเหยียนลูบศีรษะของน้องสาวอย่างแผ่วเบา รู้สึกเหมือนตัวจะร้อนแต่ไม่ได้รุนแรงมาก คงเป็นเพราะเสียขวัญ

เดิมทีระหว่างเดินทางมาที่นี่ไป๋ชิงเหยียนให้สัญญากับตัวเองว่าหากพบตัวน้องสาวไม่ได้ความคนนี้ นางจะบิดหูของน้องสาวผู้บ้าบิ่นให้หลาบจำ ทว่า เมื่อเจอตัวน้องสาวจริงๆ หญิงสาวกลับทำไม่ลง

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้ามองดูใบหน้าเล็กของน้องสาวที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนจากกิ่งไม้และมือที่ถูกพันแผลไว้ หญิงสาวลูบไปที่มืออย่างแผ่วเบา ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่จนถึงตอนนี้

หากนางไปช้ากว่านั้นอีกนิดเดียว นางไม่อยากคิดถึงผลลัพธ์ที่ตามมาเลย

โชคดีที่นางไปทันเวลา…

ต่อไปนางจะไม่มีวันฝากชีวิตของคนในครอบครัวไว้กับผู้อื่นอีกแล้ว ไม่มีวันอีกแล้ว

“คุณหนูสี่แค่เสียขวัญจึงเป็นไข้ ไม่ร้ายแรงเจ้าค่ะ อาการของแม่นางเสิ่นก็คงที่แล้ว ทว่า ที่ทั้งคู่ยังไม่ฟื้นเป็นเพราะความเหนื่อยล้าเจ้าค่ะ ให้นอนพักอีกสักสองวันก็ดีขึ้นเจ้าค่ะ” จี้หลางหวาเอ่ยปลอบไป๋ชิงเหยียน จากนั้นสายตาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเสิ่นชิงจู๋ “ทว่า อาการของแม่นางเสิ่นควรให้นางกลับไปพักฟื้นให้ดีเจ้าค่ะ หากจะทำสงครามต่อก็ห้ามให้นางเหนื่อยมากเกินไปเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “สงครามยืดเยื้ออีกไม่นานหรอก ใกล้ยุติลงแล้ว”

คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนเหมือนคำพยากรณ์ น้ำท่วมเมืองหลงหยาง บุตรชายของสวินเทียนจางเสียชีวิตลงที่นั่น แม่ทัพจ้าวเซิ่งคุ้มกันแม่ทัพใหญ่สวินเทียนจางหนีกลับไปยังเมืองผูเหวิน ทว่า ถูกจับเป็นได้ระหว่างทาง

ต่อมา กองทัพต้าจิ้นบุกยึดเมืองผูเหวินกลับคืน จากนั้นยึดเมืองชุนมู่ต่อ เมื่อข่าวส่งกลับไปยังต้าเหลียง จักรพรรดิต้าเหลียงตะลึงงัน ราชสำนักต่างถกเถียงกันว่าจะทำสงครามต่อหรือยุติสงคราม

จักรพรรดิต้าจิ้นส่งขุนนางเจรจาหลิ่วหรูซื่อไปมอบสัญญาเจรจาสงบศึกยังต้าเหลียง